ฝึกงานสถานทูตอเมริกา กรุงเทพฯ แผนกเศรษฐกิจ (Economic Section) แบบละเอียด*

คิดว่าคงมีหลายๆคนอยากฝึกงานที่สถานทูตอเมริกากันนะคะ ยิ้ม เคยเห็นมีคนรีวิวแผนก Public Affairs ไปแล้ว เลยอยากมารีวิวแผนก Econ บ้าง ทางเทคนิคแล้วก็ได้ทำหลายแผนกมาก เพราะพี่ๆในแผนกต่างๆ สนิทกัน แล้วเราเลยไปขอทำหลายๆแผนก ชอบมากกกกก ประทับใจที่สุด จนไม่อยากกลับไปเรียนต่อปี 4 อมยิ้ม15



โปรแกรมการฝึกงานของสถานทูตมีชื่อว่า Foreign National Student Internship Program หรือ FNSIP ค่ะ โดยรุ่นเราเป็นรุ่น 2016 มีการเปิดรับสมัครทุกๆปี ในช่วงปลายปีค่ะ เพราะฉะนั้น ก่อนจะจบภาคเรียนที่ 2 (เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม) ต้องเตรียม Essay และลองสมัครได้แล้วนะคะ ผู้สมัครจะอยู่ปี 3 หรือปี 4 ก็ได้ ขอแค่ปิดเทอมในช่วงมิถุนายน-สิงหาคม และสามารถมาฝึกงานได้ก็เพียงพอ

ขอเริ่มต้นด้วยเรื่องของใบสมัครก็แล้วกัน ใบสมัครจะเป็นไฟล์ pdf ซึ่งสามารถพิมพ์ใส่ข้อมูลได้ ตอนเปิดไฟล์ค่ะ พอใส่ข้อมูลเสร็จก็แก้ไขชื่อไฟล์ให้เรียบร้อย แล้วส่งไฟล์เพื่อสมัคร รวมถึงหลักฐานอื่นๆ ตามที่เขาแจ้งผ่านทางอีเมลค่ะ (อ่านรายละเอียดให้ดีดีนะคะ) ใบสมัครไม่ได้มีแค่แผ่นเดียวเล่นๆนะคะ ยาวและมีหลายหน้ามาก ควรมีการเตรียมตัวเพื่อหาเวลามาเขียนและทำให้ดีค่ะ โดยเฉพาะแกรมม่านี่อย่าผิด และที่สำคัญ ข้อมูลควรจะเป็นความจริงทุกประการค่ะ เพราะสถานทูตเคร่งครัดเรื่องนี้มาก ถ้ามีการใส่ข้อมูลเท็จ แล้วตรวจสอบได้ อาจถูกเก็บเป็น record และทำให้เรามีประวัติไม่ดี

ข้อมูลส่วนใหญ่ที่ให้ใส่เข้าไปก็จะเป็นประวัติส่วนตัว ข้อมูลครอบครัว สถาบันการศึกษา และที่สำคัญตำแหน่งที่ต้องการสมัคร (สามารถหาอ่านได้จากหน้าเวปที่ประกาศรับสมัครนักศึกษาฝึกงาน จะมีไฟล์ที่บอกว่า แผนกไหนเปิดรับตำแหน่งอะไรบ้าง และแต่ละแผนก ต้องการคนที่มีคุณสมบัติอย่างไร) จขกท สมัครแต่ทางด้านเศรษฐศาสตร์เพราะตรงกับสายที่เรียน สมัครได้ 3 ตำแหน่ง ก็สมัครแผนกเศรษฐกิจไป 2 ตำแหน่ง และแนวไฟแนนซ์เป็นอันดับ 3 ตามนี้ค่ะ
1. Hub Assistant for East & Southeast Asia Regional ESTH Office (ซึ่งตอนหลังทราบว่า เขาปิดไป ไม่รับสมัครซะงั้น)
2. Thai-U.S. Creative Partnership (เราได้อันนี้ค่ะ)
3. Disbursing/Comptroller Global Financial Services Office (CGFS)

เคยถามพี่ๆ แผนก HR (Human Resource) เกี่ยวกับการคัดเลือกเบื้องต้น เขาบอกว่า ทางแผนก HR จะเป็นฝ่ายสกรีนค่ะ คือต้องผ่านด่านพี่ๆ HR ก่อนเลย เขาจะตรวจเช็คข้อมูลโดยทั่วไปและเช็คว่าเราเขียน essay เป็นอย่างไร แกรมม่า ภาษาพอไหวมั้ย เพราะฉะนั้น ใบสมัครนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะคะ essay นี่คิดว่าน่าจะเหมือนกันทุกปี คือเขาจะมีพื้นที่เล็กๆให้เราพิมพ์ประมาณครึ่งหน้าเอสี่ โดยให้เขียนบรรยายว่า ทำไมเขาควรจะรับคุณเข้าทำงาน พูดง่ายๆเลยคือให้โฆษณาตัวเองค่ะ ขอแบบจริงทุกประการนะคะ ก็สาธยายไป เคยทำอะไรมาบ้าง เน้นว่า ให้มันเชื่อมกับตำแหน่งงานที่สมัครค่ะ ยกตัวอย่างเช่น
- ถ้าเขาอยากได้คนที่มีคุณสมบัติหรือสามารถใช้โปรแกรมการแต่งรูปภาพได้ ก็ให้บอกเขาไปว่า เราเคยเข้าคอร์สหรือเคยเรียนมาจากโรงเรียน หรืออาจจะบอกว่ามีงานกลุ่มที่ต้องใช้โปรแกรมนี้
- ถ้าเขาอยากได้ทักษะการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น เราอาจจะเขียนบอกเขาไปว่า เราเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัย หรือกิจกรรมพิเศษต่างๆที่ใช้ทักษะด้านนี้
นอกเหนือจากเรื่องทักษะก็เป็นประวัติการศึกษาเราค่ะ ถ้าได้ทุน ทำงานช่วยมหาวิทยาลัย ก็บอกไปให้หมด แต่ต้องเอาแบบสรุปให้พอในพื้นที่ที่กำหนดนะคะ

ด่านต่อไป เป็นการสัมภาษณ์ ถ้าผ่านเข้ารอบนี้ จะมีคนไทย/อเมริกัน โทรมาหาเรา แจ้งแผนกที่ได้ (จขกท ได้แผนก Econ ในส่วนของ Thai-U.S. Creative Partnership หรือหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย-สหรัฐ) แล้วเขาจะนัดวันเข้าไปสัมภาษณ์นะคะ บอกก่อนว่า เราเล่นตัวได้นิดนึงตรงเรื่องวันที่เรามีเรียนนะคะ เพราะฝรั่งเขาแฟร์และมีเหตุมีผลค่ะ เราไม่ต้องลาเรียนเพื่อไปสัมภาษณ์ แต่ถ้าเขาหาวันว่างไม่ได้แล้ว ก็ยอมลาเรียน อันนั้นพอรับได้ค่ะ ของเรา เราต่อรองขอสัมภาษณ์ในวันสุดท้ายเลย เพราะว่างวันนั้น ไม่ตรงกับเวลาเรียน (่ตอนนั้นดีใจมาก แต่ก็คิดว่า จะต้องโดดเรียนไปเลยหรอ จะได้ฝึกหรือเปล่าก็ไม่รู้)
เราได้สัมภาษณ์ที่สถานทูตฝั่ง NOB หรือตึกที่อยู่ข้างๆตึกสินธรค่ะ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่เคยมา เพราะมันจะอยู่ตรงข้ามแผนกวีซ่า คนที่ไปเคยขอวีซ่า จะเห็นมีสถานทูตอเมริกาอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย (เช็คในอีเมลให้ดีว่าเขาให้ไปที่ตึกไหน เพราะมันเป็นคะแนนของเราด้วยค่ะ)

วันที่ไปก็นั่งบีทีเอสไปลงเพลินจิต แล้วเดินประมาณ 800 เมตร (เพิ่งมารู้ทีหลังว่า มีรถฟรีบัสของโรงแรมคอนราดไปตรงก่อนถึงสถานทูต แล้วเดินต่อนิดเดียว เป็นรสบัสแบบเน้นยืน แนวๆรถญี่ปุ่น มีตัวอักษรไฟสีแดงด้านหน้ารถ เขียนว่า ALL SEASONS PLACE) พอไปถึงก็ไปรอที่หน้าตู้ยาม แล้วเราจะโทรขึ้นไป หรือบอกให้ยามโทรขึ้นไปก็ได้ค่ะ ต้องฝากมือถือ แฟลชไดรฟ์ และบัตรประชาชนไว้ที่ตู้ยามนะคะ หลังจากนั้นจะมีคนลงมารับ ซึ่งก็คือ supervisor ของเราในอนาคตนั่นเอง บางคนก็เป็นคนไทย บางคนก็อเมริกันค่ะ ของเราได้ฝรั่งผู้หญิงเชื้อสายญี่ปุ่น ใจดีมากกกกกก เขาจะพาเราเข้าไป ในสถานทูตนั้น ซึ่ง***ถ้าเรายังไม่ใช่พนักงานสถานทูตหรือเด็กฝึกงาน จะไม่สามารถไปไหนเองได้ ต้องมีคนเดินตามตลอด***

ลืมบอกไปว่า ฝรั่งบอกเราว่า คุณมาถูกด้วยหรอ มี 2 คนที่สัมภาษณ์ก่อนหน้าเราไปโผล่ที่หน้าแผนกวีซ่า มีแค่เรากับผู้สมัครอีกคนที่มาถูก ซึ่งนั่นถือเป็นจุดที่ดีค่ะ แผนก Econ ตอนสัมภาษณ์เขาจะเน้นไปในเรื่องของทัศนคติ และทักษะการแก้ปัญหาค่ะ (ขึ้นอยู่กับคนสัมภาษณ์ อาจถามเชิงวิชาการ หรือถามด้านอื่นๆตามที่เขาต้องการ) หลักๆแล้ว คือแล้วแต่ว่า เขาอยากได้คนแบบไหน เขาก็จะถามไปในแนวที่ว่าจะได้รู้ว่า เราเหมือนที่เขาต้องการไหม อย่างเช่น ปีเรา ซุป (supervisor) กำลังจะย้ายไปยูเครน เขาจะต้องการคนที่มาทำงานได้ โดยที่ต้องมีความคิดริเริ่มได้เอง และมีความอิสระในด้านความคิด เพราะเขาอาจจะไม่อยู่ในช่วงท้ายของการฝึกงาน นั่นหมายถึง เราต้องทำงานเอง โดยไม่มีฝรั่งมาดูแลใกล้ชิดเหมือนคนอื่นๆ ถ้าใครเจอกรณีแบบนี้ในแผนก Econ ก็ไม่ต้องห่วงค่ะ จะมีพี่ๆคนไทย คอยดูแลอย่างดี พี่ๆน่ารักทุกคน (แผนกอื่นๆ ไม่ค่อยแน่ใจนะคะ ได้ยินว่า บางคนไม่ชอบซุปคนไทย แต่เห็นส่วนใหญ่ก็แฮปปี้ดี) น่าจะประมาณนี้นะคะ ขอให้ตอบอย่างมั่นใจ และแสดงให้เห็นศักยภาพของเรานะคะ เพราะฝรั่งจะชอบคนตรงไปตรงมา เด็ดขาด และมีความคิดอิสระ เหมือนผู้ใหญ่ที่ดูแลตัวเองได้ค่ะ

ผลการสัมภาษณ์ จะมีการแจ้งเราทางอีเมล ซึ่งถ้าได้รับเลือก เขาจะแจ้งว่า ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง และจะเข้าไป Security Clearance วันไหน ขั้นตอนนี้คือจะยุ่งมากช่วงเตรียมเอกสาร เพราะมีให้กรอกเต็มไปหมดค่ะ แต่ก็ยังน้อยกว่าใบสมัคร เพราะไม่เน้นสมองหรือแกรมม่ามากค่ะ ก็แหม ผ่านมารอบนี้แล้วเนอะ ตอนยื่นเอกสาร ควรเอาไปยื่นด้วยตัวเองหน้าสถานทูตค่ะ คนส่งเมล (แผนก HR) จะบอกเองว่า ให้โทรหาใครตอนมาถึง หลังจากส่งเอกสารเสร็จก็จะมีการนัดวันมาตรวจความปลอดภัยหรือ Security Clearance ซึ่งเป็นขั้นตอนใส่ข้อมูลทางกายภาพของเราเช่น ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว ประวัติ และเอกสารยืนยันการปกป้องข้อมูลความลับของอเมริกา นอกจากนั้นก็จะมีสัมภาษณ์นิดหน่อย เกี่ยวกับประวัติของเรา ไม่ต้องเตรียมอะไรไปนะคะ เขาจะถามเบสิคมากๆ เพื่อเช็คดูว่า เราดูโอเคมั้ย ปลอดภัยมั้ย คนสัมภาษณ์เราจะเป็นพี่ๆคนไทย แผนก RSO (Regional Securities Officer) ชิลๆค่ะ แม้พี่เขาจะทำหน้าจริงจังมาก แต่ก็อย่าห่วงค่ะ ถ้าเราไม่มีอะไรต้องปิดบังหรือผิดกฎ ก็สบายๆค่ะ พอเสร็จแล้ว เขาจะมาส่งเราหน้าสถานทูต แล้วเราก็กลับได้ แล้วรอวันมาฝึกงานค่ะ (ช่วงระหว่างก่อนปิดเทอมนี่ เขาจะเงียบหายไปเลยนะคะ อย่าตกใจ เขาจะติดต่อมาอีกทีตอนใกล้วันเริ่มฝึกงานผ่านทางอีเมล แจ้งวันและเวลาสำหรับการเริ่มวันแรกที่มีการ Orientation)

***มาต่อแล้วนะคะ
วันแรกจะมีการ Orientation ซึ่งก็พูดง่ายๆว่ามานั่งรวมกัน พี่จากแผนก HR จะมาตรวจเช็ครายชื่อ แจก badge และสายคล้องคอ (badge คือบัตรประจำตัวเรา จะมีชื่อและรูปภาพของเรา) กระบวนการนี้ค่อนข้างสำคัญคือจะได้เจอเพื่อน ได้รู้ข้อมูลคร่าวๆ และได้ badge มาใช้ หลังจากนั้น ซุปเราจะมารับตัวไป เพื่อทำกิจกรรมที่เขาเตรียม บางคนก็แค่พาทัวร์ในอาคารที่ตัวเองทำงาน แต่ของ จขกท นี่พาเดินไปทั่วแทบจะทุกตึกเลยค่ะ มีตึก NOB (ตึกตรงข้ามวีซ่า) ตึก EOB (ตึกวีซ่า) และตึก GPF (ตึกใกล้ๆกับวีซ่า) บอกตรงๆเหนื่อยมากในการเดิน เพราะมีอุปสรรคเป็นสะพานลอย 555+ ถนนวิทยุนั้น รถค่อนข้างเยอะ ทางม้าลายก็หายาก ต้องเป็นคนพื้นที่หรือเคยๆถึงจะหาทางม้าลายเจอ แม้จะมีทางม้าลาย แต่ทุกคนจะรู้กันว่า ควรข้ามสะพานลอย เพราะเกิดอุบัติเหตุบ่อยมากๆจากการใช้ทางม้าลาย (ซะงั้น)

จขกท อยู่แผนก Econ ซึ่งอยู่ตึก NOB (ในสถานทูต เฉพาะตึก NOB จะมีเรื่อง hierarchy นิดหน่อยนะคะ เพราะว่าเขาห่วงเรื่องความปลอดภัยและกลัวความลับรั่วไหล ทำให้มีการแยกกันระหว่างฝรั่งและคนไทย ตึกอื่นจะรวมๆกันได้บ้างค่ะ) เรื่องรายละเอียดภายในจะขอข้ามไปเลยนะคะ เพราะว่าเป็นความลับไม่สามารถอัพรูป หรือแจ้งรายละเอียดได้ มีอะไรบ้าง

จขกท เป็นเด็กฝึกงานคนเดียวของแผนกอีคอน และมีเพื่อนบ้านเป็นแผนกการเมือง (Political) ซึ่งมีเด็กฝึกงาน 1 คนเช่นกัน ทำให้ก็สนิทกันไปโดยปริยาย มาฝึกงานที่สถานทูต แนะนำให้ทำตัวค่อนข้างแอคทีฟนะคะ สมมติงานแผนกเราว่าง ก็เดินไปแผนกข้างๆก็ได้ ของานเขาทำ เป็นประโยชน์กับตัวเรามากเลยค่ะ เพราะว่าได้ประสบการณ์ด้านอื่นๆด้วยที่ไม่ใช่งานในแผนกตัวเอง

ขอเล่างานหลักของ จขกท ก่อนนะคะ จะเป็นงานด้านสนับสนุนและโปรโมตความร่วมมือของไทย-อเมริกา โดยจะเป็นพวกเวปไซต์และอาจจะมีต้องอำนวยความสะดวกแก่ผู้สมัครหรือผู้ชนะกิจกรรมต่างๆที่เกิดจากความร่วมมือของไทยและอเมริกาค่ะ นอกจากนี้ก็จะเป็นเหมือน admin เวปไซต์ คอยอัพเดตข่าวต่างๆ โดยเขียนเป็นบทความสั้นๆทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งภาษาอังกฤษนี่จะต้องให้ซุปของเราตรวจดูก่อนโพส แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ แม้แต่ฝรั่งด้วยกันเอง ก็ต้องให้เจ้านายตรวจงานด้านการเขียนแบบนี้เสมอๆค่ะ  เจ้าเริงร่า

ในแผนกอีคอน จะมีแผนกย่อยหลายอันนอกเหนือจากหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งได้แก่
- Trade
- Environment and Technology
- Human Trafficking
- Macrofinance
(ชื่อแผนกย่อย อาจเขียนผิดบ้างนะคะ ไม่แน่ใจว่าชื่อจริงๆคืออะไร แต่เป็นแนวๆนี้ค่ะ เนื่องจากคนที่ทำแผนกนี้ที่เราได้คุยด้วยเป็นคนไทยค่ะ ฝรั่งแผนกอีคอนจะอยู่อีกชั้นนึง ซึ่งเพราะเราทำแผนกย่อยอื่นๆ ทำให้ไม่ค่อยได้พูดคุยกับฝรั่งแผนกย่อยอื่นเท่าไร)

***ต่อที่ความเห็นที่ 15
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่