เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมได้ไปแจ้งความดำเนินคดีมาในเขตกรุงเทพ
ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ แต่สัญญาเกิดที่สระบุรี
โดยผมเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ

มีหลักฐานคือ
1.สำเนาสัญญาเช่าซื้อสังหาริมทรัพย์
2.สำเนาเอกสารการผ่อนส่งค่าเช่าซื้อ
3.สำเนาเอกสารการทวงถามค่าเช่าซื้อ
4.สำเนารูปภาพสังหาริททรัพย์และภาพการส่งมอบ
5.สำเนาหลักฐานการยักยอก
6.สำเนาใบมอบอำนาจ
7.สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านผู้เช่าซื้อ
*ผมมีเอกสารต้นฉบับไปด้วยยกเว้นใบมอบอำนาจ
**ผมต้องการแค่ให้ทางตำรวจรับแจ้งความและหมายเรียกผู้ต้องหา
   โดยผมจะยื่นฟ้องเอง
***ที่ยื่นเป็นสำเนาใบมอบอำนาจ เพราะไม่อยากยุ่งยาก
    เรื่องการออกหมายเรียกใบมอบอำนาจต้นฉบับในชั้นพิจารณา
****ขออนุญาตไม่ระบุชนิดสังหาริมทรัพย์และวิธีการยักยอก

ปัญาหาของผมคือเรื่องอายุความครับ เพราะกลัวคดีจะขาดอายุความเสียก่อน
ซึ่งหากแจ้งความดำเนินคดีช้าเกิดไป อาจมีปัญหาเมื่อมีการดำเนินคดี
ถึงชั้นพิจารณาได้ แต่ร้อยเวรไม่รับแจ้งความ โดยอ้างว่า
1.ในการแจ้งความต้องใช้ใบมอบอำนาจตัวจริงที่ติดอากรแสตมป์
2.คดีนี้ไม่ได้เป็นคดีอาญาโดยมองว่าเป็นแค่คดีแพ่ง(อ้างว่าเช่าซื้อสังหาไม่สามารถ
  กระทำได้เพราะกรรมสิทธิ์โอนไปตั้งแต่ส่งมอบทรัพย์แล้ว)
3.ต่อเนื่องจากข้อ2. มองว่าเป็นเพียงการผิดสัญญาธรรมดา
  ต้องแจ้งที่ที่สัญญาได้เกิดขึ้น

ซึ่งผมขี้เกียจเถียงเพราะรู้ว่าร้อยเวรไม่อยากรับคดีนี้
และผมไม่มีความรู้เรื่องใบมอบอำนาจ

ผมเลยคิดหาทางออกใหม่โดยการแจ้งความดำเนินคดีเป็นหนังสือ
ผ่านทางไปรษณีย์ตอบรับไปที่ที่เหตุเกิด(กรุงเทพ) คำถามคือ
1.การการแจ้งความดำเนินคดีเป็นหนังสือผ่านทางไปรษณีย์ตอบรับจะทำให้
อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อใด
(วันที่ระบุว่าได้รับหนังสือหรือวันที่ร้อยเวรลงบันทึกประจำวันว่ารับคดี)
2.ในการแจ้งความดำเนินคดี จำเป็นต้องยื่นใบมอบอำนาจต้นฉบับหรือไม่
3.ถ้าผมแจ้งความดำเนินคดีในเขตที่สัญญาเกิดโดยเพียงแค่ต้องการให้ตำรวจ
ออกหมายเรียกพยานจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงหรือไม่
(หมายเรียกผู้เช่าซื้อในฐานะพยาน)

ขอรบกวนนักกฎหมายหรือผู้รู้ทุกท่านแนะนำด้วยครับ
ถ้ามีคำพิพากษาฎีกาประกอบจะดีมาก
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่าน
กระทู้แรกของผม ผิดถูกอย่างไรรบกวนแนะนำด้วยครับ