วันนี้ และ พรุ่งนี้ เมื่อปีที่แล้ว คือวันที่ฉันได้ไปยืนบนยอดภูเขาไฟที่สวยที่สุดในโลก !!
17 - 18 สิงหาคม 2012 หรือ วันนี้ และ พรุ่งนี้ เมื่อปีที่แล้ว ..
ผ่านไปครบ 1 ปี วันเวลาไม่ได้เดินเร็วจนเกินไป
ภูเขาไฟฟูจิ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมลำดับที่ 17 ของประเทศญี่ปุ่น ประกาศโดยองค์การยูเนสโก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
การปีนภูเขาไฟฟูจิ แม้แต่คนญี่ปุ่นเองหลายคนก็ไม่บังอาจหาญกล้าหรือพยายามจะไปปีน แต่คนญี่ปุ่นอีกจำนวนมากยังคงศรัทธาที่จะไปสักครั้ง
ส่วนตัวฉันนั้น ความคิดอยากไปปีนภูเขาไฟฟูจิตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินว่า ภูเขาไฟฟูจิคนปีนขึ้นได้ โดยมีเป้าหมายที่ยอดปล่อง
ภูเขาไฟฟูจิ ถูกแบ่งออกเป็น 10 ชั้น คนญี่ปุ่นใช้หลักเกณฑ์อะไรในการแบ่งชั้นไม่แน่ใจ
แต่มีรถบัสนำขึ้นจากชั้นล่าง ถึงชั้น 5 ที่เป็นจุดสถานที่ท่องเที่ยว
แต่จากชั้น 6-10 ต้องเดินขึ้นเองเท่านั้น ซึ่งทางการญี่ปุ่นจะเปิดให้ขึ้นปีละ 2 เดือน คือ ก.ค.-ส.ค. ก็คือช่วงนี้ซึ่งตรงกับฤดูร้อนของญี่ปุ่น
ผ่านไปครบ 1 ปี วันเวลาไม่ได้เดินเร็วจนเกินไป ครบ 1 ปี ตอนนี้นั่งอยู่เมืองไทยแล้ว ก็มีบ้างที่จะคิดถึงดินแดนแห่งนั้นที่เคยไปเรียน จึงอยากขอนำมารีวิว แบ่งปัน ประสบการณ์ "ไปปีนฟูจิ"
17 สิงหาคม 2012
หน้าสถานีคาวากุจิโกะ ป้ายรถเมล์หมายเลข 6 ปลายทางที่สถานีที่ 5 ฟูจิซัง
ออกจากสถานีชินจุกุที่โตเกียวประมาณ 7.30 น. ถึงปลายทาง สถานีที่ 5 ฟูจิซัง ครั้งแรกในชีวิต ประมาณเที่ยง
ลงจากรถบัส อากาศเย็นราวกับอากาศแบบฤดูใบไม้ผลิที่เพิ่งผ่านไป ทั้งที่ข้างล่างยังร้อนๆอยู่เลย ตื่นตาตื่นใจกับภาพประสบการณ์ใหม่ คณะคนจะไปปีนฟูจิเยอะแยะ สังเกตพอแยกได้ว่า คณะไหนเตรียมจะขึ้น คณะไหนเพิ่งลงมาถึง ดูคึกคักมากๆๆ
แวะรับประทานอาหารเตรียมอุปกรณ์ความพร้อมก่อนออกเดินเท้า
เป้าหมายที่ 1 สถานีชั้นที่ 6
ที่เวลาบ่าย 2 โมงเศษ จากชั้น 5 เดินไปตามทางผู้คนที่เห็นเค้าเดินโผล่ออกมา เดินไป มองอ่านป้ายไปตามทาง
เส้นทางชั้น 5 สู่ 6 เส้นทางเดินสบายๆ ทางแนวราบสลับชันบ้าง พื้นผิวทางเดินมีทั้งหิน ดิน ทราย แต่เดินไม่ยาก ป่าเขาลำเนาไพร ชมนกชมไม้
มีแค่ชั้น 5-6 เท่านั้นที่ยังเป็นป่าเขาต้นไม้
ผ่านไป 20 นาที ถึงป้ายสถานีชั้นที่ 6 ทำเวลาใช้ได้อยู่
ที่บอกว่าทำเวลาดี เพราะ ตามทางที่มีป้ายบอก จะบอกว่า เหลืออีกกี่เมตรจะถึงสถานต่อไป และจะกำกับเวลาไว้ให้ด้วยว่าจากจุดนี้จะใช้เวลากี่นาที ตามประสาฝีเท้าคนญี่ปุ่น
พักเบรคกันนิดนึง ก่อนขึ้นต่อ สู่สถานีที่ 7
เส้นทางสถานีที่ 7 ยังคงดูเป็นเส้นทางที่ผ่านน้ำมือมนุษย์ในการทำทางไว้ให้ การก้าวขึ้นขั้นต่อขั้นราวกับก้าวบันไดปกติ 2-3 ขั้นในทีเดียว แต่ว่าถ้าไม่อยากจะหัวข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควรมากขนาดนี้ ด้านขอบนอกของบันไดถูกทำทางเลือกไว้ให้ เป็นทางลาดของหินขึ้นให้เดินขอบภูเขา ถ้าไม่เมาก็ไม่ควรเดินตกเขาไปได้
นอกจากนี้ บนชั้นนี้ เป็นบันไดที่ให้อารมณ์บันไดงู คดเคี้ยวสลับไปมา และยกระดับขึ้นสูงขึ้นเรื่อย เดินไปชมบรรยากาศไป ยืนจุดนี้สามารถมองเห็นเมืองยามานาชิแทบทั้งเมือง ได้ใกล้ชิดกับหมู่เมฆที่ลอยอยู่เบื้องหน้า สีท้องฟ้าสลับสีขาวของเมฆ ไม่เคยคาดคิดว่า จะมีโอกาสมายืนเสมอเมฆขนาดนี้
ชั้นนี้เสียงฟ้าร้องครืนๆเบาๆ คล้ายเมฆกระทบกัน เสียงฟ้าร้องใกล้เหลือเกิน ก็อยู่ใกล้เมฆขนาดนี้ ยังคงค่อยๆเดินต่อไป สำนึกอยู่แก่ใจ เส้นทางยังอีกยาวไกล ต้องใช้พลังงานอย่างประหยัด
[CR] [รีวิว] วันนี้ และ พรุ่งนี้ เมื่อปีที่แล้ว คือวันที่ฉันได้ไปยืนบนยอดภูเขาไฟที่สวยที่สุดในโลก !!
17 - 18 สิงหาคม 2012 หรือ วันนี้ และ พรุ่งนี้ เมื่อปีที่แล้ว ..
ผ่านไปครบ 1 ปี วันเวลาไม่ได้เดินเร็วจนเกินไป
ภูเขาไฟฟูจิ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมลำดับที่ 17 ของประเทศญี่ปุ่น ประกาศโดยองค์การยูเนสโก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
การปีนภูเขาไฟฟูจิ แม้แต่คนญี่ปุ่นเองหลายคนก็ไม่บังอาจหาญกล้าหรือพยายามจะไปปีน แต่คนญี่ปุ่นอีกจำนวนมากยังคงศรัทธาที่จะไปสักครั้ง
ส่วนตัวฉันนั้น ความคิดอยากไปปีนภูเขาไฟฟูจิตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินว่า ภูเขาไฟฟูจิคนปีนขึ้นได้ โดยมีเป้าหมายที่ยอดปล่อง
ภูเขาไฟฟูจิ ถูกแบ่งออกเป็น 10 ชั้น คนญี่ปุ่นใช้หลักเกณฑ์อะไรในการแบ่งชั้นไม่แน่ใจ
แต่มีรถบัสนำขึ้นจากชั้นล่าง ถึงชั้น 5 ที่เป็นจุดสถานที่ท่องเที่ยว
แต่จากชั้น 6-10 ต้องเดินขึ้นเองเท่านั้น ซึ่งทางการญี่ปุ่นจะเปิดให้ขึ้นปีละ 2 เดือน คือ ก.ค.-ส.ค. ก็คือช่วงนี้ซึ่งตรงกับฤดูร้อนของญี่ปุ่น
ผ่านไปครบ 1 ปี วันเวลาไม่ได้เดินเร็วจนเกินไป ครบ 1 ปี ตอนนี้นั่งอยู่เมืองไทยแล้ว ก็มีบ้างที่จะคิดถึงดินแดนแห่งนั้นที่เคยไปเรียน จึงอยากขอนำมารีวิว แบ่งปัน ประสบการณ์ "ไปปีนฟูจิ"
17 สิงหาคม 2012
หน้าสถานีคาวากุจิโกะ ป้ายรถเมล์หมายเลข 6 ปลายทางที่สถานีที่ 5 ฟูจิซัง
ออกจากสถานีชินจุกุที่โตเกียวประมาณ 7.30 น. ถึงปลายทาง สถานีที่ 5 ฟูจิซัง ครั้งแรกในชีวิต ประมาณเที่ยง
ลงจากรถบัส อากาศเย็นราวกับอากาศแบบฤดูใบไม้ผลิที่เพิ่งผ่านไป ทั้งที่ข้างล่างยังร้อนๆอยู่เลย ตื่นตาตื่นใจกับภาพประสบการณ์ใหม่ คณะคนจะไปปีนฟูจิเยอะแยะ สังเกตพอแยกได้ว่า คณะไหนเตรียมจะขึ้น คณะไหนเพิ่งลงมาถึง ดูคึกคักมากๆๆ
แวะรับประทานอาหารเตรียมอุปกรณ์ความพร้อมก่อนออกเดินเท้า
เป้าหมายที่ 1 สถานีชั้นที่ 6
ที่เวลาบ่าย 2 โมงเศษ จากชั้น 5 เดินไปตามทางผู้คนที่เห็นเค้าเดินโผล่ออกมา เดินไป มองอ่านป้ายไปตามทาง
เส้นทางชั้น 5 สู่ 6 เส้นทางเดินสบายๆ ทางแนวราบสลับชันบ้าง พื้นผิวทางเดินมีทั้งหิน ดิน ทราย แต่เดินไม่ยาก ป่าเขาลำเนาไพร ชมนกชมไม้
มีแค่ชั้น 5-6 เท่านั้นที่ยังเป็นป่าเขาต้นไม้
ผ่านไป 20 นาที ถึงป้ายสถานีชั้นที่ 6 ทำเวลาใช้ได้อยู่
ที่บอกว่าทำเวลาดี เพราะ ตามทางที่มีป้ายบอก จะบอกว่า เหลืออีกกี่เมตรจะถึงสถานต่อไป และจะกำกับเวลาไว้ให้ด้วยว่าจากจุดนี้จะใช้เวลากี่นาที ตามประสาฝีเท้าคนญี่ปุ่น
พักเบรคกันนิดนึง ก่อนขึ้นต่อ สู่สถานีที่ 7
เส้นทางสถานีที่ 7 ยังคงดูเป็นเส้นทางที่ผ่านน้ำมือมนุษย์ในการทำทางไว้ให้ การก้าวขึ้นขั้นต่อขั้นราวกับก้าวบันไดปกติ 2-3 ขั้นในทีเดียว แต่ว่าถ้าไม่อยากจะหัวข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควรมากขนาดนี้ ด้านขอบนอกของบันไดถูกทำทางเลือกไว้ให้ เป็นทางลาดของหินขึ้นให้เดินขอบภูเขา ถ้าไม่เมาก็ไม่ควรเดินตกเขาไปได้
นอกจากนี้ บนชั้นนี้ เป็นบันไดที่ให้อารมณ์บันไดงู คดเคี้ยวสลับไปมา และยกระดับขึ้นสูงขึ้นเรื่อย เดินไปชมบรรยากาศไป ยืนจุดนี้สามารถมองเห็นเมืองยามานาชิแทบทั้งเมือง ได้ใกล้ชิดกับหมู่เมฆที่ลอยอยู่เบื้องหน้า สีท้องฟ้าสลับสีขาวของเมฆ ไม่เคยคาดคิดว่า จะมีโอกาสมายืนเสมอเมฆขนาดนี้
ชั้นนี้เสียงฟ้าร้องครืนๆเบาๆ คล้ายเมฆกระทบกัน เสียงฟ้าร้องใกล้เหลือเกิน ก็อยู่ใกล้เมฆขนาดนี้ ยังคงค่อยๆเดินต่อไป สำนึกอยู่แก่ใจ เส้นทางยังอีกยาวไกล ต้องใช้พลังงานอย่างประหยัด
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น