เปิดประสบการณ์ 2 วัน 1 คืน กับการปีนภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น กับความสูงกว่า 3,776 เมตร ในระดับเหนือเมฆ และความรู้สึกที่เมฆไหลผ่านหน้า…
ข้อแนะนำ….
ประสบการณ์การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างยาว เพราะเรียกว่าเก็บรายละเอียดตั้งแต่เตรียมตัวขึ้นจนถึงเดินลง เนื้อหาแน่นปึ๊ก รูปประกอบอีกร่วม 100…
พยายามหา WiFi ต่อเพื่อไม่ต้องเสีย Data และเพื่ออรรถรสในการอ่าน แนะนำให้อ่านผ่าน Tablet และ Desktop นะครับ
น้องโป๊ะ :
“พี่….พวกเราไปปีนฟูจิกันดีกว่า”
ผม : (มองด้วยสีหน้าแบบสงสัย)
“เฮ่ย…ไหวเหรอ”
น้องโป๊ะ : (ตอบกลับมาด้วยตาที่เป็นประกาย)
“ไหวดิพี่ มันไม่ยากนะ แต่ต้องใช้เวลาเดินนานหน่อย ไปสักปีหน้า มีเวลาเตรียมตัวกันอีกนาน”
ผม :
“โอเค..ถ้าพี่ไม่ติดอะไร ก็จะไปด้วยนะ แต่ขอเวลาไปฟิตร่างกายก่อน”
นี่เป็นบทสนทนา ระหว่างผมกับน้องโป๊ะ หลังจากการ Meeting ในปีที่แล้ว (2015) ของกลุ่ม ร
วมพลคนไปญี่ปุ่น สงกรานต์ กลุ่มที่เกิดจากการรวมตัว ของคนที่ชอบท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่มีน้องโป๊ะและน้องแป้ง (ศรีภรรยาน้องโป๊ะ) เป็นแอดมินกลุ่ม
ตอนนั้นบอกเลยว่า ยังไม่มั่นใจว่าจะไปมั้ย เพราะกล้าบอกอย่างไม่อายเลยว่า แค่เดินขึ้นภูเขาทองยังเหนื่อยเลยครับ ที่ตัดสินใจว่าจะไปก็เพราะการได้ไปครั้งนี้ มันดีตรงที่มีเพื่อนร่วมทางไง ตั๋วเครื่องบิน, ที่พัก, ค่าใช้จ่าย อะไร ๆ ก็ไม่ได้เตรียมเลย คิดไว้เลยว่า ถ้าไม่พร้อมก็คงไม่ไป เพราะตอนสุดท้ายที่คุยกันในกลุ่ม ก็มีอยู่ประมาณ 3 คน (ไม่นับผมกับแฟนนะ) ที่ตกลงกันว่าจะไป รวมกันก็ทั้งหมด 5 คน
ช่วงเวลาที่คุยกันนั้น เป็นช่วงก่อนที่ผมจะไปเที่ยวทริปโอซาก้าในท้าย ๆ เดือน มี.ค. ด้วยซ้ำ เลยยังไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
ลองไปอ่านกระทู้ก่อนหน้าคร่าว ๆ ก็พอจะรู้ว่ามันต้องถึกใช่ย่อยนะ เดินไม่ใช่เล่น 6-8 ชม. หลังจากนั้นก็ได้แพลนคร่าว ๆ เรื่องวันจากน้องแป้ง ว่าจะไปช่วงวันไหน สรุปว่าก็มาตรงกับช่วงวันหยุด อาสาฬหบูชา พอดิบพอดี
หวยมาออกก็ตอนที่ไปเดินงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” เมื่อเดือน ก.พ. ได้โปรฯ ตั๋วเครื่องบินของสายการบิน คาเธ่ย์ อย่างที่รู้กันว่าช่วงวันหยุดจะไม่ค่อยมีโปรฯ หลุดมาง่าย ๆ หรอกนะ แต่วันนั้นลองเช็คเล่น ๆ ดันมี ราคาก็ไม่สูงเกินไปนัก พอรับได้ แถมติดใจตอนที่ได้เคยได้นั่งไปฮ่องกงอยู่รอบนึง….เอาก็เอาวะ ไปพิสูจน์ตัวเองสักที ลุย!!
มารู้จักการปีนภูเขาไฟฟูจิกันสักนิดนะ ฤดูกาลในการปีนจะมีอยู่แค่ 2 เดือนคือช่วง
ต้นกรกฏาคม – ปลายเดือนสิงหาคม ของทุกปี เพราะเป็นช่วงที่หิมะบนภูเขาละลาย พร้อมที่จะให้นักปีนเขาทั่วไปสามารถปีนได้ เส้นทางที่ปีน จะมีอยู่ด้วยกัน 5 เส้นทาง เพราะทางขึ้นเองสามารถขึ้นได้จากหลายเมือง จากเมือง คาวากูจิโกะ, ชิซุโอกะ หรือจะมาจากทาง โกเตมบะ (Gotemba) ที่ขาช้อปต้องรู้จักดีเพราะมี outlet ชื่อดังอยู่ที่นั่น แต่เส้นทางที่เราเลือกปีนคือเส้นที่ ได้รับความนิยม และเค้าว่าสะดวกที่สุดแล้ว (ยังตามหาอยู่ว่าเค้าที่ว่าคือใคร) นั่นก็คือเส้นทาง Yoshida Trails ซึ่งจะเดินทางมาจากเมืองคาวากูจิโกะ หรือนั่งรถบัสยาว ๆ มาจากชินจูกุก็ได้
รูปนี้เป็นแผ่นพับที่จะมีแจกตรง Mt. Fuji Safety Guidance Center ครับ เส้นทางที่เราต้องเดินคือเส้นสีเหลือง นี่แหล่ะจะเห็นได้ว่า มีที่พักอยู่ระหว่างทางหลายที่ แต่ที่เราเลือกคือที่พักสูงสุดเลย Goraikou-kan (ไม่เจียมจริง ๆ)
[CR] จะเป็นยังไง….เมื่อผมพาเมียถึงจุดสุดยอด บนภูเขาไฟฟูจิ [Bag pack by NaiSoop]
ข้อแนะนำ….
ประสบการณ์การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างยาว เพราะเรียกว่าเก็บรายละเอียดตั้งแต่เตรียมตัวขึ้นจนถึงเดินลง เนื้อหาแน่นปึ๊ก รูปประกอบอีกร่วม 100…
พยายามหา WiFi ต่อเพื่อไม่ต้องเสีย Data และเพื่ออรรถรสในการอ่าน แนะนำให้อ่านผ่าน Tablet และ Desktop นะครับ
น้องโป๊ะ : “พี่….พวกเราไปปีนฟูจิกันดีกว่า”
ผม : (มองด้วยสีหน้าแบบสงสัย) “เฮ่ย…ไหวเหรอ”
น้องโป๊ะ : (ตอบกลับมาด้วยตาที่เป็นประกาย) “ไหวดิพี่ มันไม่ยากนะ แต่ต้องใช้เวลาเดินนานหน่อย ไปสักปีหน้า มีเวลาเตรียมตัวกันอีกนาน”
ผม : “โอเค..ถ้าพี่ไม่ติดอะไร ก็จะไปด้วยนะ แต่ขอเวลาไปฟิตร่างกายก่อน”
นี่เป็นบทสนทนา ระหว่างผมกับน้องโป๊ะ หลังจากการ Meeting ในปีที่แล้ว (2015) ของกลุ่ม รวมพลคนไปญี่ปุ่น สงกรานต์ กลุ่มที่เกิดจากการรวมตัว ของคนที่ชอบท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่มีน้องโป๊ะและน้องแป้ง (ศรีภรรยาน้องโป๊ะ) เป็นแอดมินกลุ่ม
ตอนนั้นบอกเลยว่า ยังไม่มั่นใจว่าจะไปมั้ย เพราะกล้าบอกอย่างไม่อายเลยว่า แค่เดินขึ้นภูเขาทองยังเหนื่อยเลยครับ ที่ตัดสินใจว่าจะไปก็เพราะการได้ไปครั้งนี้ มันดีตรงที่มีเพื่อนร่วมทางไง ตั๋วเครื่องบิน, ที่พัก, ค่าใช้จ่าย อะไร ๆ ก็ไม่ได้เตรียมเลย คิดไว้เลยว่า ถ้าไม่พร้อมก็คงไม่ไป เพราะตอนสุดท้ายที่คุยกันในกลุ่ม ก็มีอยู่ประมาณ 3 คน (ไม่นับผมกับแฟนนะ) ที่ตกลงกันว่าจะไป รวมกันก็ทั้งหมด 5 คน
ช่วงเวลาที่คุยกันนั้น เป็นช่วงก่อนที่ผมจะไปเที่ยวทริปโอซาก้าในท้าย ๆ เดือน มี.ค. ด้วยซ้ำ เลยยังไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
ลองไปอ่านกระทู้ก่อนหน้าคร่าว ๆ ก็พอจะรู้ว่ามันต้องถึกใช่ย่อยนะ เดินไม่ใช่เล่น 6-8 ชม. หลังจากนั้นก็ได้แพลนคร่าว ๆ เรื่องวันจากน้องแป้ง ว่าจะไปช่วงวันไหน สรุปว่าก็มาตรงกับช่วงวันหยุด อาสาฬหบูชา พอดิบพอดี
หวยมาออกก็ตอนที่ไปเดินงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” เมื่อเดือน ก.พ. ได้โปรฯ ตั๋วเครื่องบินของสายการบิน คาเธ่ย์ อย่างที่รู้กันว่าช่วงวันหยุดจะไม่ค่อยมีโปรฯ หลุดมาง่าย ๆ หรอกนะ แต่วันนั้นลองเช็คเล่น ๆ ดันมี ราคาก็ไม่สูงเกินไปนัก พอรับได้ แถมติดใจตอนที่ได้เคยได้นั่งไปฮ่องกงอยู่รอบนึง….เอาก็เอาวะ ไปพิสูจน์ตัวเองสักที ลุย!!
มารู้จักการปีนภูเขาไฟฟูจิกันสักนิดนะ ฤดูกาลในการปีนจะมีอยู่แค่ 2 เดือนคือช่วง ต้นกรกฏาคม – ปลายเดือนสิงหาคม ของทุกปี เพราะเป็นช่วงที่หิมะบนภูเขาละลาย พร้อมที่จะให้นักปีนเขาทั่วไปสามารถปีนได้ เส้นทางที่ปีน จะมีอยู่ด้วยกัน 5 เส้นทาง เพราะทางขึ้นเองสามารถขึ้นได้จากหลายเมือง จากเมือง คาวากูจิโกะ, ชิซุโอกะ หรือจะมาจากทาง โกเตมบะ (Gotemba) ที่ขาช้อปต้องรู้จักดีเพราะมี outlet ชื่อดังอยู่ที่นั่น แต่เส้นทางที่เราเลือกปีนคือเส้นที่ ได้รับความนิยม และเค้าว่าสะดวกที่สุดแล้ว (ยังตามหาอยู่ว่าเค้าที่ว่าคือใคร) นั่นก็คือเส้นทาง Yoshida Trails ซึ่งจะเดินทางมาจากเมืองคาวากูจิโกะ หรือนั่งรถบัสยาว ๆ มาจากชินจูกุก็ได้
รูปนี้เป็นแผ่นพับที่จะมีแจกตรง Mt. Fuji Safety Guidance Center ครับ เส้นทางที่เราต้องเดินคือเส้นสีเหลือง นี่แหล่ะจะเห็นได้ว่า มีที่พักอยู่ระหว่างทางหลายที่ แต่ที่เราเลือกคือที่พักสูงสุดเลย Goraikou-kan (ไม่เจียมจริง ๆ)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น