***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
วันที่ 18 สิงหาคมของทุกปี เป็น "
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ" เพราะว่าเมื่อย้อนอดีตกลับไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411
จะเป็นวันที่รัชกาลที่ 4 หรือ "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง
ที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังจากที่พระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาไว้ล่วงหน้า 2 ปีอย่างแม่นยำ
MC ฮารุจังมีนักวิทยาศาสตร์ในดวงใจหลายคน วันนี้จะแนะนำนักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ท่านนึงค่ะ นอกจากจะอัจฉริยะแล้ว
สิ่งที่น่ายกย่องคือความมี "ใจสู้" เราเองได้แรงบันดาลใจจากท่านนี้เหมือนกัน คนอะไรใจสู้ชะมัด
สตีเฟน ฮอว์คิง (Stephen Hawking) อัจฉริยะบนรถเข็น
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อนี้ เขาเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยา ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
นักวิทยาศาสตร์ผู้กวาดรางวัลมามากมาย และมีผลงานตีพิมพ์เผยแพร่ก้องโลก
หากใครยังไม่รู้จัก อย่าเพิ่งคิดว่านักวิทยาศาสตร์คงจะมีแต่เรื่องน่าเบื่อ น่าปวดหัว
วันนี้เราจะพักเรื่องวิชาการยากๆ มาดูมุมมองในชีวิตแง่มุมต่างๆ ดูบ้าง
สตีเฟน ฮอว์คิง เกิดวันที่ 8 มกราคม 1942 ที่เมือง Oxford ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันก็อายุ 74 ปีแล้ว
เขาเป็นผู้ที่ได้รับฉายาว่าเป็นไอน์สไตน์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และถือว่าเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้
ฮอว์คิงเกิดมาตอนที่ครอบครัวเริ่มประสบปัญหาการเงิน และสถานการณ์การเมืองตึงเครียดเพราะสงครามโลกครั้งที่ 2
ตั้งแต่เด็กเขาสนใจคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และมักจะให้ความสนใจกับสิ่งต่างๆนอกเหนือจากในห้องเรียน
ชีวิตดำเนินอย่างปกติสุขเรื่อยมาจนกระทั่งเขาอายุ 20 ต้นๆ เขาเริ่มสะดุดล้มบ่อยๆ และพูดไม่ค่อยชัด
เขาสูญเสียระบบสั่งการเรื่องการเคลื่อนไหวไปทีละนิด จากขาจนลามขึ้นไปถึงบริเวณทรวงอกทำให้หายใจแบบคนปกติไม่ได้
หมอบอกว่าเขาเป็นโรค Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS) ซึ่งเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดหนึ่ง
และจะมีชีวิตได้อยู่อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น !!!
ฮอว์คิง อายุ 23 ปี แต่งงานกับ เจน ไวลด์ ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน ทั้งที่เจนรู้ว่าเขาอยู่ได้อีกไม่นานแต่เธอก็ไม่สนใจ
เจนคอยดูแลและเป็นกำลังใจให้เขาเรื่อยมา แต่ปัจจุบันทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เมื่อทราบว่าเป็นโรคร้าย หากเป็นคนอื่นคงหมดอาลัยตายอยาก หรือปล่อยปละชีวิตกับสิ่งไร้สาระ
แต่เขาเกรงว่าตัวเองจะอยู่ได้ไม่นานพอที่จะเรียนจบปริญญาเอก นั่นทำให้เขาทุ่มเทชีวิตไปกับงานวิจัยของเขาอย่างเต็มที่
ฮอว์คิง เริ่มอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลามไปถึงคอจนทำให้คอพับ เพราะสมองไม่สั่งการให้คอตั้งตรง และร่างกายอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
จนต้องมาใช้รถ wheelchair แต่เขากลับยิ่งมุ่งมั่นสานฝันด้านการวิจัยวิทยาศาสตร์ของเขา
เมื่ออายุ 32 ปี เขาได้ช็อกโลกวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่ เมื่องานวิจัยเขาแสดงให้เห็นว่า
"
หลุมดำไม่ได้มีลักษณะเป็นสุญญากาศโดยสมบูรณ์อย่างที่นักวิทยาศาสตร์ยุคก่อนหน้าเชื่อ"
ภายหลังเขาได้รับรางวัล ชื่อเสียง การยกย่องและจารึกชื่อ เทียบเท่าไอน์สไตน์ และเซอร์ไอแซค นิวตัน เลยทีเดียว
เขายังเผชิญโรคร้ายมากมาย เช่น ปอดอักเสบ ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ จนเมื่ออายุ 43 ปี เขาต้องผ่าตัดหลอดลม
ทำให้สูญเสียการใช้เสียงไปตลอดกาล แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้โดยสื่อสารกับผู้อื่นด้วยวิธีกระพริบตาเลือกอักษรทีละตัว
ต่อมาเขาใช้โปรแกรมสังเคราะห์เสียง ช่วงแรกเขาบังคับอุปกรณ์ด้วยนิ้วมือ โอย น่าจะเหนื่อยมากๆ
แต่ยังค่ะ ทุกวันนี้เมื่อเขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้แล้ว นิ้วก็กระดิกได้นิดหน่อย ทายซิว่าเขาทำยังไง ...
เขาควบคุมอุปกรณ์โดยการใช้กล้ามเนื้อแก้มขวาที่ติด sensorไว้ !!! ก็แก้มขวายังทำงานได้นี่นะ
เซนเซอร์ที่ติดตั้งอยู่บนแว่นตาจะเชื่อมต่อไปยังคอมพิวเตอร์ จากนั้นเซนเซอร์จะตรวจวัดการกระตุกของแก้ม
ซึ่งเป็นการเลือกคำที่แสดงอยู่บนจอคอมพิวเตอร์ จากนั้นคำที่ถูกเลือกก็จะถูกสังเคราะห์ออกมาเป็นเสียง
ฮอว์คิงต้องใช้เวลา 10 นาทีเพื่อสร้างคำพูด 1 ประโยค OMG !!!
ฮอว์คิงมีความฝันอยากท่องอวกาศ จนเมื่ออายุ 65 ปี เขาเข้าใกล้ความฝัน โดยได้อยู่บนเครื่องบินโบอิ้งดัดแปลง
เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก ได้สัมผัสภาวะไร้น้ำหนักเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง เป็นช่วงที่เขามีอิสระจาก wheelchair
ทุกวันนี้ฮอว์คิงยังคงใช้ชีวิตปกติ ทุ่มเทงานวิจัย ตีพิมพ์ผลงาน บรรยายให้ความรู้ ฯลฯ เขาได้กระตุ้นให้ผู้ฟัง
ให้ความสำคัญและใส่ใจในอาชีพอันน่าประทับใจของเขา และอนาคตของวิทยาศาสตร์มากกว่าการต่อสู้ดิ้นรนกับโรคร้ายของเขา
บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มอบเหรียญสดุดีพลเรือนให้แก่เขา (เอเอฟพี)
สังเกตดูจะเห็นเซนเซอร์ที่แก้มขวาค่ะ
ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.bluerollingdot.org/articles/inspiration/246
http://ppantip.com/topic/33326564
https://blog.eduzones.com/GlobalAcademyLadphrao/140412
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000006696
...........................................................
ฮอว์คิงประสบโรคร้าย ทั้งที่แพทย์ทำนายว่าอยู่ได้อีกแค่ 2 ปี แต่ทุกวันนี้เขาอยู่ต่อมาได้อีก 50 ปีแล้ว
ไม่เพียงแค่มีชีวิตรอด แต่เขายังสร้างผลงานก้องโลกที่เป็นประโยชน์กับมนุษยชาติมากมาย
นั่นก็เพราะ "
การมองโลกในแง่ดี มีความหวัง ใจสู้ และความกระตือรือร้นตื่นตัวทางจิตใจและปัญญา"
ความหวังและใจสู้ คือของขวัญล้ำค่าที่ใครก็มาเอาจากเราไปไม่ได้
ฝันมีชีวิต - อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง
...แม้มีไม่เท่าคนอื่น ขาไม่อาจยืน มือชูไม่ไหว
หรือตาที่ปิด หูฟังไม่ได้ ก็มีความหมายคำว่าคน
แต่ยังแข็งขัน ยืนยันสู้อีก ไม่ได้หลีกไกล จะฝันแม้แค่มีสิทธิ์...
https://www.youtube.com/watch?v=6gNpZCC62Gg
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โลกเราที่เวียนหมุนอยู่ ล้วนมีเกิดแก่เจ็บตาย
แพ้ตัว-แพ้ใจไม่ได้ แม้ร่างกายมาไม่เต็ม
หัวใจรับเลือดแดงฉีด หายใจไม่ขาดตอน
เนื้อตัวผิวกายที่อ่อน ร้อนเย็นเจ็บเศร้าเป็น
อยากจะเห็นคน อยากตะโกนร้องเพลง
อยากฟังเสียงตัวเอง อยากจะวิ่ง อยากเดิน
อยากจะมีสองมือ ไว้คอยสร้างสิ่งฝัน
แต่ยังแข็งขัน ยืนยันสู้อีก ไม่ได้หลีกไกล จะฝันแม้แค่มีสิทธิ์
หากชีวิตนั้น เลือกในที่เกิด ทุกคนเกิดมา อยากพร้อมมีครบกาย
แต่ในทาง ของคนตรงข้ามกัน
แต่ละคน ที่เป็นใครให้เป็น แต่ละคนโถใครกำหนดมา
แม้มีไม่เท่าคนอื่น ขาไม่อาจยืน มือชูไม่ไหว
หรือตาที่ปิด หูฟังไม่ได้ ก้อมีความหมายคำว่าคน (ไม่ได้เลือกเกิดมาเป็นภาระสังคม)
แต่ยังแข็งขัน ยืนยันสู้อีก ไม่ได้หลีกไกล จะฝันแม้แค่มีสิทธิ์
หากชีวิตนั้น เลือกในที่เกิด ทุกคนเกิดมา อยากพร้อมมีครบกาย
แต่ในทาง ของคนตรงข้ามกัน
แต่ละคน ที่เป็นใครให้เป็น แต่ละคนโถใครกำหนดมา
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 18/8/2016
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
วันที่ 18 สิงหาคมของทุกปี เป็น "วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ" เพราะว่าเมื่อย้อนอดีตกลับไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411
จะเป็นวันที่รัชกาลที่ 4 หรือ "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง
ที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังจากที่พระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาไว้ล่วงหน้า 2 ปีอย่างแม่นยำ
MC ฮารุจังมีนักวิทยาศาสตร์ในดวงใจหลายคน วันนี้จะแนะนำนักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ท่านนึงค่ะ นอกจากจะอัจฉริยะแล้ว
สิ่งที่น่ายกย่องคือความมี "ใจสู้" เราเองได้แรงบันดาลใจจากท่านนี้เหมือนกัน คนอะไรใจสู้ชะมัด
สตีเฟน ฮอว์คิง (Stephen Hawking) อัจฉริยะบนรถเข็น
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อนี้ เขาเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยา ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
นักวิทยาศาสตร์ผู้กวาดรางวัลมามากมาย และมีผลงานตีพิมพ์เผยแพร่ก้องโลก
หากใครยังไม่รู้จัก อย่าเพิ่งคิดว่านักวิทยาศาสตร์คงจะมีแต่เรื่องน่าเบื่อ น่าปวดหัว
วันนี้เราจะพักเรื่องวิชาการยากๆ มาดูมุมมองในชีวิตแง่มุมต่างๆ ดูบ้าง
สตีเฟน ฮอว์คิง เกิดวันที่ 8 มกราคม 1942 ที่เมือง Oxford ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันก็อายุ 74 ปีแล้ว
เขาเป็นผู้ที่ได้รับฉายาว่าเป็นไอน์สไตน์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และถือว่าเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้
ฮอว์คิงเกิดมาตอนที่ครอบครัวเริ่มประสบปัญหาการเงิน และสถานการณ์การเมืองตึงเครียดเพราะสงครามโลกครั้งที่ 2
ตั้งแต่เด็กเขาสนใจคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และมักจะให้ความสนใจกับสิ่งต่างๆนอกเหนือจากในห้องเรียน
ชีวิตดำเนินอย่างปกติสุขเรื่อยมาจนกระทั่งเขาอายุ 20 ต้นๆ เขาเริ่มสะดุดล้มบ่อยๆ และพูดไม่ค่อยชัด
เขาสูญเสียระบบสั่งการเรื่องการเคลื่อนไหวไปทีละนิด จากขาจนลามขึ้นไปถึงบริเวณทรวงอกทำให้หายใจแบบคนปกติไม่ได้
หมอบอกว่าเขาเป็นโรค Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS) ซึ่งเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดหนึ่ง
และจะมีชีวิตได้อยู่อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น !!!
ฮอว์คิง อายุ 23 ปี แต่งงานกับ เจน ไวลด์ ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน ทั้งที่เจนรู้ว่าเขาอยู่ได้อีกไม่นานแต่เธอก็ไม่สนใจ
เจนคอยดูแลและเป็นกำลังใจให้เขาเรื่อยมา แต่ปัจจุบันทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เมื่อทราบว่าเป็นโรคร้าย หากเป็นคนอื่นคงหมดอาลัยตายอยาก หรือปล่อยปละชีวิตกับสิ่งไร้สาระ
แต่เขาเกรงว่าตัวเองจะอยู่ได้ไม่นานพอที่จะเรียนจบปริญญาเอก นั่นทำให้เขาทุ่มเทชีวิตไปกับงานวิจัยของเขาอย่างเต็มที่
ฮอว์คิง เริ่มอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลามไปถึงคอจนทำให้คอพับ เพราะสมองไม่สั่งการให้คอตั้งตรง และร่างกายอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
จนต้องมาใช้รถ wheelchair แต่เขากลับยิ่งมุ่งมั่นสานฝันด้านการวิจัยวิทยาศาสตร์ของเขา
เมื่ออายุ 32 ปี เขาได้ช็อกโลกวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่ เมื่องานวิจัยเขาแสดงให้เห็นว่า
"หลุมดำไม่ได้มีลักษณะเป็นสุญญากาศโดยสมบูรณ์อย่างที่นักวิทยาศาสตร์ยุคก่อนหน้าเชื่อ"
ภายหลังเขาได้รับรางวัล ชื่อเสียง การยกย่องและจารึกชื่อ เทียบเท่าไอน์สไตน์ และเซอร์ไอแซค นิวตัน เลยทีเดียว
เขายังเผชิญโรคร้ายมากมาย เช่น ปอดอักเสบ ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ จนเมื่ออายุ 43 ปี เขาต้องผ่าตัดหลอดลม
ทำให้สูญเสียการใช้เสียงไปตลอดกาล แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้โดยสื่อสารกับผู้อื่นด้วยวิธีกระพริบตาเลือกอักษรทีละตัว
ต่อมาเขาใช้โปรแกรมสังเคราะห์เสียง ช่วงแรกเขาบังคับอุปกรณ์ด้วยนิ้วมือ โอย น่าจะเหนื่อยมากๆ
แต่ยังค่ะ ทุกวันนี้เมื่อเขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้แล้ว นิ้วก็กระดิกได้นิดหน่อย ทายซิว่าเขาทำยังไง ...
เขาควบคุมอุปกรณ์โดยการใช้กล้ามเนื้อแก้มขวาที่ติด sensorไว้ !!! ก็แก้มขวายังทำงานได้นี่นะ
เซนเซอร์ที่ติดตั้งอยู่บนแว่นตาจะเชื่อมต่อไปยังคอมพิวเตอร์ จากนั้นเซนเซอร์จะตรวจวัดการกระตุกของแก้ม
ซึ่งเป็นการเลือกคำที่แสดงอยู่บนจอคอมพิวเตอร์ จากนั้นคำที่ถูกเลือกก็จะถูกสังเคราะห์ออกมาเป็นเสียง
ฮอว์คิงต้องใช้เวลา 10 นาทีเพื่อสร้างคำพูด 1 ประโยค OMG !!!
ฮอว์คิงมีความฝันอยากท่องอวกาศ จนเมื่ออายุ 65 ปี เขาเข้าใกล้ความฝัน โดยได้อยู่บนเครื่องบินโบอิ้งดัดแปลง
เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก ได้สัมผัสภาวะไร้น้ำหนักเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง เป็นช่วงที่เขามีอิสระจาก wheelchair
ทุกวันนี้ฮอว์คิงยังคงใช้ชีวิตปกติ ทุ่มเทงานวิจัย ตีพิมพ์ผลงาน บรรยายให้ความรู้ ฯลฯ เขาได้กระตุ้นให้ผู้ฟัง
ให้ความสำคัญและใส่ใจในอาชีพอันน่าประทับใจของเขา และอนาคตของวิทยาศาสตร์มากกว่าการต่อสู้ดิ้นรนกับโรคร้ายของเขา
บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มอบเหรียญสดุดีพลเรือนให้แก่เขา (เอเอฟพี)
สังเกตดูจะเห็นเซนเซอร์ที่แก้มขวาค่ะ
ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.bluerollingdot.org/articles/inspiration/246
http://ppantip.com/topic/33326564
https://blog.eduzones.com/GlobalAcademyLadphrao/140412
http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000006696
...........................................................
ฮอว์คิงประสบโรคร้าย ทั้งที่แพทย์ทำนายว่าอยู่ได้อีกแค่ 2 ปี แต่ทุกวันนี้เขาอยู่ต่อมาได้อีก 50 ปีแล้ว
ไม่เพียงแค่มีชีวิตรอด แต่เขายังสร้างผลงานก้องโลกที่เป็นประโยชน์กับมนุษยชาติมากมาย
นั่นก็เพราะ "การมองโลกในแง่ดี มีความหวัง ใจสู้ และความกระตือรือร้นตื่นตัวทางจิตใจและปัญญา"
ความหวังและใจสู้ คือของขวัญล้ำค่าที่ใครก็มาเอาจากเราไปไม่ได้
ฝันมีชีวิต - อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง
...แม้มีไม่เท่าคนอื่น ขาไม่อาจยืน มือชูไม่ไหว
หรือตาที่ปิด หูฟังไม่ได้ ก็มีความหมายคำว่าคน
แต่ยังแข็งขัน ยืนยันสู้อีก ไม่ได้หลีกไกล จะฝันแม้แค่มีสิทธิ์...
https://www.youtube.com/watch?v=6gNpZCC62Gg
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้