การุณยฆาต: การประหารชีวิตทางการเแพทย์ (2)

กระทู้สนทนา
ปัจจุบันหลายประเทศให้การรับรองการสังหารชีวิตที่ไม่เป็นความผิดตามกฎหมายคือ การประหารชีวิต, การุณยฆาต, การทำสงครามระหว่างประเทศ, การป้องกันตนเองจากการถูกทำร้าย, การฆ่าโดยไม่เจตนา, การทำแท้ง และการช่วยทำอัตวินิบาตกรรม
"การช่วยทำอัตวินิบาตกรรม" ต่างจาก "การุณยฆาต" เช่น กรณีที่บางคนไม่มีปัญหาสุขภาพ แต่ประสบปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวจนต้องการทำอัตวินิบาตกรรม
ผู้ต้องการทำอัตวินิบาตกรรมร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อน เพื่อนจึงจัดหายาพิษให้กับเขา ดังนั้นการช่วยทำอัตวินิบาตกรรมจึงเป็นความผิดในหลายประเทศ
การช่วยทำอัตวินิบาตกรรมเป็นสิ่งถูกกฎหมายในบางประเทศคือ สวิตเซอร์แลนด์, เยอรมัน, ญี่ปุ่น, อัลบาเนีย, แคนาดา และบางรัฐในอเมริกา แต่จะต้องกระทำโดยแพทย์เท่านั้น เช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องการทำอัตวินิบาตกรรมสามารถแสดงเจตจำนงต่อแพทย์ แพทย์อาจใช้วิธีวางยาพิษที่ข้างเตียงของผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยเลือกกินยาพิษนี้เวลาใดก็ได้
การช่วยทำอัตวินิบาตกรรมทางการแพทย์ (Physician-assisted suicide: PAS) มีความแตกต่างกันในแต่ละรัฐของอเมริกาคือ ในบางรัฐผู้ป่วยสามารถแสดงเจตจำนงต่อแพทย์ได้ และแพทย์จะต้องจัดเตรียมวิธีการภายใน 6 เดือน
แต่บางรัฐผู้ป่วยจะต้องแสดงเจตจำนงต่อศาล โดยศาลจะเป็นผู้พิจารณาการช่วยทำอัตวินิบาตกรรมเป็นรายกรณี
หลังจากที่อเมริกาเป็นประเทศแรกที่ให้การรับรองการทำการุณยฆาตเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย กระแสการเรียกร้องในยุโรปเริ่มดังขึ้น
ในปี พ.ศ.2478 ชาร์ล คิลลิค มิลลาร์ด (แพทย์อังกฤษ) ก่อตั้งสมาคมสนับสนุนความถูกต้องตามกฎหมายในการทำการุณยฆาตโดยความสมัครใจในอังกฤษ เพื่อเรียกร้องสิทธิในการทำการุณยฆาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ในปี พ.ศ.2479 สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 (อังกฤษ) ทรมานด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และเยื่อหุ้มปอดอักเสบ อันเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ติดต่อกันหลายสิบปีตัดสินใจสั่งให้แพทย์หลวงทำอัตวินิบาตกรรมตนเองด้วยการฉีดมอร์ฟีน และโคเคนเกินขนาด (แต่ความลับนี้ถูกปกปิดมานานกว่า 50 ปีเพื่อรักษาพระเกียรติ)
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ.2482-2488) อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำพรรคนาซีเยอรมัน อนุมัติกฎหมายการทำการุณยฆาต และการดำเนินการที 4 (Aktion T4)
การดำเนินการที 4 อนุญาตให้แพทย์ในเยอรมัน และดินแดนที่พรรคนาซีเข้ายึดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำการุณยฆาตกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเยียวยา, ผู้พิการทางร่างกายหรือสติปัญญา และผู้ป่วยทางจิต โดยการรมก๊าซพิษ
พรรคนาซีทำโฆษณาชวนเชื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการทำการุณยฆาต เพื่อช่วยประหยัดงบประมาณในการดูแลผู้ป่วยเหล่านี้
มีการประมาณกันว่า ผู้ป่วยกว่า 300,000 คนซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กกว่า 5,000 คนถูกทำการุณยฆาตตลอดช่วงที่อยู่ภายใต้การปกครองของพรรคนาซี ทั้งนี้ยังไม่รวมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวอีกกว่า 5 ล้านคน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการถกเถียงเรื่องการทำการุณยฆาตในอเมริกา โดยผู้สนับสนุนที่เป็นชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ และชาวยิวร่วมลงชื่อสนับสนุนให้มีการทำการุณยฆาต ขณะที่ชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคคัดค้าน
ฝ่ายที่สนับสนุนการทำการุณยฆาตให้เหตุผลว่า
- มนุษย์ทุกคนมีสิทธิที่จะตัดสินใจด้วยตนเองที่จะเลือกชะตาชีวิตของพวกเขา
- การช่วยให้พวกเขาเสียชีวิตดีกว่าการต่อชีวิตพวกเขาอย่างทรมาน
- การอ้างเรื่องจริยธรรมทางศาสนาเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผล
- การทำการุณยฆาตไม่เป็นการกระทำผิดหลักศาสนา
ฝ่ายที่คัดค้านการทำการุณยฆาตให้เหตุผลว่า
- ไม่ใช่การเสียชีวิตทั้งหมดที่เป็นความทรมาน
- การแพทย์ที่ก้าวหน้าสามารถบรรเทาความทรมานได้
- การทำการุณยฆาตเป็นการกระทำผิดหลักศาสนา
- ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวอาจไม่ต้องการทำการุณยฆาต
นอกจากนี้ยังมีความเห็นในภายหลังคัดค้านการทำการุณยฆาต เช่น
- การทำการุณยฆาตเป็นการทำลายเกียรติยศของผู้ป่วย
- การทำการุณยฆาตเป็นเพราะแพทย์ทำงานไม่เต็มที่
- การทำการุณยฆาตเป็นเพราะญาติของผู้ป่วยไม่เหลียวแล หรือต้องการมรดก
ปัจจุบันมีเพียงบางประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์, เบลเยี่ยม, โคลัมเบีย และลักเซมเบิร์ก ที่มีกฎหมายรับรองการทำการุณยฆาตเป็นสิ่งถูกกฎหมาย
แม้การทำการุณยฆาตจะเป็นที่ยอมรับในบางศาสนา เช่น คริสต์ และยูดาห์ โดยเห็นว่า การทำการุณยฆาตหากมีเจตนาเพื่อระงับความทรมาน แม้จะทำผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตก็ไม่ถือเป็นบาป แต่ในศาสนาพุทธยังถือเป็นบาปในศีล 5
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่