นั่งดู ขมิ้นกับปูม มาจนถึงตอนเมื่อคืนนี้กับคุณสามีฝรั่งของป้า ซึ่งเขาก็ไม่เคยดูเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้มาเลย และด้วยความเป็นแพทย์(วัยหลังเกษียณ)อยู่ในตัวสามีของป้า เขาถึงกับเอ่ยให้ได้ยินฟังว่า..ดูมาตั้งแต่ต้นเรื่องจนมาถึงตอนนี้แล้ว สงสารปัทมา มากๆ เขาเป็นตัวละครที่เห้นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และจิต มาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ได้ชัดเจนมากๆ เดี๋ยวถ้าเป้นแบบนี้ต่อไปเขามีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็น Psychosis ได้มากๆเลยนะ (ป้ายังไม่ได้สปอยด์ให้สามีรู้ว่า ต่อไปปัทมาจะเป้นบ้าแน่นอน) และเขายังชมนักแสดงคนนี้(น้องกรีน)ว่าเล่นได้ดีนะ expose อารมณ์ได้ดีและต่อเนื่องดีมาก
แถมมีการทิ้งทวนให้ป้าไปดู Key words คำว่า
- Personnality disorder , Histrionic personality disorder , Antisocial personality disorder
- Anxiety disorder , Depressive disorder
- Psychosis
พร้อมทั้งหยิบตำรา Short note of Psychiatry ให้ป้าได้ไปค้นคว้าอ่านเพิ่มเติม แล้วมาวิเคาระห์ วิจารรณ์ตัวละคร ปัทมา ให้เขาฟังอีกที (เหมือนทำการบ้านส่งคุณครูเลยค่ะ)...หลังจากอ่านตำราจิตเวท ที่คุณสามีได้ Lecture ให้ป้าได้เรียนรู้แล้ว ป้าจึงเข้าใจถึงเหตุผล ความเป็นไป และพัฒนาการจากจิตของตัวละคร ปัทมา ดังนี้
ในช่วงวัยเด็ก-วัยแรกสาวของปัทมา วัยที่ต้องเรียนรู้ แสวงหาโลกใหม่ อิสรเสรี เมื่อมีผู้ชายอย่าง ธนา เข้ามาในชีวิตของเธอ เธอจึงได้ยึดมั่นถือมั่น หลงไหลในความรักและความประทับใจในตัวผู้ชายคนนี้ โดยไม่คิดจะเรียนรู้โลกอีกด้านของผู้ชายทั่วไป เมื่อเธอหลงไหลในตัวผู้ชาย จนเกินเหตุผลจากคนรอบข้าง และบวกกับแรงกดดันทางครอบครัวบุคลิกภาพที่แสดงออกทางอารมณ์ในช่วงนี้ จึงถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ Histrionic personality disoder (บุคลิกภาพที่มีความหลงไหลคลั่งไคล้ผู้ชายมากจนเกินไป) บวกกับความกดดันและการต่อต้านความคิดของเจ้าคุณปู่ในทุกๆเรื่อง เธอจึงแสดงบุคลิกภาพออกมาในแนวต่อต้านกับทุกๆเหตุผลของสังคมคนรอบข้าง ซึ่งเข้ากับบุคลิกภาพ Antisocial personality disorder...ซึ่งการแสดงของน้องกรีน อัษฏาพร ในช่วงเริ่มต้นของเรืองจึงเป้นไปในลักษณะบ่มเพาะเชื้อแห่งความกดดัน ซึ่งยังมีสติสัมปชัญญะและรู้ตัวดี ซึ่งภาวะแบบนี้ยังไม่ถือว่าเป้นความผิดปกติทางจิตเวท (Disease) แต่เป้นเพียงบุคคลิกภาพที่จะพัฒนาต่อไปเป้นความผิดปกติทางจิตเวทได้ในโอกาสต่อไปหากไม่ได้รับการแก้ไข และเนื้อเรื่องก็เป้นเช่นนั้น ปัทมา จึงเป้นคนปกติฑรรมดาในช่วงต้นเรื่อง ซึ่งน้องกรีน แสดงออกมาได้พอดี ไม่ล้นไม่มาก ค่อยๆเก็บลายละเอียดไปทีละน้อยๆ จนถึง 2-3 ตอนมานี้ ซึ่งมันพัฒนามาถึงขึ้น Disease ในที่สุด
ช่วงต่อมาของ ปัทมา ที่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และทางจิตที่ชัดเจน และบางครั้งเธอก็ควบคุมกันไม่ได้ ด้วยความไม่ปล่อยวาง พัฒนาการทางอารมณ์และจิตช่วงหลังจากที่เข้าไปอยู่กินกับ ธนา จึงเป้นช่วงที่เข้าสู่โหมดของ Anxiety disoder (โรคเครียด,วิตกกังวล) ซึ่งเธอก็แสดงอาการออกมาได้หลากหลาย ทั้งลักษณะของ Panic dis.(หวาดระแวง) Obsessive-Compulsive dis.(ย้ำคิดย้ำทำ) วนเวียนอยู่แบบนี้เป้นเรื่อยๆโดยไม่ได้รับการเยียวยาบรรเทาให้ดีขึ้น จนถึงตอนเมื่อคืนที่เธอถูกจับมาขังไว้ที่บ้าน แถมโดนน้องสาวอย่างปวีณามาพูดจาถากถางให้ร้ายจนอารมณ์เธอยากที่จะควบคุมและมันก็พัฒนามาสู่การเป็นโรคซึมเศร้า (Depressive disorder) ในที่สุด ซึ่งความโศรกเศร้าเสียใจนี้มันสามารถทำให้ความคิดเธอวนเวียนจมปลักลงเรื่อยๆ จนถึงขึ้นที่เธอตัวสินใจ Suicidal attempt (ความพยายามฆ่าตัวตาย) ซึ่งเราจะได้เห้นความเป้นไปในตอนต่อไปนี้...งานนี้ก็ต้องชื่นชมการแสดงของน้องกรีน ที่อารมณ์ในช่วงนี้มันไต่ระดับแบบ parabolar curve ก็ว่าได้ ถือว่าเป้นการไต่ระดับขึ้นเรื่อยให้เราได้เห้นมิติของ ปัทมา ได้ชัดเจนขึ้น เห็นการแสดงเธอในช่วงนี้เป้นต้นไปแล้วเหนื่อยแทน บางทีก็อดเป้นห่วงว่า เธอจะหอบเอาความเครียดและความซึมเศร้าจากตัวละครปัทมา ในช่วงนี้กลับไปบ้านด้วยหรือเปล่านะ
ช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งเป้นช่วงที่สามีของป้าได้ทำนายไว้ ว่านางปัทมา นางอาจจะเป้นบ้าได้นะเนี่ย ถ้าหากนางยังโดนกระทำและโดนความเครียด ความซึมเศร้ารุมเร้าแบบไม่ผ่อนคลาย (ขอย้ำว่า สามีฝรั่งของป้าไม่เคยดูเคยอ่านละครเรื่องนี้มาก่อนแต่อย่างใด) ช่วงที่เธอเข้าสู่โหมด โรคจิตเภท หรือ จิตแตกแยก (Schizhophrenia) หรือภาษาชาวบ้านเราเรียกว่า เป้นบ้า...ป้าเชื่อว่าช่วงนี้แหละเราจะได้เห้นฝีมือระดับพีคสุดๆของการแสดงของนองกรีน จากที่หลายๆคนพีคในตอนที่เธอซึมเศร้าแล้ว เราก็จะได้พีคขึ้นได้อีกจากการระเบิดอารมณ์บ้าของนักแสดงคนนี้ได้อีก
ทั้งหมดนี้ก็สรุปความตามที่ป้าได้อ่านได้ศึกษาจากตำราที่คุณสามีให้ป้าไปลองอ่านๆทำความเข้าใจในระดับเบื้องต้น และสอบถามจากคุณสามีอีกที จึงมาเล่าสู่กันฟังอีกที...ผิดถูกแต่อย่างไรก็ต้องปรับแก้และให้อภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
เมื่อฉันเห็นพัฒนาการทางจิตของ ปัทมา ผ่านการแสดงของ กรีน อัษฎาพร...ขมิ้นกับปูน
แถมมีการทิ้งทวนให้ป้าไปดู Key words คำว่า
- Personnality disorder , Histrionic personality disorder , Antisocial personality disorder
- Anxiety disorder , Depressive disorder
- Psychosis
พร้อมทั้งหยิบตำรา Short note of Psychiatry ให้ป้าได้ไปค้นคว้าอ่านเพิ่มเติม แล้วมาวิเคาระห์ วิจารรณ์ตัวละคร ปัทมา ให้เขาฟังอีกที (เหมือนทำการบ้านส่งคุณครูเลยค่ะ)...หลังจากอ่านตำราจิตเวท ที่คุณสามีได้ Lecture ให้ป้าได้เรียนรู้แล้ว ป้าจึงเข้าใจถึงเหตุผล ความเป็นไป และพัฒนาการจากจิตของตัวละคร ปัทมา ดังนี้
ในช่วงวัยเด็ก-วัยแรกสาวของปัทมา วัยที่ต้องเรียนรู้ แสวงหาโลกใหม่ อิสรเสรี เมื่อมีผู้ชายอย่าง ธนา เข้ามาในชีวิตของเธอ เธอจึงได้ยึดมั่นถือมั่น หลงไหลในความรักและความประทับใจในตัวผู้ชายคนนี้ โดยไม่คิดจะเรียนรู้โลกอีกด้านของผู้ชายทั่วไป เมื่อเธอหลงไหลในตัวผู้ชาย จนเกินเหตุผลจากคนรอบข้าง และบวกกับแรงกดดันทางครอบครัวบุคลิกภาพที่แสดงออกทางอารมณ์ในช่วงนี้ จึงถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ Histrionic personality disoder (บุคลิกภาพที่มีความหลงไหลคลั่งไคล้ผู้ชายมากจนเกินไป) บวกกับความกดดันและการต่อต้านความคิดของเจ้าคุณปู่ในทุกๆเรื่อง เธอจึงแสดงบุคลิกภาพออกมาในแนวต่อต้านกับทุกๆเหตุผลของสังคมคนรอบข้าง ซึ่งเข้ากับบุคลิกภาพ Antisocial personality disorder...ซึ่งการแสดงของน้องกรีน อัษฏาพร ในช่วงเริ่มต้นของเรืองจึงเป้นไปในลักษณะบ่มเพาะเชื้อแห่งความกดดัน ซึ่งยังมีสติสัมปชัญญะและรู้ตัวดี ซึ่งภาวะแบบนี้ยังไม่ถือว่าเป้นความผิดปกติทางจิตเวท (Disease) แต่เป้นเพียงบุคคลิกภาพที่จะพัฒนาต่อไปเป้นความผิดปกติทางจิตเวทได้ในโอกาสต่อไปหากไม่ได้รับการแก้ไข และเนื้อเรื่องก็เป้นเช่นนั้น ปัทมา จึงเป้นคนปกติฑรรมดาในช่วงต้นเรื่อง ซึ่งน้องกรีน แสดงออกมาได้พอดี ไม่ล้นไม่มาก ค่อยๆเก็บลายละเอียดไปทีละน้อยๆ จนถึง 2-3 ตอนมานี้ ซึ่งมันพัฒนามาถึงขึ้น Disease ในที่สุด
ช่วงต่อมาของ ปัทมา ที่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และทางจิตที่ชัดเจน และบางครั้งเธอก็ควบคุมกันไม่ได้ ด้วยความไม่ปล่อยวาง พัฒนาการทางอารมณ์และจิตช่วงหลังจากที่เข้าไปอยู่กินกับ ธนา จึงเป้นช่วงที่เข้าสู่โหมดของ Anxiety disoder (โรคเครียด,วิตกกังวล) ซึ่งเธอก็แสดงอาการออกมาได้หลากหลาย ทั้งลักษณะของ Panic dis.(หวาดระแวง) Obsessive-Compulsive dis.(ย้ำคิดย้ำทำ) วนเวียนอยู่แบบนี้เป้นเรื่อยๆโดยไม่ได้รับการเยียวยาบรรเทาให้ดีขึ้น จนถึงตอนเมื่อคืนที่เธอถูกจับมาขังไว้ที่บ้าน แถมโดนน้องสาวอย่างปวีณามาพูดจาถากถางให้ร้ายจนอารมณ์เธอยากที่จะควบคุมและมันก็พัฒนามาสู่การเป็นโรคซึมเศร้า (Depressive disorder) ในที่สุด ซึ่งความโศรกเศร้าเสียใจนี้มันสามารถทำให้ความคิดเธอวนเวียนจมปลักลงเรื่อยๆ จนถึงขึ้นที่เธอตัวสินใจ Suicidal attempt (ความพยายามฆ่าตัวตาย) ซึ่งเราจะได้เห้นความเป้นไปในตอนต่อไปนี้...งานนี้ก็ต้องชื่นชมการแสดงของน้องกรีน ที่อารมณ์ในช่วงนี้มันไต่ระดับแบบ parabolar curve ก็ว่าได้ ถือว่าเป้นการไต่ระดับขึ้นเรื่อยให้เราได้เห้นมิติของ ปัทมา ได้ชัดเจนขึ้น เห็นการแสดงเธอในช่วงนี้เป้นต้นไปแล้วเหนื่อยแทน บางทีก็อดเป้นห่วงว่า เธอจะหอบเอาความเครียดและความซึมเศร้าจากตัวละครปัทมา ในช่วงนี้กลับไปบ้านด้วยหรือเปล่านะ
ช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งเป้นช่วงที่สามีของป้าได้ทำนายไว้ ว่านางปัทมา นางอาจจะเป้นบ้าได้นะเนี่ย ถ้าหากนางยังโดนกระทำและโดนความเครียด ความซึมเศร้ารุมเร้าแบบไม่ผ่อนคลาย (ขอย้ำว่า สามีฝรั่งของป้าไม่เคยดูเคยอ่านละครเรื่องนี้มาก่อนแต่อย่างใด) ช่วงที่เธอเข้าสู่โหมด โรคจิตเภท หรือ จิตแตกแยก (Schizhophrenia) หรือภาษาชาวบ้านเราเรียกว่า เป้นบ้า...ป้าเชื่อว่าช่วงนี้แหละเราจะได้เห้นฝีมือระดับพีคสุดๆของการแสดงของนองกรีน จากที่หลายๆคนพีคในตอนที่เธอซึมเศร้าแล้ว เราก็จะได้พีคขึ้นได้อีกจากการระเบิดอารมณ์บ้าของนักแสดงคนนี้ได้อีก
ทั้งหมดนี้ก็สรุปความตามที่ป้าได้อ่านได้ศึกษาจากตำราที่คุณสามีให้ป้าไปลองอ่านๆทำความเข้าใจในระดับเบื้องต้น และสอบถามจากคุณสามีอีกที จึงมาเล่าสู่กันฟังอีกที...ผิดถูกแต่อย่างไรก็ต้องปรับแก้และให้อภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ