สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังว่าหมวกใบใหม่ที่ผมได้มาเป็นไงบ้าง เจ้าหมวกใบนี้คือ Bilmola Explorer R หมวกเปิดคาง หรือ flip up ตัวใหม่ของค่าย Bilmola
ท้าวความนิดนึงครับว่าทำไมถึงเป็น SR เรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่สมัยผมอยู่ประถม... (เห้ย ท้าวความยาวไป เอาสั้นๆ) ทาง Bilmola ได้ส่งเทียบเชิญผมและชาวคณะไปร่วมถ่ายภายแคมเปนนึง ซึ่งเดี๋ยวก็คงออกมาให้ได้เห็นกัน และได้ให้หมวกใบนี้มาลองทดสอบใช้งานกันว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
ขอท้าวความนิดนึง ปกติผมจะเป็นคนชอบหมวกกันน็อคมาก มีประจำการอยู่ทั้งหมดตอนนี้ 6 ใบ ซึ่งเป็น Bilmola ซะ 3 ใบ ซึ่งก็มีรุ่น Destroyer, Defender, และ Carbon Pro Zilla R, ครับ เจ้า Explorer จึงกลายเป็นหมวกใบที่ 7 ของผม โดยเป็นใบที่ 4 ในจากค่าย Bilmola
ถามว่าทำไมถึงชอบค่ายนี้ คือผมจะแบ่งหมวกเอาไว้ใช้งาน 2 ประเภทคือ หมวกใช้งานทุกวัน และหมวกออกทริป
แบ่งทำไม? หมวกออกทริปผมจะแพงหน่อย ซึ่งจะไม่เอามาใช้งานทุกวันเพราะชิลด์หน้าและนวมมันแพงครับ ส่วนหมวกใช้งานทุกวันก็จะเป็นหมวกที่มีอะไหล่ที่ราคาไม่แพงมาก หาได้ง่าย และมีบริการหลังขาย ซึ่งเมื่อดูประกอบกับวัสดุที่เอามาใช้แล้ว ค่าย Bilmola ตอบโจทย์ที่สุดครับ
สิ่งที่ชอบมากของค่ายนี้คือ หมวกเค้าพัฒนาตลอด ถึงแม้จะไม่เปลี่ยน Model เช่น Defender เมื่อก่อนจะมีปัญหาเรื่องแว่นกันแดดหลวม และตัวล็อคชิลด์มักจะพังง่าย ซึ่งทาง Bilmola ก็ได้แก้ปัญหานี้ไปใน model 2016 ครับ นอกจากนี้ ถ้าหมวกมีปัญหาภายใน 1 ปี เราสามารถเคลมได้ตามจุดที่มีปัญหาครับ
มาถึงเจ้าหมวกใบนี้บ้าง ผมคงไม่ลงไปเจาะถึงรายละเอียดตามสเป็คนะครับเพราะหาอ่านได้ตามเน็ตทั่วไป มามองมันแบบคนใช้งานดีกว่า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าหมวกใบนี้มีจุดเด่นอะไร หรือเหมาะกับใครบ้าง
การให้คะแนน ผมจะให้คะแนน 2 กลุ่ม คือ
กลุ่ม 1 เทียบกับหมวกระดับเดียวกัน
กลุ่ม 2 เทียบกับหมวกทุกระดับ ตั้งแต่หมวกกากๆ จนถึงหมวกเทพ
อย่างแรกโคตะระสะดุดตากับสีสันและลวดลาย วางลืมทิ้งไว้ที่ไหนมองเห็นได้ในระยะ 500 เมตรเลยครับ เรื่อง Design ผมว่าแต่ละคนคงจะมีความชอบที่ต่างกันออกไป แต่สำหรับผม มันหล่อใช้ได้เลยทีเดียวครับ
กลุ่ม 1 ผมให้ 4 ดาว ที่หายไป 1 ดาว เก็บไว้ให้เผื่อวันไหนมีหมวกหน้าตาอวกาศออกมา ถึงจะให้เต็ม 5
กลุ่ม 2 ผมให้ 3.5 ดาว เพราะในตลาดยังมีหมวกลายเจ๋งๆอีกหลายแบรนด์ แต่แน่นอน ราคาก็ไม่ใช่ 4 หลักแบบนี้ครับ
ความรู้สึกเมื่อสวมใส่ ด้วยการออกแบบใหม่แบบ Contour ที่เค้าโฆษณาไว้ว่าโอบรับใบหน้า พอใส่แล้วรู้สึกแบบนั้นจริงๆครับ โดยเฉพาะด้านหน้า หรือ fore head ซึ่งทำให้รู้สึกนุ่มมากกกก รับกับกะโหลกได้เป็นอย่างดี ลองเปลี่ยนให้คนอื่นๆลองสวมดูก็ได้ผลแบบเดียวกันคือโอบรับกับเหม่งน้อยๆมากเลยครับ แต่สำหรับผมอาจจะติดอยู่ที่ช่วงหู ถ้าจัดหมวกไม่ลงตัว จะรู้สึกเจ็บหูเมื่อใส่ขี่นานๆครับ อาจจะเป็นเพราะ ear room ที่เล็กกว่าหมวกใบอื่นๆเล็กน่อย แต่ถ้าใส่แล้วขยับให้ใบหูเข้าที่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมเป็นคนหูกางนิดๆ ลองให้เพื่อนใส่ก็ไม่ได้บ่นอะไรเรื่องตรงนี้
สำหรับคะแนนเรื่องความรู้สึกเมื่อสวมใส่
กลุ่ม 1 ผมให้ 4 ครับ ดีนะ แต่ตัดคะแนนเรื่องเจ็บหูออกไปนิดนึงครับ
กลุ่ม 2 ผมให้ 3.5 ครับ ใครที่เคยใช้หมวกเทพๆคงทราบดีว่าหมวกราคา 2 หมื่นกว่าบาท ใส่แล้วรู้สึกยังไง
เรื่องต่อไป มุมมอง ชิลด์ และแว่นกันแดด
มุมมองของหมวกตัวนี้อยู่ในเกณฑ์ดีครับ ไม่ได้รู้สึกว่าแคบอะไร กลางๆ จะกว้างกว่าหมวก Bilmola รุ่นอื่นๆด้วยซ้ำ
ชิลด์ ล็อคแน่นหนา ไม่รั่วซึม โฟกัสชัดไม่เพี้ยนไม่หลอกตา ผ่านครับ
แว่นกันแดด อันนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เลย แว่นรุ่นนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ ดีกว่ารุ่ก่อนๆแบบก้าวกระโดด ทั้งระบบเลื่อนขึ้นลงที่จะมี step ล็อคตัวแว่นไม่ให้เลื่อนหล่นลงมาเวลากระแทกอะไรแรงๆ โฟกัสที่ตรงเกือบ 100% ซึ่งดีกว่าหมวกฝั่งยุโรปบางรุ่นที่ผมเคยลองมาด้วยซ้ำไป
และที่ชอบที่สุด เวลาขี่ชิลด์ๆ ด้วยความเร็วต่ำกว่า 70 กม./ชม. เปิดชิลด์หมวก แล้วเลื่อนแว่นกันแดดลงมา สามารถกันลมเข้าตาได้ ลมจะตีม้วนขึ้นมาโดนโหนกแก้มและหางตา แต่ไม่เข้าตาเหมือนรุ่นก่อนๆ เหมาะมากๆเวลาขี่ไปตจว.แล้วค่อยๆขี่ช้าๆละเลียดความงามของ2ข้างทาง พร้อมเปิดชิลด์หน้ารับลมเย็นๆครับ หรือจะเอาไปขี่จับโปเกม่อนก็ใช้ดีนะครับ 5555
สำหรับคะแนนในหมวดนี้
กลุ่ม 1 ผมให้ 4.5 เลย
กลุ่ม 2 ผมให้ 4 ครับ ยังมีฟังก์ชั่นเก๋ๆของหมวกเทพๆบางอย่างที่เจ้านี่ยังไม่มีเช่นช่องเปิดสำหรับไล่ฝ้าครับ
ความเย็นสบาย เนื่องจากหมวกใบนี้ได้ดีไซน์ให้ออกมาโอบรับศีรษะ เพราะฉะนั้นศีรษะและนวมจะแนบสนิทกันเป็นพิเศษ ทำให้เวลาขี่ในเมืองอาจจะร้อนบ้าง โดยเฉพาะบริเวณเหม่งน้อยครับ ถ้าเจาะช่องลมบริเวณ fore head หรือขยายร่องไหลเวียนอากาศให้ลมไหลมาบริเวณนี้มากขึ้นหน่อยจะดีมากๆ แต่เวลาที่วิ่งได้ยาวๆ ก็จะรู้สึกได้ว่ามีลมไหลเวียนมาเป่าถึงบริเวณนี้ครับ อย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าเวลาขี่ในเมืองที่รถเยอะๆ หรือรถติดๆ เราก็สามารถเปิดคางขึ้น ทำให้เย็นสบายกว่าหมวก full face มากๆครับ แต่หน้าผากอาจจะเปียกสักเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นหมวก full face ก็เปียกทั้งหัวแน่นอน
สำหรับคะแนนเรื่องความเย็นสบาย
กลุ่ม 1 เอาไป 4 พอครับ
กลุ่ม 2 เอาไป 3 ครับ
เรื่องเสียงลม เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรอคอยว่าหมวก flip up ใบนี้เสียงเป็นไงบ้าง เพราะเป็นเรื่องไม้เบื่อไม้เมามากๆ สำหรับหมวกประเภทนี้ ที่มักจะมีเสียงลมตีย้อนเข้ามาจากทางด้านล่าง ผมลองขี่ที่ความเร็วต่างๆ ก็พบว่า สำหรับรถที่ไม่มีชิลด์สูง เราจะเริ่มได้ยินเสียงลมหวนเบาๆที่ความเร็ว 70 กม./ชม. ครับ และจะรู้สึกดังที่ความเร็วประมาณ 90 กม.ขึ้นไป ถามว่าดังมากไหม บอกไม่ได้ครับ เพราะคำว่า “ดัง” ของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่างหมวกเทพๆค่ายญี่ปุ่นชื่อ A ผมก็มองว่าไม่เงียบ แต่เย็นสบาย ซึ่งกลับกันกับค่าย S ที่เงียบ แต่ระบายอากาศได้ดีน้อยกว่า
กลับมาที่เจ้า Explorer R ผมใส่หมวกใบนี้ขี่รถ CBR250 ยาวประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ใช้ความเร็ว 60 – 145 กม./ชม. มีเสียงลมตลอดทางแน่นอน เพราะไม่หมอบ นั่งรับลมให้เต็มที่ไปเลย ปรากฎว่าเมื่อจอดรถแล้ว หูไม่อื้อครับ ผิดกับหมวกไทยบางยี่ห้อที่ลองแค่ครั้งเดียวแล้วไม่เอาอีกเลยเพราะแค่ซัดยาวๆครึ่งชม.ก็หูอื้อแล้ว
นอกจากนี้ ผมยังได้ลองใส่หมวกใบนี้ขี่ Forza300 ชิลด์สูง ไม่มีลมปะทะตัว มีแต่ลมที่ถูกงัดจากชิลด์บังลมของรถที่มาปะทะที่บริเวณด้านหน้าของหมวกตรงๆ อยากจะบอกว่า เงียบมากๆ นั่งชิลด์เลยครับ ลงตัวที่สุด สำหรับเรื่องเสียงลม ถ้าเทียบกับหมวก full face ผมคงให้ 2 คะแนน แต่นี่คือหมวก flip up ครับ
สำหรับกลุ่ม 1 ผมให้ 4.5 คะแนนครับ แน่นอน มันคงจะเทียบกับหมวกยุโรบใบละ 2 หมื่น 4 ไม่ได้ แต่ก็ทำได้ระดับน้องๆหมวกยุโรปใบละเกือบหมื่นบางยี่ห้อเลยล่ะคับ
เพราะฉะนั้น กลุ่ม 2 ผมให้ 3.5 คะแนนครับ
สุดท้าย การตัดลม จากที่ขี่ด้วยความเร็วต่างๆ ผมพบว่าหมวก Bilmola Explorer R ใบนี้ ตัดลมได้ดีและนิ่ง แต่จะเริ่มมีอาการส่ายเบาๆเมื่อผมอยู่ในโค้งกว้างๆ Hi Speed ที่ความเร็ว 130-140 ครับ แต่ก็ไม่ได้ส่ายเป็นว่าวเหมือนยี่ห้ออื่นๆกันนะครับ ขอใช้คำว่าแฉลบลมที่โดนตีขึ้นมาจากชิลด์หน้ารถบ้างแค่นั้นครับ ถ้าคุณอยากได้หมวกที่นิ่งแม้กระทั่งเมื่อหันหน้ามองทางในโค้งความเร็วสูง ผมแนะนำให้ใช้หมวกเทพใบละหมื่นกลางๆครับ นิ่งแน่นอน อย่าลืมว่านี่หมวกไทยใบละ 3,300 บาทครับ แต่สำหรับทางตรงยาวๆ ผมซัดไปถึง 158 กม./ชม. ก็ไม่มีอาการโยกแต่อย่างได้ ไม่ต้องเกร็งคอต้านลมด้วย น้ำหนักกำลังดีครับ
คะแนนกลุ่ม 1 ผมให้ 4
คะแนนกลุ่ม 2 ผมให้ 3
มาดูคะแนนรวมกันดีกว่าครับ
สุดท้ายนี้ หมวกใบนี้เหมาะกับใคร
1. สายเมือง เหมาะกับคนที่ขี่ในเมือง ร้อนๆเปิดคางขึ้น รับลมสบาย
2. สายทัวริ่ง คนที่ขี่ออกทริปชิลด์ๆใช้ความเร็วไม่สูงมาก แวะปั้ม เปิดหน้ากินน้ำ เม้ามอย ทักสาว สะดวกมากครับ โดยเฉพาะถ้ารถติดชิลด์สูง ไม่ต้องเสียตังซื้อหมวกยุโรปราคามหาโหดเลยครับ ใบนี้ใบเดียวจบ
3. สายเท่ ขี่โชว์สาว ขี่ไม่เร็วมากสาวจะได้มองทันว่านั่นใครวะ 555
จบครับ
[SR] :o:o:o: รีวิว Bilmola Explorer R :o:o:o:
ท้าวความนิดนึงครับว่าทำไมถึงเป็น SR เรื่องมีอยู่ว่า ตั้งแต่สมัยผมอยู่ประถม... (เห้ย ท้าวความยาวไป เอาสั้นๆ) ทาง Bilmola ได้ส่งเทียบเชิญผมและชาวคณะไปร่วมถ่ายภายแคมเปนนึง ซึ่งเดี๋ยวก็คงออกมาให้ได้เห็นกัน และได้ให้หมวกใบนี้มาลองทดสอบใช้งานกันว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
ขอท้าวความนิดนึง ปกติผมจะเป็นคนชอบหมวกกันน็อคมาก มีประจำการอยู่ทั้งหมดตอนนี้ 6 ใบ ซึ่งเป็น Bilmola ซะ 3 ใบ ซึ่งก็มีรุ่น Destroyer, Defender, และ Carbon Pro Zilla R, ครับ เจ้า Explorer จึงกลายเป็นหมวกใบที่ 7 ของผม โดยเป็นใบที่ 4 ในจากค่าย Bilmola
ถามว่าทำไมถึงชอบค่ายนี้ คือผมจะแบ่งหมวกเอาไว้ใช้งาน 2 ประเภทคือ หมวกใช้งานทุกวัน และหมวกออกทริป
แบ่งทำไม? หมวกออกทริปผมจะแพงหน่อย ซึ่งจะไม่เอามาใช้งานทุกวันเพราะชิลด์หน้าและนวมมันแพงครับ ส่วนหมวกใช้งานทุกวันก็จะเป็นหมวกที่มีอะไหล่ที่ราคาไม่แพงมาก หาได้ง่าย และมีบริการหลังขาย ซึ่งเมื่อดูประกอบกับวัสดุที่เอามาใช้แล้ว ค่าย Bilmola ตอบโจทย์ที่สุดครับ
สิ่งที่ชอบมากของค่ายนี้คือ หมวกเค้าพัฒนาตลอด ถึงแม้จะไม่เปลี่ยน Model เช่น Defender เมื่อก่อนจะมีปัญหาเรื่องแว่นกันแดดหลวม และตัวล็อคชิลด์มักจะพังง่าย ซึ่งทาง Bilmola ก็ได้แก้ปัญหานี้ไปใน model 2016 ครับ นอกจากนี้ ถ้าหมวกมีปัญหาภายใน 1 ปี เราสามารถเคลมได้ตามจุดที่มีปัญหาครับ
มาถึงเจ้าหมวกใบนี้บ้าง ผมคงไม่ลงไปเจาะถึงรายละเอียดตามสเป็คนะครับเพราะหาอ่านได้ตามเน็ตทั่วไป มามองมันแบบคนใช้งานดีกว่า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าหมวกใบนี้มีจุดเด่นอะไร หรือเหมาะกับใครบ้าง
การให้คะแนน ผมจะให้คะแนน 2 กลุ่ม คือ
กลุ่ม 1 เทียบกับหมวกระดับเดียวกัน
กลุ่ม 2 เทียบกับหมวกทุกระดับ ตั้งแต่หมวกกากๆ จนถึงหมวกเทพ
อย่างแรกโคตะระสะดุดตากับสีสันและลวดลาย วางลืมทิ้งไว้ที่ไหนมองเห็นได้ในระยะ 500 เมตรเลยครับ เรื่อง Design ผมว่าแต่ละคนคงจะมีความชอบที่ต่างกันออกไป แต่สำหรับผม มันหล่อใช้ได้เลยทีเดียวครับ
กลุ่ม 1 ผมให้ 4 ดาว ที่หายไป 1 ดาว เก็บไว้ให้เผื่อวันไหนมีหมวกหน้าตาอวกาศออกมา ถึงจะให้เต็ม 5
กลุ่ม 2 ผมให้ 3.5 ดาว เพราะในตลาดยังมีหมวกลายเจ๋งๆอีกหลายแบรนด์ แต่แน่นอน ราคาก็ไม่ใช่ 4 หลักแบบนี้ครับ
ความรู้สึกเมื่อสวมใส่ ด้วยการออกแบบใหม่แบบ Contour ที่เค้าโฆษณาไว้ว่าโอบรับใบหน้า พอใส่แล้วรู้สึกแบบนั้นจริงๆครับ โดยเฉพาะด้านหน้า หรือ fore head ซึ่งทำให้รู้สึกนุ่มมากกกก รับกับกะโหลกได้เป็นอย่างดี ลองเปลี่ยนให้คนอื่นๆลองสวมดูก็ได้ผลแบบเดียวกันคือโอบรับกับเหม่งน้อยๆมากเลยครับ แต่สำหรับผมอาจจะติดอยู่ที่ช่วงหู ถ้าจัดหมวกไม่ลงตัว จะรู้สึกเจ็บหูเมื่อใส่ขี่นานๆครับ อาจจะเป็นเพราะ ear room ที่เล็กกว่าหมวกใบอื่นๆเล็กน่อย แต่ถ้าใส่แล้วขยับให้ใบหูเข้าที่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมเป็นคนหูกางนิดๆ ลองให้เพื่อนใส่ก็ไม่ได้บ่นอะไรเรื่องตรงนี้
สำหรับคะแนนเรื่องความรู้สึกเมื่อสวมใส่
กลุ่ม 1 ผมให้ 4 ครับ ดีนะ แต่ตัดคะแนนเรื่องเจ็บหูออกไปนิดนึงครับ
กลุ่ม 2 ผมให้ 3.5 ครับ ใครที่เคยใช้หมวกเทพๆคงทราบดีว่าหมวกราคา 2 หมื่นกว่าบาท ใส่แล้วรู้สึกยังไง
เรื่องต่อไป มุมมอง ชิลด์ และแว่นกันแดด
มุมมองของหมวกตัวนี้อยู่ในเกณฑ์ดีครับ ไม่ได้รู้สึกว่าแคบอะไร กลางๆ จะกว้างกว่าหมวก Bilmola รุ่นอื่นๆด้วยซ้ำ
ชิลด์ ล็อคแน่นหนา ไม่รั่วซึม โฟกัสชัดไม่เพี้ยนไม่หลอกตา ผ่านครับ
แว่นกันแดด อันนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เลย แว่นรุ่นนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ ดีกว่ารุ่ก่อนๆแบบก้าวกระโดด ทั้งระบบเลื่อนขึ้นลงที่จะมี step ล็อคตัวแว่นไม่ให้เลื่อนหล่นลงมาเวลากระแทกอะไรแรงๆ โฟกัสที่ตรงเกือบ 100% ซึ่งดีกว่าหมวกฝั่งยุโรปบางรุ่นที่ผมเคยลองมาด้วยซ้ำไป
และที่ชอบที่สุด เวลาขี่ชิลด์ๆ ด้วยความเร็วต่ำกว่า 70 กม./ชม. เปิดชิลด์หมวก แล้วเลื่อนแว่นกันแดดลงมา สามารถกันลมเข้าตาได้ ลมจะตีม้วนขึ้นมาโดนโหนกแก้มและหางตา แต่ไม่เข้าตาเหมือนรุ่นก่อนๆ เหมาะมากๆเวลาขี่ไปตจว.แล้วค่อยๆขี่ช้าๆละเลียดความงามของ2ข้างทาง พร้อมเปิดชิลด์หน้ารับลมเย็นๆครับ หรือจะเอาไปขี่จับโปเกม่อนก็ใช้ดีนะครับ 5555
สำหรับคะแนนในหมวดนี้
กลุ่ม 1 ผมให้ 4.5 เลย
กลุ่ม 2 ผมให้ 4 ครับ ยังมีฟังก์ชั่นเก๋ๆของหมวกเทพๆบางอย่างที่เจ้านี่ยังไม่มีเช่นช่องเปิดสำหรับไล่ฝ้าครับ
ความเย็นสบาย เนื่องจากหมวกใบนี้ได้ดีไซน์ให้ออกมาโอบรับศีรษะ เพราะฉะนั้นศีรษะและนวมจะแนบสนิทกันเป็นพิเศษ ทำให้เวลาขี่ในเมืองอาจจะร้อนบ้าง โดยเฉพาะบริเวณเหม่งน้อยครับ ถ้าเจาะช่องลมบริเวณ fore head หรือขยายร่องไหลเวียนอากาศให้ลมไหลมาบริเวณนี้มากขึ้นหน่อยจะดีมากๆ แต่เวลาที่วิ่งได้ยาวๆ ก็จะรู้สึกได้ว่ามีลมไหลเวียนมาเป่าถึงบริเวณนี้ครับ อย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าเวลาขี่ในเมืองที่รถเยอะๆ หรือรถติดๆ เราก็สามารถเปิดคางขึ้น ทำให้เย็นสบายกว่าหมวก full face มากๆครับ แต่หน้าผากอาจจะเปียกสักเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นหมวก full face ก็เปียกทั้งหัวแน่นอน
สำหรับคะแนนเรื่องความเย็นสบาย
กลุ่ม 1 เอาไป 4 พอครับ
กลุ่ม 2 เอาไป 3 ครับ
เรื่องเสียงลม เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรอคอยว่าหมวก flip up ใบนี้เสียงเป็นไงบ้าง เพราะเป็นเรื่องไม้เบื่อไม้เมามากๆ สำหรับหมวกประเภทนี้ ที่มักจะมีเสียงลมตีย้อนเข้ามาจากทางด้านล่าง ผมลองขี่ที่ความเร็วต่างๆ ก็พบว่า สำหรับรถที่ไม่มีชิลด์สูง เราจะเริ่มได้ยินเสียงลมหวนเบาๆที่ความเร็ว 70 กม./ชม. ครับ และจะรู้สึกดังที่ความเร็วประมาณ 90 กม.ขึ้นไป ถามว่าดังมากไหม บอกไม่ได้ครับ เพราะคำว่า “ดัง” ของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่างหมวกเทพๆค่ายญี่ปุ่นชื่อ A ผมก็มองว่าไม่เงียบ แต่เย็นสบาย ซึ่งกลับกันกับค่าย S ที่เงียบ แต่ระบายอากาศได้ดีน้อยกว่า
กลับมาที่เจ้า Explorer R ผมใส่หมวกใบนี้ขี่รถ CBR250 ยาวประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ใช้ความเร็ว 60 – 145 กม./ชม. มีเสียงลมตลอดทางแน่นอน เพราะไม่หมอบ นั่งรับลมให้เต็มที่ไปเลย ปรากฎว่าเมื่อจอดรถแล้ว หูไม่อื้อครับ ผิดกับหมวกไทยบางยี่ห้อที่ลองแค่ครั้งเดียวแล้วไม่เอาอีกเลยเพราะแค่ซัดยาวๆครึ่งชม.ก็หูอื้อแล้ว
นอกจากนี้ ผมยังได้ลองใส่หมวกใบนี้ขี่ Forza300 ชิลด์สูง ไม่มีลมปะทะตัว มีแต่ลมที่ถูกงัดจากชิลด์บังลมของรถที่มาปะทะที่บริเวณด้านหน้าของหมวกตรงๆ อยากจะบอกว่า เงียบมากๆ นั่งชิลด์เลยครับ ลงตัวที่สุด สำหรับเรื่องเสียงลม ถ้าเทียบกับหมวก full face ผมคงให้ 2 คะแนน แต่นี่คือหมวก flip up ครับ
สำหรับกลุ่ม 1 ผมให้ 4.5 คะแนนครับ แน่นอน มันคงจะเทียบกับหมวกยุโรบใบละ 2 หมื่น 4 ไม่ได้ แต่ก็ทำได้ระดับน้องๆหมวกยุโรปใบละเกือบหมื่นบางยี่ห้อเลยล่ะคับ
เพราะฉะนั้น กลุ่ม 2 ผมให้ 3.5 คะแนนครับ
สุดท้าย การตัดลม จากที่ขี่ด้วยความเร็วต่างๆ ผมพบว่าหมวก Bilmola Explorer R ใบนี้ ตัดลมได้ดีและนิ่ง แต่จะเริ่มมีอาการส่ายเบาๆเมื่อผมอยู่ในโค้งกว้างๆ Hi Speed ที่ความเร็ว 130-140 ครับ แต่ก็ไม่ได้ส่ายเป็นว่าวเหมือนยี่ห้ออื่นๆกันนะครับ ขอใช้คำว่าแฉลบลมที่โดนตีขึ้นมาจากชิลด์หน้ารถบ้างแค่นั้นครับ ถ้าคุณอยากได้หมวกที่นิ่งแม้กระทั่งเมื่อหันหน้ามองทางในโค้งความเร็วสูง ผมแนะนำให้ใช้หมวกเทพใบละหมื่นกลางๆครับ นิ่งแน่นอน อย่าลืมว่านี่หมวกไทยใบละ 3,300 บาทครับ แต่สำหรับทางตรงยาวๆ ผมซัดไปถึง 158 กม./ชม. ก็ไม่มีอาการโยกแต่อย่างได้ ไม่ต้องเกร็งคอต้านลมด้วย น้ำหนักกำลังดีครับ
คะแนนกลุ่ม 1 ผมให้ 4
คะแนนกลุ่ม 2 ผมให้ 3
มาดูคะแนนรวมกันดีกว่าครับ
สุดท้ายนี้ หมวกใบนี้เหมาะกับใคร
1. สายเมือง เหมาะกับคนที่ขี่ในเมือง ร้อนๆเปิดคางขึ้น รับลมสบาย
2. สายทัวริ่ง คนที่ขี่ออกทริปชิลด์ๆใช้ความเร็วไม่สูงมาก แวะปั้ม เปิดหน้ากินน้ำ เม้ามอย ทักสาว สะดวกมากครับ โดยเฉพาะถ้ารถติดชิลด์สูง ไม่ต้องเสียตังซื้อหมวกยุโรปราคามหาโหดเลยครับ ใบนี้ใบเดียวจบ
3. สายเท่ ขี่โชว์สาว ขี่ไม่เร็วมากสาวจะได้มองทันว่านั่นใครวะ 555
จบครับ