The Handmaiden - สิ่งที่หลอกยากที่สุด ก็คือหัวใจของเราเองนี่แหละ (Spoil)

เล่นเอาพูดไม่ออก บอกไม่ถูกเลยทีเดียวหลังจากเราดู The Handmaiden จบ หนังพาเราเตลิดไปไกลมาก นึกย้อนไปถึงตอนต้นเรื่องแล้วคาดไม่ถึงเลยทีเดียวว่าหนังจะพาเราจะมาไกลซะขนาดนี้

บทหนังเรื่องนี้ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือของประเทศอังกฤษ เรื่อง Fingersmith ผลงานการเขียนของ Sarah Waters ซึ่งเล่าเรื่องอังกฤษในยุควิคตอเรีย แต่ The Handmaiden นำมาเล่าในฉากหลังของประเทศเกาหลี ยุคปี 1930 ที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น

เรายอมรับว่าเราไม่ชอบ Oldboy ผลงานอันเลื่องชื่อของผู้กำกับ Park Chan-wook ซึ่งได้รับคำชมอย่างล้นหลาม เราคิดว่าเราคงไม่ถูกจริตกับหนังสไตล์นี้ซักเท่าไหร่ พอดู The Handmaiden จบ แม้เราจะรู้สึกค่อนไปทางชอบหนังเรื่องนี้ แต่เราก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากนักว่าชอบ เพราะเรายังมีติดขัดบางอย่างในหนัง แต่ที่เรารู้สึกได้เลยคือ เรารู้สึกว่าเค้าเก่งในการกำกับหนังแน่นอน

หนังเรื่องนี้มีทั้งช่วงที่เราชอบมากๆและมีบางช่วงที่เราไม่ชอบเลย เราชอบมากตั้งแต่ต้นเรื่อง มาจนถึงตอนที่ Hideko ได้กลับมาเจอ Sook-hee หลังจากที่หักหลังเค้าท์ Fujiwaraโดยการวางยาได้สำเร็จ เราชอบทั้งหมดเลยในช่วงนี้ ไม่มีตรงไหนที่ติดขัดเลยสำหรับเรา แต่ช่วงที่เราไม่ชอบเลย คือตอนที่ ลุง Kouzuki จับเค้าท์ Fujiwara กลับมาลงโทษในตอนท้าย เรารู้สึกมันมากเกินกว่าสิ่งที่เราต้องการจากหนังเรื่องนี้แล้ว เราพอแล้ว

แต่เราก็ยังแนะนำให้มาดูหนังเรื่องนี้นะ เพราะมันไม่ได้มีดีแค่การหักหลังหักมุมเท่านั้น มันเล่าที่มาของการหักเหลี่ยมกัน ได้น่าสนใจมากๆ มันมีความเจ๋งในการเล่าเรื่องแบบนี้และที่สำคัญหนังมีความยาว 144 นาที แต่เราไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่วินาทีเดียว หนังมันสนุกมากๆ

หนังเรื่องนี้ถ่ายภาพสวยมากๆ ทั้งแสงสีและมุมกล้อง โดยเฉพาะการเล่าเรื่องผ่าน 2 มุมมอง ดังนั้นเกือบทุกฉาก จะต้องมีการถ่าย 2 มุมเสมอ ซึ่งมันจะต้องทำให้กลมกลืนให้ได้ และถือว่าทำออกมาได้ดี รวมไปถึงฉากสุดบรรเจิดทั้งฉากที่ Hideko อ่านหนังสือให้บรรดาแขกฟัง และฉากที่ Sook-hee ทำลายภาพวาดและหนังสือ หนังถ่ายออกมาได้บรรเจิดสุดๆ

การเล่าเรื่องทำได้ดีมากๆ หนังที่ต้องเล่าเรื่องผ่าน 2 มุมมองแบบนี้ หากลำดับเรื่องไม่ดี อาจจะทำให้เรางงได้ แต่เราไม่รู้สึกแบบนั้นกับ The Handmaiden และผมชอบการให้น้ำหนักในการเล่าเรื่องในแต่ละบท ทำได้ดีมาก

หากจะไม่พูดถึงเรื่องการแสดงคงจะไม่ได้ เพราะนี่คือส่วนสำคัญที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้มากๆ โดยเฉพาะ Kim Min-hee ที่แสดงเป็น Hideko ได้สุดยอดมาก การเล่าเรื่องในแบบ 2 มุมมอง เธอสามารถควบคุมการแสดงทั้ง 2 ช่วงได้ดีมากๆ ขณะเดียวกันในช่วงที่เริ่มเฉลยเรื่องราวในหนังบทที่ 2 มันมีรอยต่อของความรู้สึกอยู่ การที่ต้องแสดงเพื่อหลอก Sook-hee กับความรู้สึกที่เริ่มมีต่อ Sook-hee เรารู้สึกว่าเธอเล่นได้เนียนมาก ซีนที่เรารู้สึกเชื่อมากๆในบทที่ 1 พอมาเฉลยในบทที่ 2 มันก็คือความรู้สึกนั้นจริงๆ ขณะเดียวกันซีนที่เราสงสัยแปลกใจในบทที่ 1 หนังก็เฉลยในบทที่ 2 ว่านั่นคือจังหวะที่เธอกำลังแสดง ไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆ มันเจ๋งมากในการเล่าเรื่องและการแสดงที่มันละเอียดสุดๆในทุกซีนของ Kim Min-hee ในซีนที่โรงแรมตอนที่จะวางยาเค้าท์ Fujiwara และเริ่มถูกเล้าโลมในช่วงล่างของเธอ แล้วเธอทำหน้าเหยเก เธอเล่นได้น่าตีสุดๆเลยฉากนี้

ขณะที่ Kim Tae-ri ก็เล่นได้ดีไม่แพ้กัน หนังเรื่องนี้มันต้องมีจังหวะการเล่นที่เป็นไปตามที่หนังต้องการ สังเกตได้ว่าช่วงบทที่ 1 เราจะเห็นว่า Sook-hee ต้องพยายามหลอก Hideko ให้ได้ แต่เธอกลับเล่นได้โฉ่งฉ่างมากๆในหลายๆฉาก ขณะเดียวกัน ช่วงที่เธอเริ่มรู้สึกกับ Hideko จริงๆ เธอก็แสดงความรู้สึกแบบนั้นออกมาจริงๆ ฉากที่เธอบอกให้ Hideko แต่งงานกับเค้าท์ Fujiwara แล้วบอกว่าเธอจะรักท่านเค้าท์ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะโดน Hideko ตบหน้านั้น เรารู้สึกได้ถึงความฝืนที่ต้องพูดแบบนั้น เธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แล้วเธอก็โดน Hideko ตบ ซีนนี้ทั้ง Kim Tae-ri และ Kim Min-hee แสดงรับส่งกันได้สุดยอดมากๆ

หนังพูดถึงการวางแผนหลอกลวง เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่แต่ละคนต้องการ Hideko ต้องการหลุดพ้นออกจากบ้านที่มีลุงจอมโหดคอยบงการชีวิต เธอต้องการอิสระ Sook-hee หญิงสาวนักล้วงกระเป๋า เด็กจากสลัม ต้องการทรัพย์สมบัติของตระกูลนี้ เพื่อต้องการหนีออกจากประเทศนี้เสียที เค้าท์ Fujiwara ต้องการฮุบสมบัติของตระกูลนี้เช่นกัน เค้ามาจากคนที่ไม่มีอะไร ใช้ชีวิตลำบากมาเช่นกัน จนเริ่มดีขึ้นหลังจากมีอาชีพนักวาดภาพปลอม

บทที่ 1 ของหนัง เล่าเรื่องผ่านมุมมองของ Sook-hee ที่ถูกเค้าท์ Fujiwara วางแผนให้ปลอมตัวเข้ามาเป็นคนรับใช้ Hideko และต้องช่วยทำให้ Hideko ยอมแต่งงานกับ Fujiwara ให้ได้ ซึ่งเราเอะใจมากในตอนที่ดูบทนี้ เพราะเรารู้สึกว่า หนังเล่าเรื่องได้โฉ่งฉ่างมากๆ ตัวละครอย่าง Sook-hee ก็แสดงได้อย่างโฉ่งฉ่างเช่นกัน จนเรารู้สึกประหลาดใจมาก ว่าทำไมหนังถึงเล่าเรื่องแบบนี้ และทำไม Hideko ถึงไม่เอะใจอะไรบ้างเลย แต่ภายในความโฉ่งฉ่างนี้ กลับมีช่วงดีๆ ที่เรารู้สึกเชื่อมากๆอยู่ โดยเฉพาะในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่าง Sook-hee กับ Hideko ในตอนจบของบทที่ 1 ทำเราอึ้งไปชั่วขณะ

พอมาถึงบทที่ 2 ซึ่งเราชอบบทนี้มากๆ บทนี้เล่าผ่านมุมมองของ Hideko บ้าง หนังเริ่มเล่าที่มาของตัวละคร Hideko ตั้งแต่ช่วงยังเด็ก เราได้เห็นว่า ทำไมตัวละคร Hideko จึงดูแปลกๆ ฉากที่ Hideko ต้องอ่านหนังสือต่อหน้าบรรดาแขก เรารู้สึกเจ็บปวดมากๆในซีนนี้ จนมาถึงซีนสำคัญที่ Fujiwara เริ่มวางแผนกับ Hideko เราอึ้งไปอีกรอบ แต่เราก็รู้สึกเอะใจเหมือนกันว่า มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เราไม่เชื่อว่า การที่ Sook-hee โดนจับเข้าโรงพยาบาลประสาทนั้น คือแผนการที่สำเร็จลุล่วงของ Hideko กับ Fujiwara

แล้วก็เป็นแบบที่คาดคิดจริงๆ หนังเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของ Sook-hee และ Hideko ได้สวยงามมากๆ และเราชอบพาร์ทนี้ของเรื่องมากๆ มันคือจุดที่ทำให้เราเลือกบอกว่า เราชอบหนังเรื่องนี้

Hideko แทบจะไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้จากใครเลยตลอดทั้งชีวิต เธอใช้ชีวิตตามคำสั่งของลุงสุดโหดมาตลอด จนเมื่อเธอได้พบกับ Sook-hee แม้เธอจะรู้ว่า Sook-hee เข้ามารับใช้เธอ เพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง แต่เมื่อ Sook-hee ได้เริ่มสัมผัสถึงตัวตน Hideko มากขึ้น กลับเกิดความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย เริ่มเข้าถึงความอ้างว้างของ Hideko ซึ่งเป็นที่ที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงพื้นที่ตรงนี้มาก่อน

Hideko พยายามพูดกับ Sook-hee ตลอดว่า อย่าหลอกเธอนะ

ฝั่ง Sook-hee ก็เริ่มรู้สึกถลำลึกกับ Hideko เข้าไปเรื่อยๆเช่นกัน ยิ่งเธอสัมผัสถึงความอ้างว้างของ Hideko มากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเห็นอกเห็นใจมากขึ้นเท่านั้น Sook-hee เริ่มแสดงออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่า รู้สึกพิเศษกับ Hideko แล้ว จนกระทั่งในที่สุด เธอถึงกับต่อว่า Fujiwara ที่พยายามเร่งรัดการแต่งงานจนเกินไป เพราะเธอรู้สึกว่า Hideko ยังไม่พร้อม ถึงตอนนี้ เธอเป็นห่วง Hideko จริงๆจากหัวใจแล้ว

ซีนที่เจ็บปวดมากสำหรับเรา คือ ตอนที่ Sook-hee พยายามฝืนใจบอกให้ Hideko แต่งงานกับ Fujiwara แต่เหมือนกับว่าตอนนี้ Hideko ไม่ได้อยากแต่งงานกับ Fujiwara ตามแผนที่ได้วางไว้แล้ว เธอบอกว่า "เธอเจอคนที่เธอชอบแล้ว" เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ Sook-hee มีต่อเธอเช่นกัน เธอจึงตบหน้า Sook-hee ณ วินาทีนั้น ไม่มีการแสดง ไม่มีการหลอกลวงอะไรอีกแล้ว น้ำตาของเธอคือเรื่องจริง เธอคิดว่าสุดท้าย Sook-hee ก็หวังเพียงแค่สมบัติจริงๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เธอคงคิดไปเองฝ่ายเดียวใช่ไหม?

Hideko หมดหวังในชีวิต นี่คือรักแรกของเธอ เธอตัดสินใจแขวนคอตัวเองใต้ต้นซากุระ แต่แล้ว Sook-hee ก็ไม่สามารถหลอกหัวใจตัวเองได้อีกแล้ว วินาทีที่เธอเห็นว่า Hideko หายไปจากห้องพร้อมเชือกแขวนคอ เธอรีบวิ่งสุดชีวิตไปตามหา Hideko และเธอก็มาช่วย Hideko ไว้ได้ทัน เธอยอมรับทุกอย่างกับ Hideko และ Hideko ก็ยอมรับทุกอย่างกับเธอเช่นกัน ฉากนี้สวยงามมากๆ (แอบมีแก๊กขำเล็กๆ ตอน Sook-hee ปล่อยมือจาก Hideko เธอเกือบได้แขวนคอตายจริงๆละ 55)

ฉากทำลายภาพวาดและหนังสือของ Sook-hee ทำเอาเราขนลุก หลังจากเธอรู้ความจริงเบื้องหลังของลุง Kouzuki และ Fujiwara ที่รวมหัวกันสร้างภาพวาดและหนังสือปลอม และใช้ Hideko ในการอ่านหนังสือ เพื่อให้ช่วยขายหนังสือเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น เธอทำลาย ฉีก หนังสือและภาพวาดแบบไม่มีชิ้นดี ละเลงสีใส่ของเหล่านั้น จนไม่อาจนำไปทำอะไรต่อได้อีก เรารับรู้ถึงความโกรธแค้นของ Sook-hee ต่อการที่ Hideko ถูกกระทำแบบนี้ เรารู้สึกว่าเธอแคร์ Hideko จริงๆ และเราเชื่อว่าในซีนนี้ Hideko ก็คงรับรู้ความรู้สึกนี้ได้เช่นกัน

ช่วงเวลาที่ทั้งสองหนีออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นเรือ เธอทั้งสองวิ่งผ่านทุ่งหญ้ากว้าง แสงช่วงนี้สวยมากๆ เราเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของทั้งคู่ รอยยิ้มมันออกมาจากหัวใจ เป็นรอยยิ้มที่สวยงามมาก เรารู้สึกถึงความอิสระและล่องลอย มันอบอุ่นมาก มือของทั้งสองที่จับกุมกันไว้บนเรือพาย มันทำให้ทั้งสองมั่นใจว่า ทั้งสองจะไม่มีวันพรากจากกัน

แม้เราจะพยายามหลอกลวงใครก็ตาม เราก็อาจจะทำได้สำเร็จ หากเราแสดงมันได้อย่างแนบเนียนพอ แต่เมื่อใดก็ตามที่หัวใจเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องในการหลอกลวงนั้น มันคงยากมากที่เราจะหลอกให้ใครเชื่อได้ เราเก็บซ่อนเสียงของหัวใจเราไว้ไม่ได้หรอก สิ่งที่หลอกยากที่สุด ก็คือหัวใจของเราเองนี่แหละ

https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่