สวัสดีค่า วันนี้เราอยากจะมารีวิวเรื่องการพบจิตแพทย์ค่ะ
เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ จืตใจเราค่อนข้างมีปัญหา ฟุ้งซ่าน หยุดคิดไมได้
เราชอบคิดว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่สวย และ อ้วน (จิงๆ แล้ว ตอนหาหมอ น้ำหนักเราแค่ 53 กิโลเองนะ สูง155 ก็ออกแนวอวบๆ และสวย 55)
แต่เรื่องอ้วนมันเป็นปมในชีวิตเรามากค่ะ เพราะ แฟนเก่าเราแต่ละคนชอบพูดว่าเราอ้วนๆ เราอ้วนจริงค่ะ เมื่อสมัยมัธยมต้น เคยหนักสุด 70 กิโล
(แต่ตอนเจอเค้าก็ลดมาเยอะแล้วแต่ยังอวบๆ เข้าใจว่าสมัยนี้ ผช ชอบแบบพิมพ์นิยม หุ่นเราไม่เป๊ะเลยว่าอ้วนๆๆ)
อีกอย่างนึงคือ เราเคยมีแฟนที่เป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เราอยู่ข้างๆ เค้า สู้ไปด้วยกันแต่หารู้ไม่ว่าเราซึมซับอาการเศร้าไปกับเค้าด้วย
เรากลายเป็นคนคิดมาก หม่นหมอง ไปกะเค้าอีกคน จนเราเลิกกัน (เลิกกันแบบ ผช หายไปไม่บอกกล่าว แค่ติดต่อไม่ได้อีกเลย)
เราสับสนในใจชีวิตมาก ไม่รู้จะไปตามเค้าได้ที่ไหน เพราะวันที่คุยกันครั้งสุดท้ายเค้าไปเริ่มงานใหม่ที่ ตจว.
ต่อมาซักพักเราก็มีแฟนใหม่ ปัญหาคือ เวลาแฟนเราหายไปหลาย ชม. เราจะเครียดมาก เครียดที่แฟนหายไปไหน
หายไปนี่จะเลิกกับเรามั้ย ทำไมไม่ทักไลน์มา เป็นบ้าคิดวนๆๆๆ ค่ะ ทั้งๆ ที่จริงแล้ว แฟนเราลืมมือถือไว้ที่บ้าน แต่เจ้าตัวออกไปทำงาน
แล้วเค้าเลยไม่มีโทรศัพท์ไลน์หาเรา (ซึ่งในทางกลับกัน เค้าเล่นคอมที่ออฟฟิตแล้วบอกในเฟสก็ได้ แต่เค้าไม่ทำ หรือ ไม่คิดจะทำก็ไม่รู้
แฟนเราค่อนข้างไม่ใส่ใจดีเทลอะไรนัก) ชีวิตก็ปกติรักกันดี จนกระทั้งแฟนเราว่าอ้วนค่ะ นับแต่วันนั้นความสัมพันธ์เรากับเค้าแย่ลงไปเยอะเลย
เรากลายเป็นคนไม่มั่นใจว่าตัวอเองดีพอ ขนาดแฟนเรายังว่าเรา และก็มีปัญหาอื่นๆ ตามมาเรื่อยๆ
เพราะ แฟนเราคนนี้เค้าเป้นคนชอบด่า ชอบติ โดยไม่นึกถึงจิตใจคนฟังค่ะ แล้วเราดันเป็นคนเซนซิทีฟไปอีก ยิ่งแย่ไปใหญ่
เราค่อยๆ เฉาลงไปทุกวัน ทุกวัน คิดมาก จับจด เพราะหลังๆ มาแฟนเราเค้าก็ไม่ค่อยใส่ใจเราเท่าไหร่ด้วย
เรากลายเป็นคนดูลอยๆ มีชีวิตอยุ่ไปวันๆ แล้วก็คิดแต่ว่าทำไมแฟนเราถึงไม่สนใจกันเหมือนตอนแรกๆ บลาๆ คิดทุกวัน
แฟนเราก็ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจเรา บอกเลิกเราครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็ย๊อมม ยอม ให้เค้าทำ แล้วก็มาคืนดีทุกครั้งไป
จนเราไม่ไหวแล้ว เราไม่อยากมีชีวิตที่เป็นแบบ ตื่นมาก็คิดวนๆ เรื่องแฟน ทั้งวันยันนอน
เรามานั่งสังเกตตัวเองว่าคิดถึงเรื่องของเค้าวันละกี่ ชม. รู้ไหมคะ เรานั่งคิดวนๆ เรื่องแฟนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยัน 4 ทุ่ม!!!!!!!!!
เราเลยตัดสินใจว่าเราควรไปพบจิตแพทย์ที่ รพ. เราลยไปหาหมอทางด้านจิตโดยตรงแถวๆ BTS แบริ่ง
ก่อนไปหาหมอ ก็หวั่นๆ นะคะ กลัวค่ารักษาแพง กลัวโน่นนี่ เพราะ เพื่อนเราที่เป้นโรคซึมเศร้าบอกเรา หาหมอที หนึ่งหมื่นบาท (รพ. อื่น)
เราก็โอ้ยยย จริงหรอ แพงมากก กลัวเสียเงินเยอะ ไม่เอาอ่ะ กลัวแพง จนเราทนตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป
วันที่ไปพบหมอ บรรยากาศโรงพยาบาลสบายๆ โล่งๆ ไม่ค่อยมีคน
ถึงเวลาก็เข้าพบคุณหมอ คุณหมอก็ถามไถ่เราว่าเป็นยังไง มีอะไรอยากจะเล่าให้หมอฟังบ้าง
คุณหมอดูอ่อนโยนดีค่ะ เราก็เปิดใจเล่า เราเล่าไป ก็ร้องไห้ไป เรื่องอ้วน เรื่องไม่สวย เรื่องไม่มีค่า
คุณหมอสรุปอาการเราว่าเรายังไม่ถึงกับเป็นโรคซึมเศร้า แต่มีอาการวิตกกังวล เอายาไปกินเพื่อผ่อนคลายอาจจะช่วยได้
เราก็ได้รับยามา 1 แผง จ่ายค่าหมอ ค่ายา ไปแค่ 1,123 บาท เท่านั้น
เราก็กินยาามที่คุณหมอสั่งจนครบหมดแผง เชื่อไหมคะ เรารู้สึกดีขึ้นมาก หมายถึงเรารู้สึกว่าในหัวเรามันไม่คิดวนๆ เหมือนตอนแรก
แบบเหมือนในหัวมันจัดระเบียบเรื่องได้อะค่ะ แต่ขณะที่กินยา เราก็ช่วยเหลือตัวเองทางอื่นไปด้วยนะคะ
คือเราออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 วัน เพราะอยากผอม แก้เครียดด้วย ไม่อยากคิดมากเลยหาอะไรทำ
การพบหมอครั้งที่ 2 ก็มาถึง คุณหมอคุยกับเรา สภาพจิตใจดีขึ้นมากกก เราเลิกกับแฟน เลยไม่มีคนพูดทำร้ายจิตใจเรา
คือในใจมันเสียใจนะคะที่เลิกกันเพราะเรารักเค้ามาก แต่เค้าก็ทำร้ายจิตใจเรามากเช่นกัน (โดนเยอะมากแต่ขอไม่บอกละกันนะคะว่าโดนอะไรบ้าง)
แต่เราก็ยังกังวลว่า ถ้าเราหยุดยาไป เราจะกลับไปคิดมากไหม กลัวจะกลับคิดมากแบบเดิม
หมอเลยให้เอากลับมากินต่อ ครั้งที่สอง จ่ายค่าหมอค่ายาไป 1,400 บาทถ้วน แต่ไม่ต้องหาหมอแล้ว แต่ถ้ารู้สึกไม้ดีก็นัดเข้ามาพบหมอได้
ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตได้ปกติสุข รักตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่าในตัวเอมากขึ้นเยอะเลยค่ะ
อาจจะเป็นเพราะยาด้วย และเราก็สร้างความสุขขึ้นมาเองด้วย ออกำลังกาย มาร์คหน้า ทำสีผม ฯลฯ
เราเลยรู้สึกว่าน่าจะมีหลายคนที่อยากพบจิตแพทย์แต่ยังห่วงๆ เรื่องค่ารักษา
อยากให้คนที่มีปัญหาลองไปพบหมอดุค่ะ เพื่อสุขภาพจิตที่ดี ค่าใช้จ่ายอาจจะขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละค่ะ
อย่างเรายังไม่ถึงขั้นเป็นซึมเศร้าแต่ก็จิตใจคิดกังวลตลอดเวลา เลยได้ยามาแค่นิดเดียว
จ่ายไป 2 ครั้ง สองพันกว่าบาท แต่เราได้ชีวิชิตเรากลับคืนมา มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีกค่ะ
[[รีวิว]] พบจิตแพทย์ ไม่แย่อย่างที่คิด
เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ จืตใจเราค่อนข้างมีปัญหา ฟุ้งซ่าน หยุดคิดไมได้
เราชอบคิดว่าตัวเองไม่มีค่า ไม่สวย และ อ้วน (จิงๆ แล้ว ตอนหาหมอ น้ำหนักเราแค่ 53 กิโลเองนะ สูง155 ก็ออกแนวอวบๆ และสวย 55)
แต่เรื่องอ้วนมันเป็นปมในชีวิตเรามากค่ะ เพราะ แฟนเก่าเราแต่ละคนชอบพูดว่าเราอ้วนๆ เราอ้วนจริงค่ะ เมื่อสมัยมัธยมต้น เคยหนักสุด 70 กิโล
(แต่ตอนเจอเค้าก็ลดมาเยอะแล้วแต่ยังอวบๆ เข้าใจว่าสมัยนี้ ผช ชอบแบบพิมพ์นิยม หุ่นเราไม่เป๊ะเลยว่าอ้วนๆๆ)
อีกอย่างนึงคือ เราเคยมีแฟนที่เป็นโรคซึมเศร้าค่ะ เราอยู่ข้างๆ เค้า สู้ไปด้วยกันแต่หารู้ไม่ว่าเราซึมซับอาการเศร้าไปกับเค้าด้วย
เรากลายเป็นคนคิดมาก หม่นหมอง ไปกะเค้าอีกคน จนเราเลิกกัน (เลิกกันแบบ ผช หายไปไม่บอกกล่าว แค่ติดต่อไม่ได้อีกเลย)
เราสับสนในใจชีวิตมาก ไม่รู้จะไปตามเค้าได้ที่ไหน เพราะวันที่คุยกันครั้งสุดท้ายเค้าไปเริ่มงานใหม่ที่ ตจว.
ต่อมาซักพักเราก็มีแฟนใหม่ ปัญหาคือ เวลาแฟนเราหายไปหลาย ชม. เราจะเครียดมาก เครียดที่แฟนหายไปไหน
หายไปนี่จะเลิกกับเรามั้ย ทำไมไม่ทักไลน์มา เป็นบ้าคิดวนๆๆๆ ค่ะ ทั้งๆ ที่จริงแล้ว แฟนเราลืมมือถือไว้ที่บ้าน แต่เจ้าตัวออกไปทำงาน
แล้วเค้าเลยไม่มีโทรศัพท์ไลน์หาเรา (ซึ่งในทางกลับกัน เค้าเล่นคอมที่ออฟฟิตแล้วบอกในเฟสก็ได้ แต่เค้าไม่ทำ หรือ ไม่คิดจะทำก็ไม่รู้
แฟนเราค่อนข้างไม่ใส่ใจดีเทลอะไรนัก) ชีวิตก็ปกติรักกันดี จนกระทั้งแฟนเราว่าอ้วนค่ะ นับแต่วันนั้นความสัมพันธ์เรากับเค้าแย่ลงไปเยอะเลย
เรากลายเป็นคนไม่มั่นใจว่าตัวอเองดีพอ ขนาดแฟนเรายังว่าเรา และก็มีปัญหาอื่นๆ ตามมาเรื่อยๆ
เพราะ แฟนเราคนนี้เค้าเป้นคนชอบด่า ชอบติ โดยไม่นึกถึงจิตใจคนฟังค่ะ แล้วเราดันเป็นคนเซนซิทีฟไปอีก ยิ่งแย่ไปใหญ่
เราค่อยๆ เฉาลงไปทุกวัน ทุกวัน คิดมาก จับจด เพราะหลังๆ มาแฟนเราเค้าก็ไม่ค่อยใส่ใจเราเท่าไหร่ด้วย
เรากลายเป็นคนดูลอยๆ มีชีวิตอยุ่ไปวันๆ แล้วก็คิดแต่ว่าทำไมแฟนเราถึงไม่สนใจกันเหมือนตอนแรกๆ บลาๆ คิดทุกวัน
แฟนเราก็ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจเรา บอกเลิกเราครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็ย๊อมม ยอม ให้เค้าทำ แล้วก็มาคืนดีทุกครั้งไป
จนเราไม่ไหวแล้ว เราไม่อยากมีชีวิตที่เป็นแบบ ตื่นมาก็คิดวนๆ เรื่องแฟน ทั้งวันยันนอน
เรามานั่งสังเกตตัวเองว่าคิดถึงเรื่องของเค้าวันละกี่ ชม. รู้ไหมคะ เรานั่งคิดวนๆ เรื่องแฟนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยัน 4 ทุ่ม!!!!!!!!!
เราเลยตัดสินใจว่าเราควรไปพบจิตแพทย์ที่ รพ. เราลยไปหาหมอทางด้านจิตโดยตรงแถวๆ BTS แบริ่ง
ก่อนไปหาหมอ ก็หวั่นๆ นะคะ กลัวค่ารักษาแพง กลัวโน่นนี่ เพราะ เพื่อนเราที่เป้นโรคซึมเศร้าบอกเรา หาหมอที หนึ่งหมื่นบาท (รพ. อื่น)
เราก็โอ้ยยย จริงหรอ แพงมากก กลัวเสียเงินเยอะ ไม่เอาอ่ะ กลัวแพง จนเราทนตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป
วันที่ไปพบหมอ บรรยากาศโรงพยาบาลสบายๆ โล่งๆ ไม่ค่อยมีคน
ถึงเวลาก็เข้าพบคุณหมอ คุณหมอก็ถามไถ่เราว่าเป็นยังไง มีอะไรอยากจะเล่าให้หมอฟังบ้าง
คุณหมอดูอ่อนโยนดีค่ะ เราก็เปิดใจเล่า เราเล่าไป ก็ร้องไห้ไป เรื่องอ้วน เรื่องไม่สวย เรื่องไม่มีค่า
คุณหมอสรุปอาการเราว่าเรายังไม่ถึงกับเป็นโรคซึมเศร้า แต่มีอาการวิตกกังวล เอายาไปกินเพื่อผ่อนคลายอาจจะช่วยได้
เราก็ได้รับยามา 1 แผง จ่ายค่าหมอ ค่ายา ไปแค่ 1,123 บาท เท่านั้น
เราก็กินยาามที่คุณหมอสั่งจนครบหมดแผง เชื่อไหมคะ เรารู้สึกดีขึ้นมาก หมายถึงเรารู้สึกว่าในหัวเรามันไม่คิดวนๆ เหมือนตอนแรก
แบบเหมือนในหัวมันจัดระเบียบเรื่องได้อะค่ะ แต่ขณะที่กินยา เราก็ช่วยเหลือตัวเองทางอื่นไปด้วยนะคะ
คือเราออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 วัน เพราะอยากผอม แก้เครียดด้วย ไม่อยากคิดมากเลยหาอะไรทำ
การพบหมอครั้งที่ 2 ก็มาถึง คุณหมอคุยกับเรา สภาพจิตใจดีขึ้นมากกก เราเลิกกับแฟน เลยไม่มีคนพูดทำร้ายจิตใจเรา
คือในใจมันเสียใจนะคะที่เลิกกันเพราะเรารักเค้ามาก แต่เค้าก็ทำร้ายจิตใจเรามากเช่นกัน (โดนเยอะมากแต่ขอไม่บอกละกันนะคะว่าโดนอะไรบ้าง)
แต่เราก็ยังกังวลว่า ถ้าเราหยุดยาไป เราจะกลับไปคิดมากไหม กลัวจะกลับคิดมากแบบเดิม
หมอเลยให้เอากลับมากินต่อ ครั้งที่สอง จ่ายค่าหมอค่ายาไป 1,400 บาทถ้วน แต่ไม่ต้องหาหมอแล้ว แต่ถ้ารู้สึกไม้ดีก็นัดเข้ามาพบหมอได้
ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตได้ปกติสุข รักตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่าในตัวเอมากขึ้นเยอะเลยค่ะ
อาจจะเป็นเพราะยาด้วย และเราก็สร้างความสุขขึ้นมาเองด้วย ออกำลังกาย มาร์คหน้า ทำสีผม ฯลฯ
เราเลยรู้สึกว่าน่าจะมีหลายคนที่อยากพบจิตแพทย์แต่ยังห่วงๆ เรื่องค่ารักษา
อยากให้คนที่มีปัญหาลองไปพบหมอดุค่ะ เพื่อสุขภาพจิตที่ดี ค่าใช้จ่ายอาจจะขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละค่ะ
อย่างเรายังไม่ถึงขั้นเป็นซึมเศร้าแต่ก็จิตใจคิดกังวลตลอดเวลา เลยได้ยามาแค่นิดเดียว
จ่ายไป 2 ครั้ง สองพันกว่าบาท แต่เราได้ชีวิชิตเรากลับคืนมา มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีกค่ะ