สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 34
การจะตัดสินว่าใครผิดใครถูก เราต้องดูเหตุและผลครับ
ถามว่า
ธุรกิจของแบงค์ทำอะไร (ให้บริการทางการเงิน)
ธุรกิจของบริษัทมือถือทำอะไร (ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม)
ถามว่า
สิ่งที่แบงค์ต้องรับผิดชอบ (เงินของลูกค้าจะต้องปลอดภัยมีเสถียรภาพ)
สิ่งที่บริษัทมือถือต้องรับผิดชอบ (การสื่อสารของลูกค้าจะขาดการติดต่อสื่อสารไม่ได้)
พูดง่าย ๆ ว่าแบงค์ใช้ประโยชน์จากธุรกิจมือถือ เพื่อมา support ธุรกิจของแบงค์เอง เพื่อให้ลูกค้าของแบงค์ได้รับความสะดวกสบาย
แล้วทำไมบริษัทมือถือต้องมาร่วมรับผิดชอบในเนื้องานของทางแบงค์ด้วย
ในเมื่อบริษัทมือถือเองก็ไม่ได้ทำธุรกิจทางด้านการเงินแต่อย่างใด
พูดง่าย ๆ ก็คือ แบงค์ยืมจมูกของบริษัทมือถือหายใจนั่นเอง
ไม่อย่างนั้น ถ้ามีคนเอาเบอร์มือถือไปวางระเบิด ถามว่าบริษัทมือถือต้องรับผิดชอบด้วยหรือ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางแบงค์จะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อลูกค้าไม่ได้
ส่วนบริษัทมือถือมีความผิดอย่างมากก็แค่ทำให้ลูกค้าเสียสิทธิในการใช้งานเบอร์มือถือเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบในเรื่องเงินของลูกค้าที่ถูกขโมยไปแต่อย่างใด
พูดง่าย ๆ ระบบ process ของแบงค์อ่อนแอ
จนทำให้เกิดช่องโหว่และปัญหาขึ้นเอง
ยังไงแบงค์ก็หนีความรับผิดชอบไปไม่ได้ครับ
ถามว่า
ธุรกิจของแบงค์ทำอะไร (ให้บริการทางการเงิน)
ธุรกิจของบริษัทมือถือทำอะไร (ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม)
ถามว่า
สิ่งที่แบงค์ต้องรับผิดชอบ (เงินของลูกค้าจะต้องปลอดภัยมีเสถียรภาพ)
สิ่งที่บริษัทมือถือต้องรับผิดชอบ (การสื่อสารของลูกค้าจะขาดการติดต่อสื่อสารไม่ได้)
พูดง่าย ๆ ว่าแบงค์ใช้ประโยชน์จากธุรกิจมือถือ เพื่อมา support ธุรกิจของแบงค์เอง เพื่อให้ลูกค้าของแบงค์ได้รับความสะดวกสบาย
แล้วทำไมบริษัทมือถือต้องมาร่วมรับผิดชอบในเนื้องานของทางแบงค์ด้วย
ในเมื่อบริษัทมือถือเองก็ไม่ได้ทำธุรกิจทางด้านการเงินแต่อย่างใด
พูดง่าย ๆ ก็คือ แบงค์ยืมจมูกของบริษัทมือถือหายใจนั่นเอง
ไม่อย่างนั้น ถ้ามีคนเอาเบอร์มือถือไปวางระเบิด ถามว่าบริษัทมือถือต้องรับผิดชอบด้วยหรือ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางแบงค์จะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อลูกค้าไม่ได้
ส่วนบริษัทมือถือมีความผิดอย่างมากก็แค่ทำให้ลูกค้าเสียสิทธิในการใช้งานเบอร์มือถือเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบในเรื่องเงินของลูกค้าที่ถูกขโมยไปแต่อย่างใด
พูดง่าย ๆ ระบบ process ของแบงค์อ่อนแอ
จนทำให้เกิดช่องโหว่และปัญหาขึ้นเอง
ยังไงแบงค์ก็หนีความรับผิดชอบไปไม่ได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 17
ขณะคนร้ายขอซิมใหม่ อ้างว่าโทรศัพท์หาย ทำไมทางผู้ให้บริการโทรศัพท์ (true) ถึงไม่โทรศัพท์ไปหาหมายเลขที่หายล่ะ ถ้าโทรไปก็จะติดผู้เสียหายก็รับสาย เรื่องก็จะแดง คนร้ายก็ไม่ได้ซิมใหม่ไป ก่อนตัดสัญญาณซิมเก่า ต้องโทรศัพท์ตรวจสอบก่อน ทำไมไม่ทำ อบรมพนักงานใหม่ด้วย ทั้งสามรายเลย Ais Dtac และ True
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าข้อเสนอธนาคารเป็นความจริง แปลว่า ธนาคารกสิกรไทย ไม่มีความรับผิดชอบต่อเงินฝากของลูกค้าเลยสิครับ
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ลูกค้าไม่ได้เป็นผู้โอน และธนาคารเป็นผู้ให้ข้อมูลกับโจรชั่ว เพื่อเป็นใบเบิกทางในการโจรกรรมเงิน
โจรใช้ข้อมูลปลอม ในการปลอมซิมของผู้เสียหาย จึงทำให้ธนาคารเสียหาย ไม่ใช่ทำให้เจ้าของบัญชีเสียหาย
ธนาคารจึงไม่ควรปัดความรับผิดชอบแบบนี้
ธนาคารควรไปจัดการกับ ทรูมูฟ เอช เองด้วยซ้ำนะครับ
#ความเห็นของผมในฐานะผู้ใช้ธุรกรรมการเงินonlineและไม่ใช่นักกฏหมายแค่มองทีละสเตป
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ลูกค้าไม่ได้เป็นผู้โอน และธนาคารเป็นผู้ให้ข้อมูลกับโจรชั่ว เพื่อเป็นใบเบิกทางในการโจรกรรมเงิน
โจรใช้ข้อมูลปลอม ในการปลอมซิมของผู้เสียหาย จึงทำให้ธนาคารเสียหาย ไม่ใช่ทำให้เจ้าของบัญชีเสียหาย
ธนาคารจึงไม่ควรปัดความรับผิดชอบแบบนี้
ธนาคารควรไปจัดการกับ ทรูมูฟ เอช เองด้วยซ้ำนะครับ
#ความเห็นของผมในฐานะผู้ใช้ธุรกรรมการเงินonlineและไม่ใช่นักกฏหมายแค่มองทีละสเตป
แสดงความคิดเห็น
สรุป ธนาคารกสิกรไทย ปัดภาระครึ่งหนึ่ง และ Truemove H ไม่รับผิดชอบความเสียหาย หรือครับ ?
นายพันธุ์สุธี มีลือกิจ กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องให้ธนาคารกสิกรไทย และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น เนื่องมีคนร้ายไปหลอกขอรหัสผ่านแอพพลิเคชั่น K-Mobile Banking โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขากรุงศรีอยุธยา ไปจนหมดบัญชี โดยคนร้ายได้ไปแจ้งกับทางทรูว่าซิมหายต้องการขอซิมใหม่ โดยใช้สำเนาบัตรประชาชนปลอมที่ทำขึ้นมา ข้อมูลในบัตรเป็นของตน แต่ภาพเป็นของคนร้าย ซึ่งปกติแล้วการขอซิมใหม่ของทรูจะต้องใช้บัตรจริงเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าทางทรูทำซิมใหม่ให้คนร้ายได้อย่างไร และตั้งแต่วันเกิดเหตุทางทรูไม่เคยติดต่อมาหาหรือแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด หลังเกิดเรื่องตนเป็นผู้ดำเนินเรื่องเองทั้งหมด จากนั้นเมื่อได้ซิมใหม่ก็โทรไปขอรหัสผ่าน K-Mobile Banking กับคอลเซ็นเตอร์โดยใช้ข้อมูลในบัตรประชาชนของตน เมื่อได้รหัสมาคนร้ายก็โอนเงินออกจากบัญชีไปจนหมดรวมทั้งสิ้น จำนวน 986,700 บาท เหลือเงินนบัญชีเพียง 58 บาท
ส่วนทางธนาคารกสิกรไทยนั้น ตนใช้ธนคารนี้มานานกว่า 5 ปี เพราะเชื่อว่าธนาคารนี้มีความมั่นคงและปลอดภัย แต่กลับต้องมาหมดตัวเพราะกรณีดังกล่าว แต่เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ ทางธนาคารได้ติดต่อกลับมาหาตนว่าสามารถชดใช้ได้เพียง 33% จากความเสียหายเท่านั้น ส่วนที่เหลือไปให้ตามเอาเองกับทรูและคนร้าย โดยขณะนี้ตนได้ไปแจ้งความเอาไว้แล้วที่ สภ.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2559 ซึ่งเป็นวัดเกิดเหตุ แต่ตำรวจระบุว่าไม่สามารถดำเนินคดีเพราะถือว่าทางธนาคารเป็นผู้เสียหาย แต่ทางธนาคารกับทรูไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด ทำให้ตนต้องเป็นคนสืบหาข้อมูลของคนร้ายเองจนขณะนี้ได้ภาพใบหน้าของคนร้าย ภาพเจ้าของบัญชีรับโอนเงินของตน และภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทรูช้็อปขณะกำลังติดต่อขอซิมใหม่
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเคสของตนไม่ใช่เคสแรก เพราะมีผู้โดนคนร้ายกลุ่มนี้ถอนเงินออกจนหมดธนาคารมาแล้วกว่า 6 ราย แต่บางรายกลับได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารอย่างเต็มที่ ตนจึงจำเป็นต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วยวิธีดังกล่าว เพราะหมดสิ้นหนทางในการตามเงินคืนแล้วในตอนนี้ จากนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ทางธนาคารกสิกรไทย ได้ออกคำชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า
1. จากจำนวนเงินที่ลูกค้าถูกคนร้ายถอนไป เนื่องจากคนร้ายได้ข้อมูลจากลูกค้าไปทำทุจริต ธนาคารเสนอความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาภาระของลูกค้าครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินที่ถูกทุจริต และจะช่วยลูกค้าอย่างเต็มที่ในการติดตามตัวคนร้าย
2. ลูกค้ามั่นใจได้ว่าระบบของธนาคารมีความปลอดภัย เนื่องจากเรามีการ verify ตัวตนลูกค้าก่อนให้บริการทุกครั้ง ทั้งนี้ทางธนาคารขอแนะนำว่า ลูกค้าควรเก็บข้อมูลส่วนตัวไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ
รวมถึงธนาคารจะดำเนินการในการติดต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในด้านการ verify ตัวตนลูกค้าในการออก sim ใหม่ ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุในการเกิด fraud รับ OTP ในการโอนเงินในครั้งนี้