Alice Through the Looking Glass (James Bobin,2016) คะแนน B
By Form Corleone
" เราไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ ทำได้เพียงเรียนรู้จากอดีต " การกลับมาของ 'อลิส' ในแบบฉบับที่โตขึ้น เราชอบ 'ไดอะล็อก' ของเรื่องมาก ถ้ามีสมุดจะจดคำพูดหลายๆคำระหว่างที่ดูเลย ข้อเสียคือหนังดำเนินเรื่องได้ไม่ค่อยดี ในมุมมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร เหตุการณ์ที่มาที่ไปในหลายๆฉากดูง่ายและตื้นเกินไป หนังเทเรื่องราวไปช่วงท้ายเรื่องมากเกินจนขาดสมดุล ความสนุกจึงพบเจอได้ช้าเกิน การย้อนกลับไปเหตุการณ์ในอดีตของเหล่าตัวละครในโลกอันเดอร์แลนด์ 'ดูไม่ค่อยเชื่อ+ไม่อิน' เท่าที่ควร แต่ถึงกระนั้นแล้ว ภาพรวมทั้งหมดของหนังก็ยังทำออกมาได้โอเค ไม่ได้แย่มาก สามารถดูได้เพลินๆ ส่วนตัวชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรก เพราะหนังมีประเด็นหลากหลายให้จับต้อง อาทิเช่น เรื่องของ 'กาลเวลา สิทธิสตรี การยอมรับ' ประเด็นต่างๆเหล่านี้ช่วยกลบร่องรอยที่ไม่ลื่นไหลทำให้เราสามารถติดตาม 'อลิส' ได้จนจบเรื่อง
' กาลเวลาไม่เคยหวนกลับคืน ' ประเด็นที่ชอบที่สุดคือเรื่องของ 'เวลา' และการมีตัวละคร 'ไทม์ (ซาชา บารอน โคเฮน)' ผู้คุมเวลา กลายเป็นเรื่องราวของ 'เวลา' ที่เล่าในมุมมองแบบเทพนิยาย สิ่งหนึ่งระหว่างที่เรากำลังนั่งดูอยู่คือเราแทบไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกตัวละครตัวนี้สอนบทเรียนในเรื่องของกาลเวลาอยู่ เฉกเช่นเดียวกับอลิสในเรื่อง เปรียบเสมือนเราได้เรียนรู้ไปพร้อมกับอลิสในคราวเดียวกัน เราไม่สามารถย้อนอดีตได้ การอยู่กับปัจจุบัน ณ วินาทีนี้ ณ ตอนนี้ คงสำคัญที่สุด ประเด็นระหว่าง 'ราชินีขาวกับราชินีแดง' คงเป็นตัวแทนของการยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป การกล่าวคำว่า 'ขอโทษ' จากใจจริงสำหรับคนที่ทำผิด อาจเป็นคำๆเดียวที่อีกคนรอคอยการได้ยินมาเสมอ ความเชื่อของ 'แฮตเตอร์' ว่าครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ การออกตามหาครอบครัวในวัยเด็ก รับรู้สิ่งที่แท้และจริงที่สุดคือความรักของคนในครอบครัว แม้จะไม่ได้แสดงออกให้เห็นในวันนี้แต่เมื่อถึงเวลาที่เราต้องใช้มันเป็นพลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกนี้ เราจะพบความรักที่ได้จากครอบครัวเสมอ
โทนสีของหนังยังคงสดใสและสบายตาเหมือนเดิม ดนตรีประกอบก็ยังทำได้ดี ตัวละครที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็อยู่กับครบ แม้จะไม่ได้สร้างสีสันรอยยิ้มเท่าภาคแรกก็ตาม ท้ายสุด 'Alice Through the Looking Glass' ให้ตัวตนอลิสที่ดูโตขึ้น มีมุมมองต่อโลกที่โตขึ้น ได้เรียนรู้เรื่องราวในอดีตเพื่อทำปัจจุบันให้ดีขึ้น ยอมรับในสิ่งที่ทำผิดพลาดในอดีตเพื่อเรียนรู้ที่จะเข้าใจเรื่องราวในปัจจุบัน 'กาลเวลาไม่เคยแก้ไขได้ และไม่มีทางที่มันจะหวนกลับมา'
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Alice Through the Looking Glass (James Bobin,2016) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
" เราไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ ทำได้เพียงเรียนรู้จากอดีต " การกลับมาของ 'อลิส' ในแบบฉบับที่โตขึ้น เราชอบ 'ไดอะล็อก' ของเรื่องมาก ถ้ามีสมุดจะจดคำพูดหลายๆคำระหว่างที่ดูเลย ข้อเสียคือหนังดำเนินเรื่องได้ไม่ค่อยดี ในมุมมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร เหตุการณ์ที่มาที่ไปในหลายๆฉากดูง่ายและตื้นเกินไป หนังเทเรื่องราวไปช่วงท้ายเรื่องมากเกินจนขาดสมดุล ความสนุกจึงพบเจอได้ช้าเกิน การย้อนกลับไปเหตุการณ์ในอดีตของเหล่าตัวละครในโลกอันเดอร์แลนด์ 'ดูไม่ค่อยเชื่อ+ไม่อิน' เท่าที่ควร แต่ถึงกระนั้นแล้ว ภาพรวมทั้งหมดของหนังก็ยังทำออกมาได้โอเค ไม่ได้แย่มาก สามารถดูได้เพลินๆ ส่วนตัวชอบภาคนี้มากกว่าภาคแรก เพราะหนังมีประเด็นหลากหลายให้จับต้อง อาทิเช่น เรื่องของ 'กาลเวลา สิทธิสตรี การยอมรับ' ประเด็นต่างๆเหล่านี้ช่วยกลบร่องรอยที่ไม่ลื่นไหลทำให้เราสามารถติดตาม 'อลิส' ได้จนจบเรื่อง
' กาลเวลาไม่เคยหวนกลับคืน ' ประเด็นที่ชอบที่สุดคือเรื่องของ 'เวลา' และการมีตัวละคร 'ไทม์ (ซาชา บารอน โคเฮน)' ผู้คุมเวลา กลายเป็นเรื่องราวของ 'เวลา' ที่เล่าในมุมมองแบบเทพนิยาย สิ่งหนึ่งระหว่างที่เรากำลังนั่งดูอยู่คือเราแทบไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกตัวละครตัวนี้สอนบทเรียนในเรื่องของกาลเวลาอยู่ เฉกเช่นเดียวกับอลิสในเรื่อง เปรียบเสมือนเราได้เรียนรู้ไปพร้อมกับอลิสในคราวเดียวกัน เราไม่สามารถย้อนอดีตได้ การอยู่กับปัจจุบัน ณ วินาทีนี้ ณ ตอนนี้ คงสำคัญที่สุด ประเด็นระหว่าง 'ราชินีขาวกับราชินีแดง' คงเป็นตัวแทนของการยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป การกล่าวคำว่า 'ขอโทษ' จากใจจริงสำหรับคนที่ทำผิด อาจเป็นคำๆเดียวที่อีกคนรอคอยการได้ยินมาเสมอ ความเชื่อของ 'แฮตเตอร์' ว่าครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ การออกตามหาครอบครัวในวัยเด็ก รับรู้สิ่งที่แท้และจริงที่สุดคือความรักของคนในครอบครัว แม้จะไม่ได้แสดงออกให้เห็นในวันนี้แต่เมื่อถึงเวลาที่เราต้องใช้มันเป็นพลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกนี้ เราจะพบความรักที่ได้จากครอบครัวเสมอ
โทนสีของหนังยังคงสดใสและสบายตาเหมือนเดิม ดนตรีประกอบก็ยังทำได้ดี ตัวละครที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็อยู่กับครบ แม้จะไม่ได้สร้างสีสันรอยยิ้มเท่าภาคแรกก็ตาม ท้ายสุด 'Alice Through the Looking Glass' ให้ตัวตนอลิสที่ดูโตขึ้น มีมุมมองต่อโลกที่โตขึ้น ได้เรียนรู้เรื่องราวในอดีตเพื่อทำปัจจุบันให้ดีขึ้น ยอมรับในสิ่งที่ทำผิดพลาดในอดีตเพื่อเรียนรู้ที่จะเข้าใจเรื่องราวในปัจจุบัน 'กาลเวลาไม่เคยแก้ไขได้ และไม่มีทางที่มันจะหวนกลับมา'
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/