ตอนนี้เราเรียนอยู่ปี1 ม.ชื่อดังแห่งหนึ่งที่หลายๆคนใฝ่ฝันอยากเข้า
เพิ่งเปิดเทอมมา1อาทิตย์ค่ะ แต่มีความรู้สึกไม่โอเคกับการเรียน เครียดพอสมควรเลย
อาจเป็นเพราะเราเป็นเด็กตจว.ด้วย พอมาเรียนกับเพื่อนกรุงเทพก็ค่อนข้างตามเขาไม่ทัน
เราเข้าใจนะว่ามันดูแย่ที่พอเรียนแล้วไม่โอเคก็คิดจะซิ่วเลย ไม่ไฟต์ ไม่อดทนเลย
ไม่ใช่ว่าคณะมันไม่ใช่ แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าอยู่ต่อไม่ไหว
(จริงๆก็ไหวแหละถ้าฝืนทนอยู่)
คือเราสอบเข้ามาด้วยภาษาหนึ่ง ซึ่งเป็นภาษาที่เรียนมาตอนมปลาย เลยไม่รู้จะเข้าเอกอะไร
ก็คิดไว้ว่าจะเข้าเอกนี้ แต่พอเค้าคลาส ได้เรียนจริงๆมันก็รู้สึกว่าไม่ใช่อะ เราไม่ได้ชอบขนาดนั้น
เหมือนความชอบเราเป็น0 ในขณะที่เพื่อนทั้งห้องรักในภาษานี้ระดับ100
เข้าคาบแรกก็สั่งงานนำเสนอหน้าห้องเลย ซึ่งเนื้อหาก็ไม่ได้ง่าย คือคาบถัดไปต้องนำเสนอแล้ว
แถมการเข้าเอกก็โหดตรงที่มีเกณฑ์ คือเกรดต้องถึงถึงจะเข้าได้
ที่สำคัญคือตัดเกรดอิงกลุ่ม แล้วในห้องคือมีคนเก่งมากๆระดับเทพ ยังไงเกรดAคะแนนไม่เต็มก็ต้องเกือบเต็ม
ซึ่งเราทำไม่ได้ และคิดว่าถึงจะพยายามสุดๆเกรดก็ไม่น่าจะถึง
หลายคนอาจมองว่า อย่าดูถูกตัวเอง เราต้องทำได้ดิ สำหรับเรา เราว่าเราไม่ได้ดูถูกตัวเองนะ
แต่เรารู้ตัวเองมากกว่า ว่าถึงพยายามแค่ไหนมันก็ไม่ได้อยู่ดี อย่างมากก็คงเกรดC
เพราะในห้องมีแต่คนเก่งที่เก่งจริงๆ แล้วเขาไปกันเร็วมาก
นอกจากนี้คือเรื่องความชอบนั่นแหละ ที่เราไม่มีความชอบในภาษานี้เลย
แต่กลับมีความสนใจในอีกภาษา ซึ่งมหาลัยนี้ไม่มีเอก
เราเลยคิดอยากจะซิ่วไปที่ๆมีเอกที่อยากเรียนมากกว่า ใจอะอยากซิ่วมาก
แต่สงสารพ่อแม่ ทุกคนก็จะรุมถามพ่อแม่เราถ้าเราซิ่ว เราไม่สนนะว่าคนรอบข้างจะมองตัวเรายังไง
แต่คนที่จะรู้สึกก็คือพ่อแม่ พ่อแม่คงเสียใจ แล้วเราก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะยอมให้เราซิ่วไหม
อยู่นี่เราร้องไห้บ่อยมาก มันคือความอ่อนแอเฉพาะตัวของเราเองนั่นแหละ พอท้อนิดหน่อย
มันก็มีความคิดถึงบ้านเข้ามาแทรกด้วยทุกที เหมือนตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าไปเลย ร้องไห้แบบไม่มีเหตุผลในบางเวลา
แต่เรื่องโฮมซิกนี่เราคิดว่าอยู่ๆไปเดี๋ยวก็หายแหละ คงชินไปเอง
เรื่องเรียนน่ะสิที่เป็นเรื่องใหญ่ จริงๆตอนแรกเราสอบติดอีกมหาวิทยาลัยที่ใกล้บ้านเลย ก็เป็นมหาวิทยาลัยมีชื่ออีกที่
แค่ไม่ได้ดูมีชื่อเท่าที่เรียนอยู่ตอนนี้ ทุกวันนี้ก็คุยกับเพื่อนสนิททุกคน คือเรียนที่นั่นหมด
เนื้อหาที่เรียน และตารางเรียน มันต่างกันมากอะ ทำให้เราเข้าใจเลยว่าทำไมบางทีการรับเข้าทำงานถึงดูจากชื่อมหาลัยที่จบมา
เหมือนที่นั่นเขาก็จะเน้นวิชาเอกไป แต่วิชาอื่นก็ไม่หนักหนามาก ตารางเรียนก็ไม่แน่น
ที่เราเรียนอยู่ตอนนี้คือตารางเรียน เช้าจรดเย็นบางวัน คือไม่มีพักด้วย ไม่ได้กินข้าวกลางวัน
แถมเนื้อหาวิชาก็หนักหน่วงในทุกวิชา ภาษาอังกฤษคือมันยากจริงๆ เราอ่อนกว่าคนอื่นด้วยแหละเลยไม่ค่อยเข้าใจ
เราไม่ได้ดูถูกว่ามหาลัยอื่นเรียนเบานะ เรารู้ว่าทุกมหาลัยเรียนหนักกันหมด
แต่ถ้าคุณไม่มาอยู่จุดนี้คุณก็คงไม่เข้าใจว่า เฮ้ย มันเรียนหนักจริงๆ นี่เพิ่งเปิดเทอมนะ ไม่มีคำว่าซอฟท์เลย
เปิดมาก็ใส่เลย ยัดเลย ทำเอามึนไปพอสมควร 3วันแรกเพื่อนเรารวมถึงเราป่วยกันเลย ไข้ขึ้นกันทีเดียว บางคนถึงขั้นต้องไปหาหมอ
แต่ส่วนมากก็เป็นเด็กกรุงเทพก็ดูจะชินกันกับการเรียนหนักอยู่แล้ว บางคนก็เป็นเด็กแลกเปลี่ยน(เกือบครึ่งคณะ) คือเทพอะ เทพทั้งนั้น
ตัวเราผู้ซึ่งเป็นสายชิล ไม่ค่อยเรียนพิเศษ ตอนเรียนก็ไม่ได้อ่านหนังสืออะไรมาก
พอมาเจองี้คือตายจริงๆ เข้าเอกที่จะเข้าก็ไม่ได้ เอกอื่นก็ไม่ได้อยากเข้า เอกที่ชอบจริงๆเลย ก็ไม่มีเปิดสอน
มันเลยรู้สึกว่าเราควรซิ่วหรือเปล่า แต่ยังคงเป็นคณะเดิม(แค่คนละชื่อ) มันเรียนคล้ายกันก็จริง แต่เท่าที่หาข้อมูลและสอบถามคนที่เรียนจริง
มันก็มีความแตกต่างกัน คือคณะที่เราเรียนอยู่ตอนนี้จะเน้นอ่านหนังสือมากกว่าคณะอื่นที่แนวเดียวกันแต่คนละชื่อ(ซึ่งเราไม่สามารถทนอ่านเยอะขนาดนั้นได้)
รู้สึกว่าอยากให้การซิ่วเป็นการแก้ปัญหา ไม่ใช่หนีปัญหา แล้วเราก็คิดว่าถ้าเข้าเอกเดิมแต่เข้าตั้งแต่ปี1เราว่ามันก็โอเคกว่า ปี1ไม่มีเอก ต้องไฟต์เอาเอกตอนปี2 แล้วดันไม่ได้ คือมันไม่มีความแน่นอนว่าเราจะได้เรียน ความฝันที่อยากสอบทุนก็คือสลายไป แต่ถ้าเข้าเอกได้ก็คือไฟต์เพื่อสอบทุนให้ติด ไม่ใช่ว่าเอกก็ไม่ได้ ทุนก็ต้องไม่ได้แน่ๆ100%เพราะทุนจะได้ก็ต่อเมื่อเข้าเอกได้แล้วเท่านั้น ก็เลยคิดว่าจะลองแอดดูโดยใช้คะแนนเก่า
แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้ไม่กล้าบอกพ่อแม่ คิดว่าท่านไม่ให้แน่เลย😭
อยากซิ่ว แต่ไม่กล้าบอกพ่อแม่
เพิ่งเปิดเทอมมา1อาทิตย์ค่ะ แต่มีความรู้สึกไม่โอเคกับการเรียน เครียดพอสมควรเลย
อาจเป็นเพราะเราเป็นเด็กตจว.ด้วย พอมาเรียนกับเพื่อนกรุงเทพก็ค่อนข้างตามเขาไม่ทัน
เราเข้าใจนะว่ามันดูแย่ที่พอเรียนแล้วไม่โอเคก็คิดจะซิ่วเลย ไม่ไฟต์ ไม่อดทนเลย
ไม่ใช่ว่าคณะมันไม่ใช่ แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าอยู่ต่อไม่ไหว
(จริงๆก็ไหวแหละถ้าฝืนทนอยู่)
คือเราสอบเข้ามาด้วยภาษาหนึ่ง ซึ่งเป็นภาษาที่เรียนมาตอนมปลาย เลยไม่รู้จะเข้าเอกอะไร
ก็คิดไว้ว่าจะเข้าเอกนี้ แต่พอเค้าคลาส ได้เรียนจริงๆมันก็รู้สึกว่าไม่ใช่อะ เราไม่ได้ชอบขนาดนั้น
เหมือนความชอบเราเป็น0 ในขณะที่เพื่อนทั้งห้องรักในภาษานี้ระดับ100
เข้าคาบแรกก็สั่งงานนำเสนอหน้าห้องเลย ซึ่งเนื้อหาก็ไม่ได้ง่าย คือคาบถัดไปต้องนำเสนอแล้ว
แถมการเข้าเอกก็โหดตรงที่มีเกณฑ์ คือเกรดต้องถึงถึงจะเข้าได้
ที่สำคัญคือตัดเกรดอิงกลุ่ม แล้วในห้องคือมีคนเก่งมากๆระดับเทพ ยังไงเกรดAคะแนนไม่เต็มก็ต้องเกือบเต็ม
ซึ่งเราทำไม่ได้ และคิดว่าถึงจะพยายามสุดๆเกรดก็ไม่น่าจะถึง
หลายคนอาจมองว่า อย่าดูถูกตัวเอง เราต้องทำได้ดิ สำหรับเรา เราว่าเราไม่ได้ดูถูกตัวเองนะ
แต่เรารู้ตัวเองมากกว่า ว่าถึงพยายามแค่ไหนมันก็ไม่ได้อยู่ดี อย่างมากก็คงเกรดC
เพราะในห้องมีแต่คนเก่งที่เก่งจริงๆ แล้วเขาไปกันเร็วมาก
นอกจากนี้คือเรื่องความชอบนั่นแหละ ที่เราไม่มีความชอบในภาษานี้เลย
แต่กลับมีความสนใจในอีกภาษา ซึ่งมหาลัยนี้ไม่มีเอก
เราเลยคิดอยากจะซิ่วไปที่ๆมีเอกที่อยากเรียนมากกว่า ใจอะอยากซิ่วมาก
แต่สงสารพ่อแม่ ทุกคนก็จะรุมถามพ่อแม่เราถ้าเราซิ่ว เราไม่สนนะว่าคนรอบข้างจะมองตัวเรายังไง
แต่คนที่จะรู้สึกก็คือพ่อแม่ พ่อแม่คงเสียใจ แล้วเราก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะยอมให้เราซิ่วไหม
อยู่นี่เราร้องไห้บ่อยมาก มันคือความอ่อนแอเฉพาะตัวของเราเองนั่นแหละ พอท้อนิดหน่อย
มันก็มีความคิดถึงบ้านเข้ามาแทรกด้วยทุกที เหมือนตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าไปเลย ร้องไห้แบบไม่มีเหตุผลในบางเวลา
แต่เรื่องโฮมซิกนี่เราคิดว่าอยู่ๆไปเดี๋ยวก็หายแหละ คงชินไปเอง
เรื่องเรียนน่ะสิที่เป็นเรื่องใหญ่ จริงๆตอนแรกเราสอบติดอีกมหาวิทยาลัยที่ใกล้บ้านเลย ก็เป็นมหาวิทยาลัยมีชื่ออีกที่
แค่ไม่ได้ดูมีชื่อเท่าที่เรียนอยู่ตอนนี้ ทุกวันนี้ก็คุยกับเพื่อนสนิททุกคน คือเรียนที่นั่นหมด
เนื้อหาที่เรียน และตารางเรียน มันต่างกันมากอะ ทำให้เราเข้าใจเลยว่าทำไมบางทีการรับเข้าทำงานถึงดูจากชื่อมหาลัยที่จบมา
เหมือนที่นั่นเขาก็จะเน้นวิชาเอกไป แต่วิชาอื่นก็ไม่หนักหนามาก ตารางเรียนก็ไม่แน่น
ที่เราเรียนอยู่ตอนนี้คือตารางเรียน เช้าจรดเย็นบางวัน คือไม่มีพักด้วย ไม่ได้กินข้าวกลางวัน
แถมเนื้อหาวิชาก็หนักหน่วงในทุกวิชา ภาษาอังกฤษคือมันยากจริงๆ เราอ่อนกว่าคนอื่นด้วยแหละเลยไม่ค่อยเข้าใจ
เราไม่ได้ดูถูกว่ามหาลัยอื่นเรียนเบานะ เรารู้ว่าทุกมหาลัยเรียนหนักกันหมด
แต่ถ้าคุณไม่มาอยู่จุดนี้คุณก็คงไม่เข้าใจว่า เฮ้ย มันเรียนหนักจริงๆ นี่เพิ่งเปิดเทอมนะ ไม่มีคำว่าซอฟท์เลย
เปิดมาก็ใส่เลย ยัดเลย ทำเอามึนไปพอสมควร 3วันแรกเพื่อนเรารวมถึงเราป่วยกันเลย ไข้ขึ้นกันทีเดียว บางคนถึงขั้นต้องไปหาหมอ
แต่ส่วนมากก็เป็นเด็กกรุงเทพก็ดูจะชินกันกับการเรียนหนักอยู่แล้ว บางคนก็เป็นเด็กแลกเปลี่ยน(เกือบครึ่งคณะ) คือเทพอะ เทพทั้งนั้น
ตัวเราผู้ซึ่งเป็นสายชิล ไม่ค่อยเรียนพิเศษ ตอนเรียนก็ไม่ได้อ่านหนังสืออะไรมาก
พอมาเจองี้คือตายจริงๆ เข้าเอกที่จะเข้าก็ไม่ได้ เอกอื่นก็ไม่ได้อยากเข้า เอกที่ชอบจริงๆเลย ก็ไม่มีเปิดสอน
มันเลยรู้สึกว่าเราควรซิ่วหรือเปล่า แต่ยังคงเป็นคณะเดิม(แค่คนละชื่อ) มันเรียนคล้ายกันก็จริง แต่เท่าที่หาข้อมูลและสอบถามคนที่เรียนจริง
มันก็มีความแตกต่างกัน คือคณะที่เราเรียนอยู่ตอนนี้จะเน้นอ่านหนังสือมากกว่าคณะอื่นที่แนวเดียวกันแต่คนละชื่อ(ซึ่งเราไม่สามารถทนอ่านเยอะขนาดนั้นได้)
รู้สึกว่าอยากให้การซิ่วเป็นการแก้ปัญหา ไม่ใช่หนีปัญหา แล้วเราก็คิดว่าถ้าเข้าเอกเดิมแต่เข้าตั้งแต่ปี1เราว่ามันก็โอเคกว่า ปี1ไม่มีเอก ต้องไฟต์เอาเอกตอนปี2 แล้วดันไม่ได้ คือมันไม่มีความแน่นอนว่าเราจะได้เรียน ความฝันที่อยากสอบทุนก็คือสลายไป แต่ถ้าเข้าเอกได้ก็คือไฟต์เพื่อสอบทุนให้ติด ไม่ใช่ว่าเอกก็ไม่ได้ ทุนก็ต้องไม่ได้แน่ๆ100%เพราะทุนจะได้ก็ต่อเมื่อเข้าเอกได้แล้วเท่านั้น ก็เลยคิดว่าจะลองแอดดูโดยใช้คะแนนเก่า
แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้ไม่กล้าบอกพ่อแม่ คิดว่าท่านไม่ให้แน่เลย😭