ตามชื่อกระทู้นั่นแหละค่ะ อิชั้นเป็นมนุษย์ครูผู้มีงานท่วมท้น แต่ใจดันรักการแต่งนิยายซะงั้น
ในฐานะที่เป็นครูจะให้มาทำอะไรแบบนี้ก็กลัวนักเรียนจะมาเห็น ห้าๆๆ งั้นอิชั้นก็จะใช้นามแฝงในโลกพันทิปแห่งนี้เองงงง *เสียงสูง*
และนามแฝงที่อิชั้นจะนำมาใช้น้านนน เป็นชื่อธรรมดาเฉิ่มๆตามแบบฉบับคนอายุครึ่งๆกลางๆ(รึเปล่าไม่รู้)ที่มีความคิดโบราณๆ(นิดนึงอะนะ)แต่มันก็เพราะใช้ได้เลยทีเดียวนะ. อะแฮ่มมม!! ลำไยมาสองสามบรรทัดหลายคนเริ่มที่จะรำคาญ(มั้ย) เอาล่ะ นามแฝงของอิชั้นก็คืออออ(ดื่อ ดือ อือ อื่อ)
" วาดฟ้า หวังอรุณ " โอ้โหหห แค่ชื่อก็.........ขนาดนี้แล้วใช่มั้ยหละ ห้าๆๆ เดี๋ยวขอสปอยนามแฝงตัวเองก่อนนิดนุงโนะ
คือหลายคน...หรือบางคน...หรือสองสามคน......หรืออาจไม่มีสักคน(TTไม่มีจริงเหรอ) ช่างมันเถอะ ต่อๆ...อาจเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนนะ
คือวาดฟ้าเนี่ย จริงๆแล้วอิชั้นเคยใช้เป็นนามปากกาตอนที่แต่งเรื่องสั้นส่งเข้าประกวดกับ 'นายอินทร์อะวอร์ด' แล้วผลที่ออกมาก็คือ.......คืออิชั้นก็จำไม่ได้แล้วนะ มันค่อนข้างนานมาแล้ว ห้าๆๆ มันได้รางวัลมั้ยเหรอ(...) แต่ที่อิชั้นจำได้คือเรื่องสั้นเรื่องนั้นได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือด้วยแหละ ที่เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ผ่านการคัดเลือกมาของนายอินทร์อะวอร์ด ซึ่งถ้าบางคนเคยอ่าน ก็อาจจะพอคุ้นๆอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่คุ้นก็ไม่เป็นไรค่ะ!! เพราะตอนนี้ อิชั้นกำลังจะแต่งนิยายเรื่องใหม่ และต้องการให้หลายๆคนที่รักในการอ่านนิยาย ได้มาลองอ่านนิยายที่ฟ้าแต่ง(แหมๆ จากอิชั้นกลายเป็นฟ้าไปแล้วว) บางเหตุการณ์ในเรื่องอาจจะมีเคร้าโครงจากเรื่องจริงบ้างเล็กน้อย แต่มิได้พาดพิงถึงผู้ใด ฝากถึงชาวนักอ่านนิยาย หนอนนิยายทุกๆท่าน ให้ลองเปิดใจรับ เล่ห์รักร้ายนายเย็นชา ของฟ้าไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกๆท่านด้วยนะคะ...
ปล.1 นิยายเรื่องนี้ฟ้าแต่งไปเรื่อยๆ และจะทยอยอัพลงเรื่องๆนะคะ
ปล.2 ใครอยากคุยกับฟ้า ส่งเมลมาที่ whadfah.wt@gmail.com ได้เลยจ้าาา ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านและการเลื่อนผ่านคะ
เล่ห์รักร้ายนายเย็นชา ตอนที่1
รถยนต์คันหรูราคาแพงที่วิ่งเข้ามาจอดหน้าอาคารต้อนรับของรีสอร์ท สร้างความตื่นเต้นให้กับพนักงานของรีสอร์ท 2-3 คน ที่มองเห็น คนขับรถวิ่งลงไปเปิดประตูรถด้านหลังให้ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสูงสง่า ซึ่งสวมแว่นตากันแดดอันใหญ่ปิดเกือบครึ่งหนึ่งของใบหน้า เผยให้เห็นเฉพาะปลายคางบึกบึน กับจมูกโด่งเป็นสัน เดินลงจากรถ พนักงานชายคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในอาคารโล่งในส่วนที่จัดเป็นประชาสัมพันธ์ พลางร้องบอกหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่นั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์อย่างตื่นเต้น
“คุณจันทร์เจ้า แขกกิติมศักดิ์มาแล้วละ”
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าจันทร์เจ้า รีบลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน พลางปัดผ้าถุงที่นุ่งอยู่ให้เข้าที่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางส่งยิ้มต้อนรับ ให้กับชายหนุ่มผู้เดินเข้ามาถึงพอดี
“จันทร์เสี้ยวรีสอร์ทยินดีต้อนรับค่ะ”
เสียงที่เปล่งออกไปเป็นอันชะงักค้าง เมื่ออีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาอย่างไร้มารยาท
“ไม่ต้องมากพิธี ขอพบคุณขวัญเดือนเดี๋ยวนี้ด้วย”
น้ำเสียงเข้ม ติดแววยโสและออกคำสั่งอยู่ในที ทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกไม่พอใจ หล่อนฝืนปั้นยิ้ม เมื่อกล่าวกับอีกฝ่ายว่า
“ได้ค่ะ กรุณานั่งรอสักครูนะคะ”
ก่อนที่จะผายมือไปทางโต๊ะไม้รับแขกชุดแกะสลักที่อยู่บริเวณหน้าเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ หล่อนรู้สึกเบื่อพวกไฮโซและร่ำรวยพวกนี้เหลือเกิน ไม่รู้ว่าพี่สาวของหล่อนทนได้อย่างไรถ้าหล่อนต้องมาทำงานอย่างนี้ละก้อ มีหวังว่าซักวัน คงต้องหัวร้างข้างแตกกันไปซักฝ่ายแน่นอน นี่ดีนะที่หล่อนต้องมาทำงานนี้แค่ช่วงที่ฤดีพนักงานต้อนรับและประชาสัมพันธ์ต้องพาแม่ไปหาหมอที่กรุงเทพเท่านั้น และที่สำคัญหากแขกที่มาพักในวันนี้ จะไม่ใช่แขกคนสำคัญที่ทิวธงจะต้องพาพนักงานบางส่วนไปเตรียมบ้านพักเรือนริมเล ที่แขกคนนี้จะเข้าพักละก้อ คนที่มานั่งตรงนี้แทนฤดีก็คงจะไม่ใช่หล่อนเช่นกัน และที่สำคัญหล่อนไม่มีวันที่จะย่างกรายเข้าใกล้เคาเตอร์ต้อนรับเป็นแน่ จันทร์เจ้าเดินหน้ามุ่ยเข้าไ
เคาเตอร์ต้อนรับ และผลักประตูที่ติดหน้าห้องว่า “ผู้จัดการ” เข้าไปข้างใน หญิงสาวอายุประมาณ ปลาย 20 ผู้นั่งอยู่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมา พลางยิ้มให้กับผู้ที่เข้าไปอย่างเอ็นดู
“หน้ามุ่ย มาอีกแล้วนะคุณจันทร์เจ้าขา”
จันทร์เจ้ากรอกลูกกะตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“พี่เดือนไม่ต้องมาทำเป็นขำขำเลย แขกโคตรกิตติมศักดิ์ของพี่เดือนมาถึงแล้วนะ อัญเชิญออกไปต้อนรับ ณ บัดนาวเลย”
ขวัญเดือนขยี้หัวผู้เป็นน้องอย่างเอ็นดู
“โรคเกลียดคนไฮโซของเจ้านี้ ไม่มีทางรักษาให้หายได้สินะ”
จันทร์เจ้าเปิดประตูให้พี่สาว พลางผายมือเป็นการเชื้อเชิญ
“ทำเป็นพูดดีไปเหอะ เดี๋ยวเจอรายนี้เข้า ถ้าพี่เดือนไม่รู้สึกละก้อ เจ้ายอมเฝ้าเคาร์เตอร์ให้สามเดือนเลยเอ๊า”
ขวัญเดือนได้แต่ยิ้มขันผู้เป็นน้องสาว เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า จันทร์เจ้าเกลียดงานต้อนรับเป็นชีวิตจิตใจ
ท่านั่งหลังเหยียดตรงของชายที่เป็นแขกที่ขวัญเดือนมองเห็นจากด้านหลัง ก็พอจะทำให้หล่อนเดาได้ไม่ยากว่า แขกคนนี้คงไม่ใช่ย่อย ไม่มีท่าทีสบายๆ เหมือนแขกทั่วๆ ไปที่เคยเข้ามาพักที่รีสอร์ทมาก่อน และท่าทางคงเอาเรื่องไม่น้อย ถึงแม้ขวัญเดือนจะเคยพบปะกับคนมามากมาย ก็ไม่เคยเจอแขกแบบนี้มาก่อน เมื่อประมาณบ่ายสองโมงของวันนี้ซึ่งไม่ถึงสองชั่วโมงที่ผ่านมา หล่อนได้รับโทรศัพท์ติดต่อที่พักจากนุฏชนาถเลขาของชลธาร บอกว่าต้องการเช่าบ้านพักเรือนริมเลเป็นระยะเวลา 1 เดือน แต่หล่อนได้ปฏิเสธไปว่า ทางรีสอร์ทไม่ได้มีนโยบายที่จะให้เช่าบ้านพักเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะเรือนริมเล ซึ่งเป็นเรือนพักหลักที่สามารถทำเงินให้กับรีสอร์ทมากเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้เกือบทั้งหมดของรีสอร์ท เป็นเรือนไม้สักสีขาวหลังใหญ่ ส่วนมากเรือนริมเลจะมีเฉพาะแขกวีไอพีที่เป็นขาประจำเข้ามาพัก และที่สำคัญอีก 3 วันเรือนริมเลถูกจองเข้าพักจากแขกขาประจำรายหนึ่ง คือปริวัตร โดยแขกคนนี้เคยเป็นเพื่อนเก่าของพ่อ เขาจะพาพนักงานมาจัดสัมมนาที่นี่ และมีการเช่าบ้านพักหลังอื่นๆ อีกหลายหลัง และหลังจากที่หล่อนวางหูไปไม่ถึง 5 นาที หล่อนก็ได้พูดคุยกับคนที่เป็น “บอส”ของนุฏชนาถโดยตรง
“คุณต้องการเท่าไร”
ไม่มีการเกริ่น ไม่มีการแนะนำ เมื่อหล่อนรับสาย ประโยคนั้นก็ดังมาตามสายด้วยน้ำเสียงเย็นชา และเมื่อหล่อนอธิบายถึงเหตุผลที่ไม่สามารถรับข้อเสนอของเขาได้ ประโยคต่อมาที่ได้ยินก็คือ
“ผมให้ล้านหนึ่ง ในการเช่าหนึ่งเดือน คุณมีเวลาตัดสินใจ 10 นาที หากตกลงโทรบอกเลขาของผม เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีทันทีที่คุณตกลง”
เมื่อพูดจบสายก็ถูกตัดทันที ขวัญเดือนได้เรียกทินกร ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการรีสอร์ทและจันทร์เจ้าเข้ามาปรึกษา และทุกคนก็เห็นด้วยว่าควรจะตกลง เนื่องจากตอนนี้ทางรีสอร์ทยังค้างจ่ายธนาคารอยู่หลายเดือน เป็นเงินหลายแสนบาทส่วนแขกที่จองไว้ก็น่าจะคุยกันได้ และเมื่อขวัญเดือนโทรไปคุยกับปริวัตร ปริวัตรเองก็เข้าใจสภาพ และยอมตกลงโดยดี
“สวัสดีค่ะ คุณชลกร รีสอร์ทของเรายินดีต้อนรับค่ะ”
ขวัญเดือนกล่าวทักทายพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม หล่อนรู้สึกคุ้นตาและคลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนจะเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน
“หากมีอะไรที่ขาดตกบกพร่องก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ”
ขวัญเดือนเหลือบตาลอบสังเกตดูผู้ชายตรงหน้า และอีกฝ่ายหนึ่งก็คงจะทราบเหมือนกัน
“ผมต้องการไปที่เรือนพัก เลขาผมคงจัดการเรื่องเงินเรียบร้อยแล้ว”
คำพูดสั้นๆ และอาการลุกขึ้นยืนอย่างไม่ต้องการไมตรีใดๆ ของคนตรงหน้า ทำให้ขวัญเดือนได้แต่รับว่า
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้างั้นเชิญคุณชลกรตามดิฉันมาทางนี้เลยนะคะ”
ทุกอย่างเรียบร้อย หมายถึงตัวเลขในบัญชีของหล่อนจำนวนล้านบาท ที่ข้อความทางโทรศัพท์เพิ่งเข้าเมื่อสักครู่
“เดี๋ยวผมจะเอารถไปเอง”
คนพูดชะงักนิดหนึ่งก่อนจะรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว
“ผมดูจากแผนที่แล้ว คิดว่าคงไปถูก”
พลางชี้ไปที่แผนที่ของรีสอร์ทที่ติดอยู่ผนังข้างฝา ขวัญเดือนได้แต่นึกในใจว่า แขกคนนี้ท่าจะเอาใจยากพิลึก แถมท่าทางก็ไม่เหมือนคนที่จะมาพักผ่อนสักนิด
“ถ้าคุณชลกรต้องการอะไรเพิ่มเติม กด 0 โทรบอกได้ตลอดเวลานะค่ะ”
ขวัญเดือนบอกอย่างอัตโนมัติ พลางกวักมือเรียกเปี๊ยก พนักงานของรีสอร์ท
“เดี๋ยวดิฉันจะให้เปี๊ยก ช่วยดูแลนะคะ” ร่างสูงลุกขึ้นยืน
“ไม่จำเป็น และไม่ต้องให้ใครไปรบกวน ถ้าไม่เรียก”
ห้วนๆ และสั้นๆ หล่อนมองตามร่างสูงผึ่งผาย รู้สึกเหมือนกับคุ้นตาพิกล แต่ก็นึกไม่ออกว่า เคยเห็นที่ไหนมาก่อน อย่างน้อยก็ค่อยโล่งอกไปหน่อย ถึงกิริยาท่าทางจะไม่น่าต้อนรับ แต่อย่างน้อยก็มีทีท่าจะไม่มากเรื่องเหมือนแขกไฮโซทั่วๆ ไป ที่เคยเจอ
“โอ้ย หิวจะตายอยู่แล้ว ขอข้าวไข่เจียวกินซักจานได้หรือเปล่า ป้านอมจ๋า”
เสียงใสๆ ดังเข้าไปในครัวก่อนที่เจ้าของจะโผล่หน้ามอมแมมในมือถือตะกร้าหวายใบใหญ่ใส่ผักหลากหลายชนิดเดินเข้าไปวางลงข้างๆ อ่างล้างชาม
“ลงสวนผักแต่วันเชียวนะคะ คุณจันทร์เจ้า เห็นคุณขวัญตามหาเสียให้ควัก”
สวนผักที่ป้านอมพูดถึงก็คือ แปลงผักข้างหลังโรงเก็บของ ที่เป็นที่วิจัยการปลูกผักไร้สารพิษของจันทร์เจ้านั่นเอง หล่อนกำลังศึกษาปริญญาโทในสาขาเกษตรอินทรีย์ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
“จะใช้งานเจ้าละซิ ถึงต้องตามหาเสียให้ควัก รู้ทันหรอก”
จันทร์เจ้าบ่นยังไม่ทันจบเลย เมื่อขวัญเดือนผู้เป็นพี่สาวเดินเข้ามา พลางส่ายหน้าอย่างระอา เมื่อมองเห็นสภาพของน้องสาว
“เจ้า กินข้าวแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วช่วยเฝ้าเคาเตอร์ต้อนรับให้พี่หน่อยสิ เดี๋ยวพี่จะไปดูความเรียบร้อยของบ้านริมเลหน่อย นี่ก็ค่ำแล้ว ไม่ทราบว่าแขกต้องการอะไรหรือเปล่า เห็นเงียบหายไปเลย”
จันทร์เจ้าทำจมูกย่นใส่พี่สาว ก่อนจะรับคำอย่างประชดประชัน
“ได้เจ้าค่ะ ท่านประธาน”
ขวัญเดือนเดินเข้ามาหาน้องสาวพลางเอามือขยี้ที่ศรีษะอย่างเอ็นดู
“รู้จักทำมาหากินช่วยกันหน่อยนะน้องจ๋า เพื่อรีสอร์ทของเรา”
ฝ่ายผู้เป็นน้องสาวได้แต่ส่ายศรีษะหนีพลางบ่นพึมพำเบาๆ ว่า
“ให้แต่ช่วยทำงานอยู่นี้แหละ เดี๋ยวก็ได้เรียนโทห้าปีหร๊อก”
พลางผลักพี่สาวให้ออกจากห้องครัว
“น่าไม่ต้องห่วงหรอก รู้น่าว่าแขกคนนี้นะสำคัญกับรีสอร์ทของเราขนาดไหน พี่ไปดูแลความเรียบร้อยเหอะ”
เมื่อขวัญเดือนเดินพ้นประตู จันทร์เจ้าก็อดบ่นไม่ได้
“ที่จริงพี่ขวัญไม่เห็นต้องตามไปดูแลเขาแบบนั้นเลย คนอย่างนั้นคงไม่ต้องคอยให้คนอื่นดูแลตัวเองหร๊อก”
ป้านอมส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“คุณเจ้าก็ เมื่อไรโรคอิจฉาคนรวยของคุณเจ้าจะหายสักทีน้า” จันทร์เจ้าหันขวับมาหาป้านอมอย่างขัดใจ
เอาไว้ให้ป้านอมเจอคนคนนี้ก่อนเถ๊อะ ค่อยมาค่อนขอดเจ้า คนอะไรเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น เห็นครั้งเดี๋ยวก็ภาวนาเลยว่าอย่าให้ได้เจอะอีกตลอดชาติ”
ป้านอมทำตาโตอย่างล้อเลียน
“คราวนี้แสดงว่าคุณเจ้า เจอคู่ปรับตัวจริงละซิ”
จันทร์เจ้าไม่มีโอกาสโต้ตอบ เมื่อเปี๊ยกวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“ป้านอม แขกเรือนริมเลสั่งทะเลไฟริมเล และหมึกไข่นึ่งบ๊วยด่วนนนนน...”
ป้านอมชะงัก สีหน้าสลดลง พลางยืนเหม่ออย่างไม่รู้ตัว จนจันทร์เจ้ารู้สึกแปลกใจ
“เป็นไรไปหนะ ป้านอม ป้านอม”
คำท้ายสุด ตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างจงใจ ป้านอมสะดุ้งเฮือก
“พูดเบาๆ ก็ได้คุณเจ้า” น้ำเสียงหดหู่ของป้านอม ทำให้จันทร์เจ้าได้แต่แปลกใจ
“เปี๊ยกรอแป๊บ เดี๋ยวป้านอมจัดให้”
“รับแซ่บ”
เมื่อจันทร์เจ้าออกมายืนที่ระเบียงนั้น ทั่วท้องทะเลยังเงียบสงัด ไฟจากเรือหาปลาส่องแสงเรืองรองอยู่ตรงขอบฟ้า เสียงคลื่นซัดฝั่งดังซ่าๆ เป็นระยะๆ จันทร์เจ้าชอบบรรยากาศตอนเช้าตรู่แบบนี้ที่สุด มันให้ความรู้สึกส่วนตัวและเงียบสงบ หล่อนเสียบเครื่องชงกาแฟ รอให้เดือด แล้วรินใส่ถ้วยออกมานั่งจิบที่ชิงช้าบนระเบียงตัวโปรด หลับตายกถ้วยกาแฟขึ้นสูดกลิ่น แล้วยกขึ้นจิบอย่างช้าๆ ก่อนจะส่งเสียง อืมม อย่างพอใจ หล่อนกวาดตาดูท้องทะเลอันสงบนิ่ง เหมือนที่เคยทำมาทุกเช้า ก่อนสายตาจะไปเจอเข้ากับสิ่งๆ หนึ่ง ที่ผลุบโผล่อยู่ท่ามกลางระลอกคลื่นสีขาว หล่อนเพ่งมองอยู่นานก่อนจะแน่ใจว่าว่าเป็นร่างคนที่กำลังว่ายน้ำ หล่อนนึกสงสัยในใจว่า ใครกัน? ... เดี๋ยวกลับมาต่อน๊าา ฟ้าต้องกลายร่างเป็นครูล้าววว
เมื่อคุณครูอยากลองเป็นนักเขียน.....เล่ห์รักร้ายนายเย็นชา ตุ้งงงๆๆ แช่!!!
ในฐานะที่เป็นครูจะให้มาทำอะไรแบบนี้ก็กลัวนักเรียนจะมาเห็น ห้าๆๆ งั้นอิชั้นก็จะใช้นามแฝงในโลกพันทิปแห่งนี้เองงงง *เสียงสูง*
และนามแฝงที่อิชั้นจะนำมาใช้น้านนน เป็นชื่อธรรมดาเฉิ่มๆตามแบบฉบับคนอายุครึ่งๆกลางๆ(รึเปล่าไม่รู้)ที่มีความคิดโบราณๆ(นิดนึงอะนะ)แต่มันก็เพราะใช้ได้เลยทีเดียวนะ. อะแฮ่มมม!! ลำไยมาสองสามบรรทัดหลายคนเริ่มที่จะรำคาญ(มั้ย) เอาล่ะ นามแฝงของอิชั้นก็คืออออ(ดื่อ ดือ อือ อื่อ)
" วาดฟ้า หวังอรุณ " โอ้โหหห แค่ชื่อก็.........ขนาดนี้แล้วใช่มั้ยหละ ห้าๆๆ เดี๋ยวขอสปอยนามแฝงตัวเองก่อนนิดนุงโนะ
คือหลายคน...หรือบางคน...หรือสองสามคน......หรืออาจไม่มีสักคน(TTไม่มีจริงเหรอ) ช่างมันเถอะ ต่อๆ...อาจเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนนะ
คือวาดฟ้าเนี่ย จริงๆแล้วอิชั้นเคยใช้เป็นนามปากกาตอนที่แต่งเรื่องสั้นส่งเข้าประกวดกับ 'นายอินทร์อะวอร์ด' แล้วผลที่ออกมาก็คือ.......คืออิชั้นก็จำไม่ได้แล้วนะ มันค่อนข้างนานมาแล้ว ห้าๆๆ มันได้รางวัลมั้ยเหรอ(...) แต่ที่อิชั้นจำได้คือเรื่องสั้นเรื่องนั้นได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือด้วยแหละ ที่เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ผ่านการคัดเลือกมาของนายอินทร์อะวอร์ด ซึ่งถ้าบางคนเคยอ่าน ก็อาจจะพอคุ้นๆอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่คุ้นก็ไม่เป็นไรค่ะ!! เพราะตอนนี้ อิชั้นกำลังจะแต่งนิยายเรื่องใหม่ และต้องการให้หลายๆคนที่รักในการอ่านนิยาย ได้มาลองอ่านนิยายที่ฟ้าแต่ง(แหมๆ จากอิชั้นกลายเป็นฟ้าไปแล้วว) บางเหตุการณ์ในเรื่องอาจจะมีเคร้าโครงจากเรื่องจริงบ้างเล็กน้อย แต่มิได้พาดพิงถึงผู้ใด ฝากถึงชาวนักอ่านนิยาย หนอนนิยายทุกๆท่าน ให้ลองเปิดใจรับ เล่ห์รักร้ายนายเย็นชา ของฟ้าไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกๆท่านด้วยนะคะ...
ปล.1 นิยายเรื่องนี้ฟ้าแต่งไปเรื่อยๆ และจะทยอยอัพลงเรื่องๆนะคะ
ปล.2 ใครอยากคุยกับฟ้า ส่งเมลมาที่ whadfah.wt@gmail.com ได้เลยจ้าาา ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านและการเลื่อนผ่านคะ
รถยนต์คันหรูราคาแพงที่วิ่งเข้ามาจอดหน้าอาคารต้อนรับของรีสอร์ท สร้างความตื่นเต้นให้กับพนักงานของรีสอร์ท 2-3 คน ที่มองเห็น คนขับรถวิ่งลงไปเปิดประตูรถด้านหลังให้ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสูงสง่า ซึ่งสวมแว่นตากันแดดอันใหญ่ปิดเกือบครึ่งหนึ่งของใบหน้า เผยให้เห็นเฉพาะปลายคางบึกบึน กับจมูกโด่งเป็นสัน เดินลงจากรถ พนักงานชายคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในอาคารโล่งในส่วนที่จัดเป็นประชาสัมพันธ์ พลางร้องบอกหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่นั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์อย่างตื่นเต้น
“คุณจันทร์เจ้า แขกกิติมศักดิ์มาแล้วละ”
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าจันทร์เจ้า รีบลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน พลางปัดผ้าถุงที่นุ่งอยู่ให้เข้าที่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางส่งยิ้มต้อนรับ ให้กับชายหนุ่มผู้เดินเข้ามาถึงพอดี
“จันทร์เสี้ยวรีสอร์ทยินดีต้อนรับค่ะ”
เสียงที่เปล่งออกไปเป็นอันชะงักค้าง เมื่ออีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาอย่างไร้มารยาท
“ไม่ต้องมากพิธี ขอพบคุณขวัญเดือนเดี๋ยวนี้ด้วย”
น้ำเสียงเข้ม ติดแววยโสและออกคำสั่งอยู่ในที ทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกไม่พอใจ หล่อนฝืนปั้นยิ้ม เมื่อกล่าวกับอีกฝ่ายว่า
“ได้ค่ะ กรุณานั่งรอสักครูนะคะ”
ก่อนที่จะผายมือไปทางโต๊ะไม้รับแขกชุดแกะสลักที่อยู่บริเวณหน้าเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ หล่อนรู้สึกเบื่อพวกไฮโซและร่ำรวยพวกนี้เหลือเกิน ไม่รู้ว่าพี่สาวของหล่อนทนได้อย่างไรถ้าหล่อนต้องมาทำงานอย่างนี้ละก้อ มีหวังว่าซักวัน คงต้องหัวร้างข้างแตกกันไปซักฝ่ายแน่นอน นี่ดีนะที่หล่อนต้องมาทำงานนี้แค่ช่วงที่ฤดีพนักงานต้อนรับและประชาสัมพันธ์ต้องพาแม่ไปหาหมอที่กรุงเทพเท่านั้น และที่สำคัญหากแขกที่มาพักในวันนี้ จะไม่ใช่แขกคนสำคัญที่ทิวธงจะต้องพาพนักงานบางส่วนไปเตรียมบ้านพักเรือนริมเล ที่แขกคนนี้จะเข้าพักละก้อ คนที่มานั่งตรงนี้แทนฤดีก็คงจะไม่ใช่หล่อนเช่นกัน และที่สำคัญหล่อนไม่มีวันที่จะย่างกรายเข้าใกล้เคาเตอร์ต้อนรับเป็นแน่ จันทร์เจ้าเดินหน้ามุ่ยเข้าไเคาเตอร์ต้อนรับ และผลักประตูที่ติดหน้าห้องว่า “ผู้จัดการ” เข้าไปข้างใน หญิงสาวอายุประมาณ ปลาย 20 ผู้นั่งอยู่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมา พลางยิ้มให้กับผู้ที่เข้าไปอย่างเอ็นดู
“หน้ามุ่ย มาอีกแล้วนะคุณจันทร์เจ้าขา”
จันทร์เจ้ากรอกลูกกะตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“พี่เดือนไม่ต้องมาทำเป็นขำขำเลย แขกโคตรกิตติมศักดิ์ของพี่เดือนมาถึงแล้วนะ อัญเชิญออกไปต้อนรับ ณ บัดนาวเลย”
ขวัญเดือนขยี้หัวผู้เป็นน้องอย่างเอ็นดู
“โรคเกลียดคนไฮโซของเจ้านี้ ไม่มีทางรักษาให้หายได้สินะ”
จันทร์เจ้าเปิดประตูให้พี่สาว พลางผายมือเป็นการเชื้อเชิญ
“ทำเป็นพูดดีไปเหอะ เดี๋ยวเจอรายนี้เข้า ถ้าพี่เดือนไม่รู้สึกละก้อ เจ้ายอมเฝ้าเคาร์เตอร์ให้สามเดือนเลยเอ๊า”
ขวัญเดือนได้แต่ยิ้มขันผู้เป็นน้องสาว เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า จันทร์เจ้าเกลียดงานต้อนรับเป็นชีวิตจิตใจ
ท่านั่งหลังเหยียดตรงของชายที่เป็นแขกที่ขวัญเดือนมองเห็นจากด้านหลัง ก็พอจะทำให้หล่อนเดาได้ไม่ยากว่า แขกคนนี้คงไม่ใช่ย่อย ไม่มีท่าทีสบายๆ เหมือนแขกทั่วๆ ไปที่เคยเข้ามาพักที่รีสอร์ทมาก่อน และท่าทางคงเอาเรื่องไม่น้อย ถึงแม้ขวัญเดือนจะเคยพบปะกับคนมามากมาย ก็ไม่เคยเจอแขกแบบนี้มาก่อน เมื่อประมาณบ่ายสองโมงของวันนี้ซึ่งไม่ถึงสองชั่วโมงที่ผ่านมา หล่อนได้รับโทรศัพท์ติดต่อที่พักจากนุฏชนาถเลขาของชลธาร บอกว่าต้องการเช่าบ้านพักเรือนริมเลเป็นระยะเวลา 1 เดือน แต่หล่อนได้ปฏิเสธไปว่า ทางรีสอร์ทไม่ได้มีนโยบายที่จะให้เช่าบ้านพักเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะเรือนริมเล ซึ่งเป็นเรือนพักหลักที่สามารถทำเงินให้กับรีสอร์ทมากเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้เกือบทั้งหมดของรีสอร์ท เป็นเรือนไม้สักสีขาวหลังใหญ่ ส่วนมากเรือนริมเลจะมีเฉพาะแขกวีไอพีที่เป็นขาประจำเข้ามาพัก และที่สำคัญอีก 3 วันเรือนริมเลถูกจองเข้าพักจากแขกขาประจำรายหนึ่ง คือปริวัตร โดยแขกคนนี้เคยเป็นเพื่อนเก่าของพ่อ เขาจะพาพนักงานมาจัดสัมมนาที่นี่ และมีการเช่าบ้านพักหลังอื่นๆ อีกหลายหลัง และหลังจากที่หล่อนวางหูไปไม่ถึง 5 นาที หล่อนก็ได้พูดคุยกับคนที่เป็น “บอส”ของนุฏชนาถโดยตรง
“คุณต้องการเท่าไร”
ไม่มีการเกริ่น ไม่มีการแนะนำ เมื่อหล่อนรับสาย ประโยคนั้นก็ดังมาตามสายด้วยน้ำเสียงเย็นชา และเมื่อหล่อนอธิบายถึงเหตุผลที่ไม่สามารถรับข้อเสนอของเขาได้ ประโยคต่อมาที่ได้ยินก็คือ
“ผมให้ล้านหนึ่ง ในการเช่าหนึ่งเดือน คุณมีเวลาตัดสินใจ 10 นาที หากตกลงโทรบอกเลขาของผม เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีทันทีที่คุณตกลง”
เมื่อพูดจบสายก็ถูกตัดทันที ขวัญเดือนได้เรียกทินกร ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการรีสอร์ทและจันทร์เจ้าเข้ามาปรึกษา และทุกคนก็เห็นด้วยว่าควรจะตกลง เนื่องจากตอนนี้ทางรีสอร์ทยังค้างจ่ายธนาคารอยู่หลายเดือน เป็นเงินหลายแสนบาทส่วนแขกที่จองไว้ก็น่าจะคุยกันได้ และเมื่อขวัญเดือนโทรไปคุยกับปริวัตร ปริวัตรเองก็เข้าใจสภาพ และยอมตกลงโดยดี
“สวัสดีค่ะ คุณชลกร รีสอร์ทของเรายินดีต้อนรับค่ะ”
ขวัญเดือนกล่าวทักทายพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม หล่อนรู้สึกคุ้นตาและคลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนจะเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน
“หากมีอะไรที่ขาดตกบกพร่องก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ”
ขวัญเดือนเหลือบตาลอบสังเกตดูผู้ชายตรงหน้า และอีกฝ่ายหนึ่งก็คงจะทราบเหมือนกัน
“ผมต้องการไปที่เรือนพัก เลขาผมคงจัดการเรื่องเงินเรียบร้อยแล้ว”
คำพูดสั้นๆ และอาการลุกขึ้นยืนอย่างไม่ต้องการไมตรีใดๆ ของคนตรงหน้า ทำให้ขวัญเดือนได้แต่รับว่า
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้างั้นเชิญคุณชลกรตามดิฉันมาทางนี้เลยนะคะ”
ทุกอย่างเรียบร้อย หมายถึงตัวเลขในบัญชีของหล่อนจำนวนล้านบาท ที่ข้อความทางโทรศัพท์เพิ่งเข้าเมื่อสักครู่
“เดี๋ยวผมจะเอารถไปเอง”
คนพูดชะงักนิดหนึ่งก่อนจะรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว
“ผมดูจากแผนที่แล้ว คิดว่าคงไปถูก”
พลางชี้ไปที่แผนที่ของรีสอร์ทที่ติดอยู่ผนังข้างฝา ขวัญเดือนได้แต่นึกในใจว่า แขกคนนี้ท่าจะเอาใจยากพิลึก แถมท่าทางก็ไม่เหมือนคนที่จะมาพักผ่อนสักนิด
“ถ้าคุณชลกรต้องการอะไรเพิ่มเติม กด 0 โทรบอกได้ตลอดเวลานะค่ะ”
ขวัญเดือนบอกอย่างอัตโนมัติ พลางกวักมือเรียกเปี๊ยก พนักงานของรีสอร์ท
“เดี๋ยวดิฉันจะให้เปี๊ยก ช่วยดูแลนะคะ” ร่างสูงลุกขึ้นยืน
“ไม่จำเป็น และไม่ต้องให้ใครไปรบกวน ถ้าไม่เรียก”
ห้วนๆ และสั้นๆ หล่อนมองตามร่างสูงผึ่งผาย รู้สึกเหมือนกับคุ้นตาพิกล แต่ก็นึกไม่ออกว่า เคยเห็นที่ไหนมาก่อน อย่างน้อยก็ค่อยโล่งอกไปหน่อย ถึงกิริยาท่าทางจะไม่น่าต้อนรับ แต่อย่างน้อยก็มีทีท่าจะไม่มากเรื่องเหมือนแขกไฮโซทั่วๆ ไป ที่เคยเจอ
“โอ้ย หิวจะตายอยู่แล้ว ขอข้าวไข่เจียวกินซักจานได้หรือเปล่า ป้านอมจ๋า”
เสียงใสๆ ดังเข้าไปในครัวก่อนที่เจ้าของจะโผล่หน้ามอมแมมในมือถือตะกร้าหวายใบใหญ่ใส่ผักหลากหลายชนิดเดินเข้าไปวางลงข้างๆ อ่างล้างชาม
“ลงสวนผักแต่วันเชียวนะคะ คุณจันทร์เจ้า เห็นคุณขวัญตามหาเสียให้ควัก”
สวนผักที่ป้านอมพูดถึงก็คือ แปลงผักข้างหลังโรงเก็บของ ที่เป็นที่วิจัยการปลูกผักไร้สารพิษของจันทร์เจ้านั่นเอง หล่อนกำลังศึกษาปริญญาโทในสาขาเกษตรอินทรีย์ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
“จะใช้งานเจ้าละซิ ถึงต้องตามหาเสียให้ควัก รู้ทันหรอก”
จันทร์เจ้าบ่นยังไม่ทันจบเลย เมื่อขวัญเดือนผู้เป็นพี่สาวเดินเข้ามา พลางส่ายหน้าอย่างระอา เมื่อมองเห็นสภาพของน้องสาว
“เจ้า กินข้าวแล้ว ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วช่วยเฝ้าเคาเตอร์ต้อนรับให้พี่หน่อยสิ เดี๋ยวพี่จะไปดูความเรียบร้อยของบ้านริมเลหน่อย นี่ก็ค่ำแล้ว ไม่ทราบว่าแขกต้องการอะไรหรือเปล่า เห็นเงียบหายไปเลย”
จันทร์เจ้าทำจมูกย่นใส่พี่สาว ก่อนจะรับคำอย่างประชดประชัน
“ได้เจ้าค่ะ ท่านประธาน”
ขวัญเดือนเดินเข้ามาหาน้องสาวพลางเอามือขยี้ที่ศรีษะอย่างเอ็นดู
“รู้จักทำมาหากินช่วยกันหน่อยนะน้องจ๋า เพื่อรีสอร์ทของเรา”
ฝ่ายผู้เป็นน้องสาวได้แต่ส่ายศรีษะหนีพลางบ่นพึมพำเบาๆ ว่า
“ให้แต่ช่วยทำงานอยู่นี้แหละ เดี๋ยวก็ได้เรียนโทห้าปีหร๊อก”
พลางผลักพี่สาวให้ออกจากห้องครัว
“น่าไม่ต้องห่วงหรอก รู้น่าว่าแขกคนนี้นะสำคัญกับรีสอร์ทของเราขนาดไหน พี่ไปดูแลความเรียบร้อยเหอะ”
เมื่อขวัญเดือนเดินพ้นประตู จันทร์เจ้าก็อดบ่นไม่ได้
“ที่จริงพี่ขวัญไม่เห็นต้องตามไปดูแลเขาแบบนั้นเลย คนอย่างนั้นคงไม่ต้องคอยให้คนอื่นดูแลตัวเองหร๊อก”
ป้านอมส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“คุณเจ้าก็ เมื่อไรโรคอิจฉาคนรวยของคุณเจ้าจะหายสักทีน้า” จันทร์เจ้าหันขวับมาหาป้านอมอย่างขัดใจ
เอาไว้ให้ป้านอมเจอคนคนนี้ก่อนเถ๊อะ ค่อยมาค่อนขอดเจ้า คนอะไรเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น เห็นครั้งเดี๋ยวก็ภาวนาเลยว่าอย่าให้ได้เจอะอีกตลอดชาติ”
ป้านอมทำตาโตอย่างล้อเลียน
“คราวนี้แสดงว่าคุณเจ้า เจอคู่ปรับตัวจริงละซิ”
จันทร์เจ้าไม่มีโอกาสโต้ตอบ เมื่อเปี๊ยกวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“ป้านอม แขกเรือนริมเลสั่งทะเลไฟริมเล และหมึกไข่นึ่งบ๊วยด่วนนนนน...”
ป้านอมชะงัก สีหน้าสลดลง พลางยืนเหม่ออย่างไม่รู้ตัว จนจันทร์เจ้ารู้สึกแปลกใจ
“เป็นไรไปหนะ ป้านอม ป้านอม”
คำท้ายสุด ตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างจงใจ ป้านอมสะดุ้งเฮือก
“พูดเบาๆ ก็ได้คุณเจ้า” น้ำเสียงหดหู่ของป้านอม ทำให้จันทร์เจ้าได้แต่แปลกใจ
“เปี๊ยกรอแป๊บ เดี๋ยวป้านอมจัดให้”
“รับแซ่บ”
เมื่อจันทร์เจ้าออกมายืนที่ระเบียงนั้น ทั่วท้องทะเลยังเงียบสงัด ไฟจากเรือหาปลาส่องแสงเรืองรองอยู่ตรงขอบฟ้า เสียงคลื่นซัดฝั่งดังซ่าๆ เป็นระยะๆ จันทร์เจ้าชอบบรรยากาศตอนเช้าตรู่แบบนี้ที่สุด มันให้ความรู้สึกส่วนตัวและเงียบสงบ หล่อนเสียบเครื่องชงกาแฟ รอให้เดือด แล้วรินใส่ถ้วยออกมานั่งจิบที่ชิงช้าบนระเบียงตัวโปรด หลับตายกถ้วยกาแฟขึ้นสูดกลิ่น แล้วยกขึ้นจิบอย่างช้าๆ ก่อนจะส่งเสียง อืมม อย่างพอใจ หล่อนกวาดตาดูท้องทะเลอันสงบนิ่ง เหมือนที่เคยทำมาทุกเช้า ก่อนสายตาจะไปเจอเข้ากับสิ่งๆ หนึ่ง ที่ผลุบโผล่อยู่ท่ามกลางระลอกคลื่นสีขาว หล่อนเพ่งมองอยู่นานก่อนจะแน่ใจว่าว่าเป็นร่างคนที่กำลังว่ายน้ำ หล่อนนึกสงสัยในใจว่า ใครกัน? ... เดี๋ยวกลับมาต่อน๊าา ฟ้าต้องกลายร่างเป็นครูล้าววว