อยากทราบว่าทำ "ธุรกิจขายแคคตัส" จะเริ่มต้นการศึกษาอย่างไร และใช้งบลงทุนเริ่มต้นงบเท่าไหร่ครับถึงจะทำได้

พอดีผมเริ่มสนใจการปลูกต้นกระบองเพชรมาได้ซักพักแล้วครับ ตอนนั้นเดินผ่านไปเจอต้นไม้เล็กๆเห็นมันสวยๆ มีหนาม มีสีหลากหลายสีกันไป ผมเลยซื้อมาเลี้ยงดูเกิดสนใจคิดว่าจะทำเป็นธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ยังไม่ค่อยมีความรู้ในการดูแลรักษา การเพาะเมล็ดซักเท่าไหร่ และต้องมีงบปริมาณเริ่มที่เท่าไหร่ถึงจะทำธุรกิจนี้ได้ ใครที่ทำธุรกิจนี้อยู่ หรือมีความรู้ช่วยบอกด้วยนะครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
จะช่วยให้ข้อมูล เพราะเป็นคนหนึ่ง ที่จากเริ่มเลี้ยงเพราะความชอบล้วนๆ  จนพัฒนากลายมาเป็นอาชีพหลัก ทำสำเร็จไป 99% แล้ว แต่ก็โชคร้ายโดนน้ำท่วมเสียหายไปซะก่อน  มีการย้ายสถานที่หนีน้ำท่วมแต่เจอปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำจนสูญเสียไม้ไปทั้งหมด มูลค่าไม้ที่เสียหายไป ถ้ามาคิดราคาตอนนี้ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท  แต่ทุกอย่างไม่ได้เสียเปล่าไปซะหมด มันทำให้ได้ประสบการณ์ที่แม้ราคาจะแพงเกินไปก็ตาม

ตอนนี้เพิ่งกลับมาเริ่มต้นใหม่เช่นกัน  จึงพอจะแนะนำได้ดังนี้ครับ

อันดับแรกแคคตัสต้องการโรงเรือนและปัจจัยพื้นฐานในการเลี้ยง เรียงตามความสำคัญคือ 1.น้ำ 2.แสงแดด. 3.วัสดุปลูก 4.ลมและอุณหภูมิ
1. น้ำ  อย่าเข้าใจผิดว่าทนแล้ง ใช้น้ำน้อย ดูอดทนแล้วจะใช้น้ำอะไรเลี้ยงก็ได้นะครับ ผมพลาดมาแล้ว  
แคคตัสต้องการน้ำที่ใสสะอาดมาก มีความเป็นกรดอ่อนๆ และแพ้น้ำที่มีความกระด้าง มีหินปูน มีความเป็นด่าง โดยจะส่งผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของแคคตัส  ทำให้ไม้หยุดโต อ่อนแอ ทำให้ติดเชื้อโรค เชื้อราต่างๆเจาะเข้าทำลาย
น้ำที่เหมาะใช้เลี้ยงคือ แหล่งต้นน้ำจากภูเขา, น้ำประปานครหลวง-ภูมิภาค ที่แหล่งน้ำดิบมาจากแม่น้ำ ลำคลอง ไม่ใช่จากน้ำบาดาล(เว้นแต่จะมาจากแหล่งน้ำที่ดีจริงๆ) เอามาพักน้ำไว้ 3 วันขึ้นไปก่อนใช้รด
เป็นไปได้ ให้นำตัวอย่างน้ำไปตรวจเลยครับ ยิ่งถ้าบ้านใช้น้ำบาดาล
เรื่องคุณภาพน้ำเป็นสิ่งที่ผมพลาดมาแล้วตามที่บอกไป จนคิดเลิก ตามนี้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. แสงแดด  แคคตัสชอบจำนวนชม.แสงแดดต่อวันยิ่งเยอะยิ่งดี  ต้องไม่ต่ำกว่า 6 ชม.  ถ้าได้ 8 ชม. ต่อวันขึ้นไป ไม้จะโตเร็วและมีสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด ลดการใช้ยาและปุ๋ยไปได้อย่างน้อย 30%   ความเข้มที่ต้องการคือ 40-100%  แล้วแต่ช่วงอายุและสายพันธุ์ แต่เอาง่ายๆ พรางด้วยซาแลน 50% ก็เลี้ยงได้งามแล้วครับ
3. วัสดุปลูก คุณต้องพยายามหาส่วนผสมวัสดุปลูกพื้นฐานเป็นสูตรของตัวเองให้ได้  แน่นไป รากไม่เดิน เน่า  โปร่งไป ไม้ไม่โต
ของผมที่ใช้คือ ซื้อดินถุงที่หมักจากใบก้ามปูแท้ๆ ตอนนี้ใบก้ามปูหายากกว่าเมื่อก่อน ส่วนผสมจะมีใบอย่างอื่นปนมาเยอะ  เมื่อก่อนสามารถเอามาตากแดดจัดๆ 2 อาทิตย์แล้วร่อนเอาแต่เนื้อดิน ผสมได้เลย แต่ตอนนี้ ต้องเอามาหมักกับปุ๋ยคอก แกลบดิบ ถึงไว้ อย่างน้อย 1 เดือน แล้วค่อยเอามาตากแดด ส่วนผสมที่ผมใช้ ดินร่อน 3 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน แกลบดิบ 1 ส่วน ยืนพื้น ไม้ทั่วๆไป ยิมโน เมโล ใช้ปลูกได้เลย ไม้ที่ต้องการความโปร่งจะผสมหินภูเขาไฟเบอร์ 00 ลงไป เริ่มต้นที่ ดินผสมเสร็จ 2 ส่วน หินภูเขาไฟ 1 ส่วน
4.  ลมและอุณหภูมิ  สถานที่ที่เหมาะสมต้องมีลมพัดตลอดวัน  อากาศถ่ายเทได้ดี  ยิ่งแห้ง ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำยิ่งดี ปลอดภัยกับโรคที่มากจากเชื้อรา อุณหภูมิช่วงกลางวันกันกลางคืน ต่างกัน 10 องศาขึ้นไป ไม้จะโตเร็วและงาม จุดนี้สามารถทำโรงกึ่งอบได้ โดยกลางวันอุณหภูมิเฉลี่ย 40 องศา คืออบร้อนได้แต่ต้องระบายอากาศได้ดี ถ้าอบแล้วชื้นอันนี้ไม่ดีครับ  อุณหภูมิสูงสุดไม่ควรเกิย 50 องศา และสูงสุดช่วงร้อนจัดห้ามเกิน 55 องศา เกินนี้ เป็นอันตรายกับต้นไม้

ต่อมา สิ่งที่ต้องทำให้ชำนาญนอกจากการเลี้ยงปกติให้รอดแล้วคือ
1. การเพาะเมล็ด
2. การกราฟไม้

งบประมาณ ถ้าเริ่มต้นทำจริงจังทันที ผมคำนวณไว้คร่าวๆ ต้องใช้ขั้นต่ำ 1 แสนบาท (เป็นแนวทางของผมเองนะครับ)
แบ่งเป็นค่าโรงเรือน 3-4 หมื่นบาท  อย่างน้อยๆต้องมีโรงเรือนขนาด 20 ตร.ม. 2 โรงเรือน ถ้าทำเองได้ทั้งหมดก็จะประหยัดได้ครึ่งหนึ่ง ส่วนผมทำโรงเรือนเรือนเล็กๆแต่หลายโรงเอา เพราะกลับมาอยู่ตรงที่น้ำท่วม เน้นไว้หนีน้ำได้ทันไว้ก่อน ซึ่งราคากะสูงกว่าโรงใหญ่ทีเดียวเท่าตัวเหมือนกัน

ค่าพ่อแม่พันธุ์ไม้ 5-6 หมื่นบาท  
โดยซื้อ Astro. asterias ขนาด 4 ซม.ขึ้นไป เป็นสายพันธุ์ธรรมดา แต่สวย ราคาเริ่มต้นที่ 150 ขั้นต่ำ 100 ต้น
แล้วซื้อ Super ลายใหญ่ๆขาวๆ ราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท ขั้นต่ำ 20 ต้น  
Gymno baldianum ดอกแดง ขนาด  10 ซม. ขึ้นไป ราคาประมาณ 200-250 บาท 20 ต้น
Mam. Schumanii ขนาด 3 ซม.ขึ้นไป ราคาเริ่มต้น 40 บาท ขั้นต่ำ 20 ต้น
ถ้าได้ประมาณนี้แล้ว ภายใน 2 เดือนแรก คุณจะเริ่มเก็บเมล็ดและเพาะได้ทันที อย่างน้อยที่สุดเดือนละ 500 ต้น
พอครบ 10 เดือน จะเริ่มมีไม้ออกขาย และจะออกต่อเนื่องไปเรื่อยๆ  ไม้ 3 สายพันธุ์นี้ออกดอกตลอด และขายได้เรื่อยๆครับ โดยเฉพาะแอสโตร ในอนาคตถ้าทำกันได้เยอะๆ อาจจะมีตกบ้าง แต่ไม่มีขาดทุนแน่นอน

ที่เหลือซื้อไม้ทำตอ เช่นแก้วมังกรขาว-แดง,ตอบลู,หนามดำ,ลูกผสม,เปเรสเกีย,ดาวล้อมเดือน พยายามหาให้ได้ครบมากที่สุด อย่างน้อย 10 ต้นขึ้นไป เมื่อตอพร้อม คัดไม้บางส่วนมากราฟไว้ ไม่เกิน 10 เดือน จะได้ไม้ไว้ทำพ่อแม่พันธุ์อีกมาก ทีนี้ สามารถขายเมล็ดได้อีกทาง และต่อยอดซื้อไม้ตัวแพงๆมาเก็บต่อยอดได้อีก

ค่าปุ๋ยยาและอุปกรณ์ต่างๆ ประมาณ 1 หมื่นบาท

ส่วนการขาย สามารถขายออนไลน์ทางเดียวเลยก็ได้ ก่อนผมโดนน้ำท่วม ผมขายออนไลน์อย่างเดียว แบบว่าไม้ที่ขายเป็นไม้ที่ล้นโรงเรือนนะครับ ตัวทีเด็ดยังไม่โต ตอนนั้นขายได้กำไรเดือนละ 15,000-20,000 บาท ราคาไม้ถูกกว่าตอนนี้ 3-5 เท่าด้วยนะครับ  ถ้าตัวแพงได้ออก เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นแน่นอน ซึ่งมันโดนน้ำท่วมไปก่อนครับ

อีกทางคือไปขายที่จตุจักรวัน อังคาร-พุธ อันนี้ผมก็ไม่รู้ขั้นตอนการเข้าไปขายนะ แต่คงไม่ยาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่