เมื่อเกรดไม่ใช่ตัวตัดสิน ในการเรียนต่อป.โท กับมหาวิทยาลัยชั้นนำของ UK เสมอไป

ขอเกริ่นประวัติจขกท.สักนิดนึง  

จขกท.เป็นเด็กที่เรียนไม่ค่อยเก่ง จบป.ตรีทางด้านสังคมศาสตร์ จากวิทยาลัยนานาชาติมหิดล ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.04 ไม่ได้ทั้งเกียรตินิยมอันดับ 1 หรือ 2  ในช่วงที่เกรดเริ่มตก เลยหันมาทำกิจกรรมวิชาการกับทางมหาวิทยาลัยที่สอดคล้องกับสาขาที่จะไปเรียน ต่อ ควบคู่กันไปตั้งแต่ปี 3
(ลงพื้นที่เก็บข้อมูลวิจัยความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชาถึง 2 ครั้งกับทางคณะและมหาวิทยาลัย,  ยอมเสียเวลาพักการเรียนหนึ่งเทอมเพื่อไป ฝึกงานกับ สถานฑูต อเมริกันในปี2015 ผ่านโครงการ FNSIP ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนผู้ถูกคัดเลือก 25 คนจากผู้สมัครราวๆ 2,500คนทั่วประเทศ, เข้าร่วม Workshops ของ YSEALI ถึง 2 ครั้ง) เพราะคิดว่าประสบการณ์เหล่านี้นอกจจากจะให้ความรู้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้สมัครเรียนต่อได้ และมันก็นำมาใช้ได้จริงๆ

หลังเรียนจบจขกท. ได้ ทำการสมัครเรียนป.โทกับ The University of Manchester ทางด้าน International Development ทั้งที่รู้ว่า เกรดเฉลี่ยไม่ถึงเกียรตินิยมอันดับ 2 ตามที่มหาวิทยาลัยต้องการ แถมคณะที่เข้าศึกษาต่อมีชื่อเสียงและมีการแข่งขันสูงเพราะรับเพียงแค่ 100คนจากทั่วโลก แต่จขกท. ก็ลองเสี่ยงโชคโดยการยื่นใบสมัครไป โดยไม่ลืมพูดถึงกิจกรรมที่เอ่ยมาด้านบนทั้งหมด จขกท.ยื่นใบสมัคร ผ่าน AVSS Phuket + Hand-on Agency ประมาณปลายเดือนเมษายน ไม่ถึง 1สัปดาห์ ให้หลัง จขกท.ได้รับอีเมลล์ตอบกลับพร้อม unconditional offer จาก The University of Manchester ประมาณต้นเดือน พฤษภาคม 2016 จขกท.เป็น 1 ใน 100 คนทั่วโลกที่ได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่อกับทางมหาวิทยาลัยในสาขานี้

จขกท.อยากจะบอกกับทุกคนว่า เกรดอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การตัดสินว่าเรามีสิทธิ์เข้าเรียนในหลายๆมหาวิทยาลัย แต่ประสบการณ์ที่ทุกคนสั่งสมมาก็สำคัญไม่แพ้กันนะค่ะ

จขกท.ยินดีที่จะตอบทุกๆข้อสงสัยของทุกคน ตั้งแต่การเขียน SOP ไปจนถึง การทำวีซ่า หรือ การเข้าร่วมโปรแกรมฝึกงาน FNSIP & YSEALI workshop ถามมาได้เลยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่