โปรดวิจารญาณในการอ่านค่ะ
นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยทำแบบนี้ตั้งแต่เกิดมา
เพื่อนมาชวนไปปฏิบัติ เพราะเพื่อนไปแล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่าปฏิบัติแล้วดีมากๆก็เลยไป
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์แถวสุพรรณ
เพื่อนร่วมเดินทางไปนั้นมีทั้งหมด 5 คน ก่อนเดินทางก็มีไปช่วยกันขนกระเบื้องไปถวายวัด เพราะมีผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งได้บริจาค พอช่วยกันขนเสร็จก็เป็นการเดินทาง
ออกเดินทางประมาณ 10.00น. ไปถึงสำนักสงฆ์ 11.30น.โดยประมาณ พอถึงก็พากันไปไหว้พระที่ศาลา แล้วก็รอเวลาเพราะพิธีเริ่ม 13.00 น.
ก่อนจะทำพิธี พี่เลี้ยงจะถามว่ามีของไหม สักรึเปล่า เราก็บอกว่าสักด้วย ครอบครูด้วย เขาก็เลยให้ไปจุดธูป 16 ดอก ขออนุญาตครูอาจารย์ที่เรานับถือให้เปิดทางให้เราได้ทำพิธีได้สำเร็จ เราก็ทำตาม เวลาบ่ายโมง พระอาจารย์ก็พามาลานเดินจงกรม
ท่านให้เรากับเพื่อนๆนั่ง และมีคนอื่นๆนั่งลงที่เสื่อ พระอาจารย์ท่านก็ถามว่า มีใครในที่นี่สักมา หรือ ครอบครูมา เราก็ยกมือกับคนอื่นๆ ท่านก็เลยถามต่อว่า สักหรือครอบครูหล่ะ เราก็บอกว่าทั้ง 2 อย่างค่ะ ท่านเลยพูดว่า เอาหมดทุกอย่างเลยนะ งั้นว่าตามน่ะ ท่านก็พาท่องคาถา เปิดทาง
ท่องเสร็จท่านก็พาเกินจงกรม เดินจงกรมเสร็จมานั่งสมาธิ และให้ท่อง ยุบหนอ พองหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ แบบนี้ไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้คิดว่าน่าจะประมาณ 1 ชม. พระอาจารย์ท่านก็ให้ค่อยลืมตาแล้วลุกขึ้น เดินจงกรมต่อ พอเดินจงกรมเสร็จก็มานั่งสมาธิ พระอาจารย์บอกว่าครั้งนี้จงตั้งใจ เพราะอาจจะนั่งไม่นานและให้หลับตาให้ท่องในใจเหมือนเดิมแต่...ให้ท่องเร็วๆๆๆขึ้นเรื่อย
แล้วพี่เลี้ยงคนอื่นที่ไม่ได้นั่งสมาธิ ก็จะมาพูดตะโกนใส่หูเราว่า หนอๆๆๆๆๆๆ เสียงดังมากๆๆ จนรู้สึกปวดหู ปวดหัวไปหมด
กดดัน อึดอัด เหงื่อเริ่มออก หัวใจเต้นแรง เพราะเสียงมันดังมากๆ เราแอบลืมตานิดนึงพยายามมองหาเพื่อน เขาล้มลงนอนหงายหลังเหมือนโดนสะกดจิต (คิดในใจนี่เรากำลังโดนสะกดจิตรึป่าวเนี่ย) แล้วสักพักมีคนมาดึงเราให้ล้มลงนอนเราก็เลยนอนลง สักพักพระอาจารย์ให้ค่อยๆลืมตาและลุกนั่งเหมือนเดิมเป็นอันเสร็จพิธี ท่านพูดว่าได้ผ่านการประฎิบัติธรรมแล้ว ให้ไปลงชื่อเขียนประวัติส่วนตัว แต่ให้ไปรับบัตรเหมือนบัตรคิว เราได้หมายเลข 8 ค่ะ
ในใจเราชอบตั้งคำถามตลอดเลย ทำไมต้องลงชื่อ แล้วๆที่เรานั่งสมาธิเมื่อกี้คือการ ปฏิบัติธรรมงั้นหรอ งง มึนไปหมด ไมเกรนขึ้นเลย
พอลงชื่อเสร็จ เขาก็ให้พักตามอัธยาศัย รอเวลาทำวัตรเย็น รู้สึกดีใจนิดๆจะได้กลับบ้านแล้วแต่ก็ยังเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่กล้าถามใครเพราะกลัวเขาจะหาว่าเราไปลบหลู่
เวลาล่วงเลยประมาณ 18.00น. ได้เวลาทำวัตรเย็น สวดมนต์ ทุกอย่างปกติดี จนเพื่อนสะกิดบอกว่าทำวัตรเสร็จแล้วจะพาไปเก็บดอกไม้พระอรหันต์น่ะ
เราก็ หื้อ!!! กลางคืนนี่น่ะ จะมองเห็นหรอ? เหมือนบอกเห็นสิ ไฟฉายไง เราก็ถามเก็บนานแค่ไหนหรือ หรือจนกว่าจะเต็มตะกร้า เพื่อนเลยบอกว่าไม่นานประมาณ 2 ชม. (คิดในใจ เอาแล้วไง มีอะไรให้ตื่นเต้นอีกแล้ว)
เวลาประมาณ 21.00น. พระอาจารย์ก็พาเข้าไปในป่า ในป่าจะมีศาลาอยู่ ในศาลาจะมีองค์พระประทาน และมีหุ่นเหมือนหุ่นฟาง 1 ตัว
แต่ให้เรา จุดธูป 4 ดอก พาสวดมนต์ และท่องคาถาปลุกผี นั้นหล่ะเริ่มเอะใจ แค่เก็บดอกไม้ทำไมต้องปลุกผี เตรียมจะลุกแล้ว คือจะไม่เอาไงไม่ชอบท้าทายหรือลบหลู่สิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่มองไปมองเพื่อนๆเขาก็ไม่เห็นรู้สึกกลัวเลยทุกคนปกติดี เราก็เอาว่ะ ไม่กลัวก็ไม่กลัว ทำให้จบๆไปจะได้กลับบ้าน ในใจคืออยากกลับบ้านแล้ว เพราะมันดึกแล้วไง พอทำธิธีเสร็จ พระก็พาเดินๆๆๆเข้าไปป่า มืดมาก ไม่มีไฟฟ้า มีแต่แสงหิงห้อย กับแสงไฟฉายของพระอาจารย์และไฟฉายพี่เลี้ยง
พี่เลี้ยงคนนึงมากอดแขนเราบอกว่า พี่เห็นหน้าน้องซีดๆน่ะ กลัวหรือ เราก็ตอบไปว่า “เปล่าพี่ “พยายามเก็บอาการอยู่
พอเดินไปถึงที่มอ1 คนที่มีหมายเลข1 เข้าไป พาสวดมนต์ (ในใจเริ่มตั้งคำถามอีกแล้ว เก็บในนี้หรอดอกไม้อ่า ) พอเดินไปเรื่อยๆจนถึงมอที่8 คิวเราแล้วหรอ
พระอาจารย์ก็บอกว่า เข้าไปข้างใน และเข้าไปนั่งในกลด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นห้ามออกจากมอเด็ดขาด ห้ามลืมตา ห้ามวิ่ง ให้ท่องไว้ในใจเสมอว่า ยุบหนอ พองหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ แค่นั้น ห้ามแผ่เมตตา ห้ามสวดมนต์อะไรทั้งนั้น
(น้านนนน พามาล่าท้าผีใช่มั้ยเนี่ย )
แล้วทุกคนก็ทิ้งเราไว้ในมอคนเดียวมืดๆ ในมอนั้นด้านในประกอบไปด้วยอะไรรู้มั้ย โลงศพจ้า มีรูปคน 3 คน เราหันไปทางโลงศพด้วย
และทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบลง ได้ยินเสียงลมพัด ได้ยินจิ้งรีดร้อง ได้ยินเสียงหมามันเห่า แม้กระทั่งเสียงหัวใจตัวเองยังได้ยิน มันเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมาข้างนอกแล้ว
อะไรที่พระอาจารย์ให้ท่องเราลืมไปหมดสิ้น ณ ตอนนี้อยากร้องไห้อยากกลับบ้าน อึดอัด กลัว ปวดหัว เหงื่อเริ่มออก และได้ยินเสียงเหมือนคนเดินรู้สึกอุ่นใจสงสัยมีคนอยู่ด้านนอกแน่ๆ พยายามปลอบใจตัวเอง ผีไม่มีจริง ผีไม่มีในโลก คิดได้แค่นั้นลมพัดแรงมาก มอเริ่มขยับเหมือนมีใครมาเขย่า ด้านหน้าเหมือนมีใครอยู่ สับสนผีหรือคนว่ะ
อยากลืมตาให้มันรู้กันไปเลยผีหรือคน ถ้าคนก็โชคดีไป แต่ถ้าเปนผีหล่ะ เราวิ่งไม่ได้ขาชาเพราะเหน็บกินสึดเอ้ยยย เราต้องอยู่ในสภาวะกดดัน อยู่ในนั้นนานมากกก
นาฬิกา โทรศัพท์ ห้ามพก โดนยึดไว้หมด สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ นั่งไปๆและรอเวลา คิดอีกทีเขาลืมเรารึป่าว เขาลืมเราไว้ที่นี่แน่ๆ และแล้วเสียงสวรรค์ คำว่า สาธุ จากมออื่น
ใจชื่นขึ้นมาเลย เขามารับเราแล้ววว จริงๆด้วย พระอาจารย์เดินเข้ามาเอาหล่ะ ค่อยๆลืมตา ขยับแขนขายได้ไหม เราก็บอกว่าได้ค่ะ เอาว่าตามน่ะ ท่านก็พาท่องเหมือนขอขมารึป่าวไม่แน่ แล้วท่านก็บอกว่าขอสิ่งที่อยาก 1 ข้อน่ะ
แล้วท่านก็พาออกมา พาไปยังศาลา ไหว้พระ และเตรียมตัวเดินทางกลับ เฮ้อออออ เพื่อนคนที่พามาเขาบอกว่าเป็นไงบ้าง เจออะไรบ้างหรอ
ก็บอกว่าไม่เจออะไร ตอนนี้อยากลับแล้ว เพื่อนก็บอกว่าชวนเพื่อนๆมากันเยอะๆน่ะ แล้วอย่าไปบอกหล่ะว่า การเก็บดอกไม้คืออะไรเด่วคนอื่นจะกลัว
เราก็ได้แต่ อืม.... (คือบอกไม่ถูกว่าความรู้แบบนี้เรียกว่าอะไร จะว่าดีก็ดีน่ะ เราสามารถเอาชนะความกลัวได้ แต่ถ้าเราไม่รับปากหรอกว่าเราจะไม่พูด เพราะไม่อยากโกหก )
คิดไว้ว่าจะไม่มาอีก จะขอทำบุญตามที่เคยทำแบบธรรมดาที่เราสบายใจดีกว่า
***ส่วนใครที่อยากลองของ อยากลองดี อย่ามาเลย มันไม่มีสิ่งที่คุณอยากเจอหรอก
ประสบการณ์ขนหัวลุก
นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยทำแบบนี้ตั้งแต่เกิดมา
เพื่อนมาชวนไปปฏิบัติ เพราะเพื่อนไปแล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่าปฏิบัติแล้วดีมากๆก็เลยไป
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์แถวสุพรรณ
เพื่อนร่วมเดินทางไปนั้นมีทั้งหมด 5 คน ก่อนเดินทางก็มีไปช่วยกันขนกระเบื้องไปถวายวัด เพราะมีผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งได้บริจาค พอช่วยกันขนเสร็จก็เป็นการเดินทาง
ออกเดินทางประมาณ 10.00น. ไปถึงสำนักสงฆ์ 11.30น.โดยประมาณ พอถึงก็พากันไปไหว้พระที่ศาลา แล้วก็รอเวลาเพราะพิธีเริ่ม 13.00 น.
ก่อนจะทำพิธี พี่เลี้ยงจะถามว่ามีของไหม สักรึเปล่า เราก็บอกว่าสักด้วย ครอบครูด้วย เขาก็เลยให้ไปจุดธูป 16 ดอก ขออนุญาตครูอาจารย์ที่เรานับถือให้เปิดทางให้เราได้ทำพิธีได้สำเร็จ เราก็ทำตาม เวลาบ่ายโมง พระอาจารย์ก็พามาลานเดินจงกรม
ท่านให้เรากับเพื่อนๆนั่ง และมีคนอื่นๆนั่งลงที่เสื่อ พระอาจารย์ท่านก็ถามว่า มีใครในที่นี่สักมา หรือ ครอบครูมา เราก็ยกมือกับคนอื่นๆ ท่านก็เลยถามต่อว่า สักหรือครอบครูหล่ะ เราก็บอกว่าทั้ง 2 อย่างค่ะ ท่านเลยพูดว่า เอาหมดทุกอย่างเลยนะ งั้นว่าตามน่ะ ท่านก็พาท่องคาถา เปิดทาง
ท่องเสร็จท่านก็พาเกินจงกรม เดินจงกรมเสร็จมานั่งสมาธิ และให้ท่อง ยุบหนอ พองหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ แบบนี้ไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้คิดว่าน่าจะประมาณ 1 ชม. พระอาจารย์ท่านก็ให้ค่อยลืมตาแล้วลุกขึ้น เดินจงกรมต่อ พอเดินจงกรมเสร็จก็มานั่งสมาธิ พระอาจารย์บอกว่าครั้งนี้จงตั้งใจ เพราะอาจจะนั่งไม่นานและให้หลับตาให้ท่องในใจเหมือนเดิมแต่...ให้ท่องเร็วๆๆๆขึ้นเรื่อย
แล้วพี่เลี้ยงคนอื่นที่ไม่ได้นั่งสมาธิ ก็จะมาพูดตะโกนใส่หูเราว่า หนอๆๆๆๆๆๆ เสียงดังมากๆๆ จนรู้สึกปวดหู ปวดหัวไปหมด
กดดัน อึดอัด เหงื่อเริ่มออก หัวใจเต้นแรง เพราะเสียงมันดังมากๆ เราแอบลืมตานิดนึงพยายามมองหาเพื่อน เขาล้มลงนอนหงายหลังเหมือนโดนสะกดจิต (คิดในใจนี่เรากำลังโดนสะกดจิตรึป่าวเนี่ย) แล้วสักพักมีคนมาดึงเราให้ล้มลงนอนเราก็เลยนอนลง สักพักพระอาจารย์ให้ค่อยๆลืมตาและลุกนั่งเหมือนเดิมเป็นอันเสร็จพิธี ท่านพูดว่าได้ผ่านการประฎิบัติธรรมแล้ว ให้ไปลงชื่อเขียนประวัติส่วนตัว แต่ให้ไปรับบัตรเหมือนบัตรคิว เราได้หมายเลข 8 ค่ะ
ในใจเราชอบตั้งคำถามตลอดเลย ทำไมต้องลงชื่อ แล้วๆที่เรานั่งสมาธิเมื่อกี้คือการ ปฏิบัติธรรมงั้นหรอ งง มึนไปหมด ไมเกรนขึ้นเลย
พอลงชื่อเสร็จ เขาก็ให้พักตามอัธยาศัย รอเวลาทำวัตรเย็น รู้สึกดีใจนิดๆจะได้กลับบ้านแล้วแต่ก็ยังเก็บความสงสัยไว้ในใจไม่กล้าถามใครเพราะกลัวเขาจะหาว่าเราไปลบหลู่
เวลาล่วงเลยประมาณ 18.00น. ได้เวลาทำวัตรเย็น สวดมนต์ ทุกอย่างปกติดี จนเพื่อนสะกิดบอกว่าทำวัตรเสร็จแล้วจะพาไปเก็บดอกไม้พระอรหันต์น่ะ
เราก็ หื้อ!!! กลางคืนนี่น่ะ จะมองเห็นหรอ? เหมือนบอกเห็นสิ ไฟฉายไง เราก็ถามเก็บนานแค่ไหนหรือ หรือจนกว่าจะเต็มตะกร้า เพื่อนเลยบอกว่าไม่นานประมาณ 2 ชม. (คิดในใจ เอาแล้วไง มีอะไรให้ตื่นเต้นอีกแล้ว)
เวลาประมาณ 21.00น. พระอาจารย์ก็พาเข้าไปในป่า ในป่าจะมีศาลาอยู่ ในศาลาจะมีองค์พระประทาน และมีหุ่นเหมือนหุ่นฟาง 1 ตัว
แต่ให้เรา จุดธูป 4 ดอก พาสวดมนต์ และท่องคาถาปลุกผี นั้นหล่ะเริ่มเอะใจ แค่เก็บดอกไม้ทำไมต้องปลุกผี เตรียมจะลุกแล้ว คือจะไม่เอาไงไม่ชอบท้าทายหรือลบหลู่สิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่มองไปมองเพื่อนๆเขาก็ไม่เห็นรู้สึกกลัวเลยทุกคนปกติดี เราก็เอาว่ะ ไม่กลัวก็ไม่กลัว ทำให้จบๆไปจะได้กลับบ้าน ในใจคืออยากกลับบ้านแล้ว เพราะมันดึกแล้วไง พอทำธิธีเสร็จ พระก็พาเดินๆๆๆเข้าไปป่า มืดมาก ไม่มีไฟฟ้า มีแต่แสงหิงห้อย กับแสงไฟฉายของพระอาจารย์และไฟฉายพี่เลี้ยง
พี่เลี้ยงคนนึงมากอดแขนเราบอกว่า พี่เห็นหน้าน้องซีดๆน่ะ กลัวหรือ เราก็ตอบไปว่า “เปล่าพี่ “พยายามเก็บอาการอยู่
พอเดินไปถึงที่มอ1 คนที่มีหมายเลข1 เข้าไป พาสวดมนต์ (ในใจเริ่มตั้งคำถามอีกแล้ว เก็บในนี้หรอดอกไม้อ่า ) พอเดินไปเรื่อยๆจนถึงมอที่8 คิวเราแล้วหรอ
พระอาจารย์ก็บอกว่า เข้าไปข้างใน และเข้าไปนั่งในกลด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นห้ามออกจากมอเด็ดขาด ห้ามลืมตา ห้ามวิ่ง ให้ท่องไว้ในใจเสมอว่า ยุบหนอ พองหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ แค่นั้น ห้ามแผ่เมตตา ห้ามสวดมนต์อะไรทั้งนั้น
(น้านนนน พามาล่าท้าผีใช่มั้ยเนี่ย )
แล้วทุกคนก็ทิ้งเราไว้ในมอคนเดียวมืดๆ ในมอนั้นด้านในประกอบไปด้วยอะไรรู้มั้ย โลงศพจ้า มีรูปคน 3 คน เราหันไปทางโลงศพด้วย
และทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบลง ได้ยินเสียงลมพัด ได้ยินจิ้งรีดร้อง ได้ยินเสียงหมามันเห่า แม้กระทั่งเสียงหัวใจตัวเองยังได้ยิน มันเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมาข้างนอกแล้ว
อะไรที่พระอาจารย์ให้ท่องเราลืมไปหมดสิ้น ณ ตอนนี้อยากร้องไห้อยากกลับบ้าน อึดอัด กลัว ปวดหัว เหงื่อเริ่มออก และได้ยินเสียงเหมือนคนเดินรู้สึกอุ่นใจสงสัยมีคนอยู่ด้านนอกแน่ๆ พยายามปลอบใจตัวเอง ผีไม่มีจริง ผีไม่มีในโลก คิดได้แค่นั้นลมพัดแรงมาก มอเริ่มขยับเหมือนมีใครมาเขย่า ด้านหน้าเหมือนมีใครอยู่ สับสนผีหรือคนว่ะ
อยากลืมตาให้มันรู้กันไปเลยผีหรือคน ถ้าคนก็โชคดีไป แต่ถ้าเปนผีหล่ะ เราวิ่งไม่ได้ขาชาเพราะเหน็บกินสึดเอ้ยยย เราต้องอยู่ในสภาวะกดดัน อยู่ในนั้นนานมากกก
นาฬิกา โทรศัพท์ ห้ามพก โดนยึดไว้หมด สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ นั่งไปๆและรอเวลา คิดอีกทีเขาลืมเรารึป่าว เขาลืมเราไว้ที่นี่แน่ๆ และแล้วเสียงสวรรค์ คำว่า สาธุ จากมออื่น
ใจชื่นขึ้นมาเลย เขามารับเราแล้ววว จริงๆด้วย พระอาจารย์เดินเข้ามาเอาหล่ะ ค่อยๆลืมตา ขยับแขนขายได้ไหม เราก็บอกว่าได้ค่ะ เอาว่าตามน่ะ ท่านก็พาท่องเหมือนขอขมารึป่าวไม่แน่ แล้วท่านก็บอกว่าขอสิ่งที่อยาก 1 ข้อน่ะ
แล้วท่านก็พาออกมา พาไปยังศาลา ไหว้พระ และเตรียมตัวเดินทางกลับ เฮ้อออออ เพื่อนคนที่พามาเขาบอกว่าเป็นไงบ้าง เจออะไรบ้างหรอ
ก็บอกว่าไม่เจออะไร ตอนนี้อยากลับแล้ว เพื่อนก็บอกว่าชวนเพื่อนๆมากันเยอะๆน่ะ แล้วอย่าไปบอกหล่ะว่า การเก็บดอกไม้คืออะไรเด่วคนอื่นจะกลัว
เราก็ได้แต่ อืม.... (คือบอกไม่ถูกว่าความรู้แบบนี้เรียกว่าอะไร จะว่าดีก็ดีน่ะ เราสามารถเอาชนะความกลัวได้ แต่ถ้าเราไม่รับปากหรอกว่าเราจะไม่พูด เพราะไม่อยากโกหก )
คิดไว้ว่าจะไม่มาอีก จะขอทำบุญตามที่เคยทำแบบธรรมดาที่เราสบายใจดีกว่า
***ส่วนใครที่อยากลองของ อยากลองดี อย่ามาเลย มันไม่มีสิ่งที่คุณอยากเจอหรอก