[CR] แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่า Work and Holiday (Australia 2016) กับ VFS

มันคงจะดีมากถ้าจะได้เที่ยวต่างประเทศนานๆ แล้วคิดดูว่าถ้าเราสามารถทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย มันจะดีขนาดไหน
ข้อจำกัดของวีซ่าท่องเที่ยวทั่วไปคือห้ามทำงาน ดังนั้น ถ้าทำวีซ่าประเภทที่เป็น Tourist visa ไป เที่ยวได้อย่างเดียวนะจ๊ะ แอบทำงานแล้วโดนจับ โดนส่งกลับ โดนแบล็คลิสท์ นี่ลำบากเลยนะ

ประเภทของวีซ่าที่สามารถเที่ยวแล้วก็ทำงานไปด้วยได้หลักๆเลยก็จะมี Working visa ของแต่ละประเทศ กับอีกแบบนึงคือ Working and Holiday visa (Australia กับ New Zealand)

สำหรับใครที่สงสัยว่า Working and holiday visa คืออะไร แนะนำลิ้งค์นี้เลยค่ะ http://www.thaiwahclub.com/article-wah/australia/40-Wah-FAQ.html

เกริ่นมาเยอะมาก กระทู้นี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ขอ Work and Holiday visa (Subclass 462) ของ Australia โควต้าปี 2559 ค่ะ

หลังจากผ่านด่านกดโควต้ามาได้แล้ว ก็ต้องยื่นเอกสารกับทางกรมกิจการเด็กและเยาวชน(ดย.)เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ (อายุ, วุฒิการศึกษา, ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ, หลักฐานสถานะทางการเงิน) หลังจากนั้นก็จะได้ใบรับรองคุณสมบัติมาค่ะ ซึ่งใบรับรองอันนี้จะเป็นเอกสารที่เอาไปใช้ขอวีซ่าด้วย

เอกสารที่ใช้ขอวีซ่า - ทุกข้อเราซีรอกซ์ไว้อย่างน้อย 2 ชุดค่ะ
1. Form 1208 - Application for a Work and Holiday visa. - Download ได้จาก http://www.border.gov.au/Forms/Documents/1208.pdf
2. พาสปอร์ต (เหลือการใช้งานอย่างน้อย6เดือน)

- ซีรอกซ์หน้าแรกพาสปอร์ตแล้วก็ทุกหน้าของพาสปอร์ตที่มีการปั้มตราเข้าออกรวมถึงวีซ่าของทุกประเทศที่มี
3. รูปถ่าย 45mm x 35mm 2 รูป
4. หนังสือรับรองคุณสมบัติจากดย.
5. สำเนาบัตรประชาชนและฉบับแปลภาษาอังกฤษ
6. สำเนาทะเบียนบ้านและฉบับแปลภาษาอังกฤษ
7. หลักฐานทางการศึกษา (ปริญญาบัตร ทรานสคริปท์)
8. หลักฐานทักษะการใช้งานภาษาอังกฤษ
- เราใช้ผลสอบ IELTS
9. หลักฐานทางการเงินขั้นต่ำ 5000AU
D
- สมุดบัญชีเล่มจริง

- Statement ย้อนหลัง 6 เดือน

 - เราใช้ Bank guarantee เพิ่มไปในข้อนี้ด้วย เพราะเราไม่เคยเอาเล่มบัญชีไปอัพเดทเลย

 - เอกสารอธิบายที่มาของเงิน เรามีเงินก้อนใหญ่เข้ามาเป็นโบนัสกับเงินที่ขายสลากออมสิน
10. แผนการท่องเที่ยว/ทำงานภายในระยะเวลา 1 ปี
11. เอกสารยืนยันสถานะการทำงาน (ข้อนี้ถ้าเพิ่งเรียนจบก็ไม่จำเป็นนะคะ)
12. ค่าธรรมเนียมวีซ่า 12,350 บาท (440AUD)

สถานที่ขอวีซ่าก็จะเป็น VFS Global ชั้น 28 ตึกเทรนดี้ สุขุมวิท 13

ขั้นตอนยื่นวีซ่า - เราใช้เวลาที่ VFS ไปประมาณ 40 นาที
1. ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 28 ผ่าน Security check
2. แจ้งเจ้าหน้าที่ตรงเคาท์เตอร์ว่าจะมายื่นวีซ่าของออสเตรเลีย (ชั้น28 จะเป็นที่ยื่นวีซ่ารวมของอังกฤษกับออสเตรเลีย)
3. รับบัตรคิว รอเรียกคิวยื่นเอกสาร
4. รอเรียกคิวทำ Biometric
หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียม ก็จะได้ใบเสร็จที่มีเลขไว้ track สถานะของวีซ่าจากเว็บของ VFS ค่ะ (ซึ่งมีอัพเดทแค่ใบสมัครส่งไปสถานทูตแล้ว, สถานทูตส่งวีซ่าคืนมาที่ Vfs แล้ว, เอกสารวีซ่าส่งออกไปกับทางผู้ขนส่งไปรษณีย์แล้ว ประมาณนี้นะคะ)

หลังจากเรายื่นเอกสารไปตอนวันที่ 03/08/2016 เราก็ได้รับอีเมลจากทางสถานทูตให้ไปตรวจร่างกายวันที่ 04/08/2016 โดยที่เราจะต้องไปตรวจร่างกายภายใน 7 วันหลังจากได้รับอีเมลอันนี้ ซึ่งในกรุงเทพจะสามารถเลือกได้สองที่นะคะ คือ BNH กับ โรงพยาบาลกรุงเทพ
เราเลือกไปตรวจที่ BNH วันที่ 05/08/2016 ใช้เวลาตรวจและรอผลประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ โดยมีการ X-ray ปอด แล้วก็สอบถามประวัติสุขภาพทั่วไป เมื่อเสร็จแล้วทางโรงพยาบาลจะส่งผลไปให้สถานทูตเองค่ะ

หลังจากนั้นก็รอ ทาง VFS แจ้งว่าจะทราบผลวีซ่าภายใน 10-15 วัน เราก็เช็คผลในเว็บเรื่อยๆค่ะ เพราะไม่ได้สมัคร SMS กับทาง VFS ไว้ (เปลือง 555)

สรุปช่วงเวลาในการขอวีซ่านะคะ
03/08/2016 ยื่นเอกสารที่ VFS
04/08/2016 สถานทูตส่งเมลให้ไปตรวจสุขภาพ
05/08/2016 ตรวจสุขภาพ
15/08/2016 Visa decision date - เอกสารอนุมัติวีซ่าส่งมาที่​ VFS สามารถไปรับได้เลยค่ะ (เราไปรับเองเพราะใกล้ที่ทำงาน)

ตอนนี้ก็ทำแพลนรอบินละคะ ยิ้ม

ถ้ามีข้อสงสัยอะไร สอบถามได้ทั้งทางหลังไมค์พันทิปหรือในเพจก็ได้นะคะ แฮร่ https://www.facebook.com/plswaittobeseated
ชื่อสินค้า:   VFS Global Australia
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่