กระเป๋า 1 ใบ, ใจ 1 ดวง กับParis เมืองแห่งความโรแมนติก

หลังจากกลับมาจากทริปท่องเที่ยวในฝรั่งเศส ก็เลยอยากจะมาเล่าถึงประสบการณ์ให้ผู้ที่สนใจจะมาฝรั่งเศสสักหน่อย
ทริปนี้เราไปเที่ยวไหนมาบ้าง?
เราไปมา 3 เมือง;
1. Paris
2. Annecy
3. Lyon

เมืองแรกที่เราไปเหยียบ คือ ปารีส
เดินทางโดยรถไฟ Eurostar จาก London St.Pancras


การเดินทางจากลอนดอน ไปถึง Gare du Nord ที่ปารีส โดยรถไฟ Eurostar ใช้เวลา ประมาณ 2.30 ชม.
ออกจากลอนดอนเวลา 9.24 น. ไปถึงปารีสเวลา 12.47 น.
ปล. เวลาที่ฝรั่งเศสเร็วกว่าอังกฤษ 1 ชม.

ท่านใดที่สนใจเดินทางโดยรถไฟ สามารถเข้าไปดูรายละเอียด ราคาได้ที่ website ของยูโรสตาร์ได้เลย
http://www.eurostar.com/uk-en
ตั๋วรถไฟสามารถปริ้นจากบ้านเป็นกระดาษ A4 มาใช้ได้เลย หรือว่าจะปริ้นจากตู้ที่สถานีก็ได้
แนะนำว่าให้ไปถึงสถานีก่อนรถไฟออกสัก 1 ชม. เพื่อ check-in, ตรวจกระเป๋า และ ผ่านตม.

ทริปปารีส 3 วัน ไปที่ไหนบ้าง?

วันที่ 1 เดินเล่นทอดน่องแถว Saint Germain des prés - Eiffel Tower

วันที่ 2 ถนน Champs Élysées - Fontaine des Fleuves - Jardin des Tuileries

วันที่ 3 Eiffel Tower - Arc de Triomphe


เดินทางถึงปารีสแล้ว เรามีนัดกับเพื่อนแถว Saint-Germain des Prés
เราใช้บริการรถ metro โดยสถานีอยู่ใน Gare du Nord เลย

ตั๋วสามารถซื้อได้จาก Ticket machine หรือว่าจะซื้อจาก Box Office ก็ได้


จากรูป เป็นตั๋วเที่ยวเดียวราคา €1.8 หรือถ้าใครจะเดินทางโดยรถสาธารณะเยอะ ก็ซื้อเป็นแบบ 10 ใบ จะได้รับส่วนลดด้วย
ที่ตู้สามารถหยอดเหรียญ ใส่ธนบัตร และบัตรเครดิตได้

การเดินทางโดยรถ metro ที่ปารีสสะดวกมากๆ มีแผนที่บอกในสถานีชัดเจน หรือโหลดติดมือถือไว้เลยก็ได้



ถึง Saint Germain des prés แล้วไปทานร้านอาหารใกล้ๆสถานี ชื่อว่า ร้าน Les Deux Magots

credit picture : https://commons.wikimedia.org/wiki/File: Deux_Magots.jpg

เพื่อนไต้หวันบอกว่าเป็นร้านของคน Parisian มาทานกันเยอะมาก
อาหารอร่อย สมราคา วันที่เราไป เราสั่ง Omelette ใส่ แฮม + สมุนไพร มาทาน จานนี้ราคา €14.5


ทานกันเสร็จแล้ว เราก็ไปเดินเล่นกันต่อระแวกนั้น
ไปดูแกลลอรี่ ซื้ออุปกรณ์วาดภาพ (วันนี้เป็นวันเดินเล่นชิวๆซะมากกว่า)


เดินไปเรื่อยๆ ชิวๆ ถึงสวน Jardin du Luxembourg




คนในสวนสาธารณะเยอะมากๆ เพราะว่าเป็นช่วงหน้าร้อน เลยจะเห็นคนมาปูเสื่อนอนอาบแดดกัน

หลังจากนั่งเม้าท์มอยกันสักพักใหญ่ๆในสวน เราก็พร้อมใจมุ่งหน้าไปหอไอเฟลกัน
การเดินทางใช้ระยะเวลาประมาณ 50 นาที โดยการเดิน เรียกได้ว่าเป็นทริปออกกำลังกาย

ระหว่างทางเดินผ่าน Les Invalides หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า Hôtel national des Invalides
เป็นพิพิธภัณฑ์ และอนุสาวรีย์ ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางทหารของฝรั่งเศส (ข้อมูลจาก wikipedia)

เราถึงหอไอเฟลประมาณ 6 โมงเย็น นั่งเล่นชิวๆ วาดรูปหอไอเฟลรอเวลาไฟเปิด


จะมีไฟกระพริบ 5 นาทีของทุกๆชั่วโมงด้วย โรแมนติกมากๆ ใครมีแฟนพาแฟนไปด้วย สวีท วี้ดวิ้วแน่นอน

วันที่ 2 เริ่มต้นด้วยการไปทานอาหารเช้าที่ร้าน Bagelstein ข้างอพาทเมนต์เพื่อน บนถนน Avenue Marceau
เราเลือก Bagel ได้ ว่าชอบแบบธรรมดา, โรยชีส, โรยธัญพืช
จากนั้นพนักงานจะให้เราเลือกไส้ข้างใน มีให้เลือกเยอะมาก
.. ไก่ต้ม ปลาแซลมอน Cheddar cheese Blue cheese มะเขือเทศ อะโวคาโด ผักสลัด และอื่นๆอีกมากมาย ...

มื้อนี้จ่ายไป €6.9 รวมน้ำ 1 ขวด
บรรยากาศภายในร้านก็น่านั่ง มี Wifi บริการ เลยเก็บภาพมาฝากสักหน่อย




เมื่อท้องอิ่มแล้ว เราก็ไปเดินซื้อของที่ถนน Champs-Élysées
.. จากที่พักเราเดินไปใช้เวลาเพียง 6 นาที เลยไม่รีบ
ผลปรากฏว่า บึ้ม! คนมากมายยิ่งกว่าฝูงผึ้ง แต่เราก็ทำได้แค่ ทำใจ
แนะนำว่าท่านใดที่อยากช้อปปิ้งอย่างสบายใจก็ไปสัก 10 โมง ร้านค้าเปิด
บนถนนเส้นนี้ มีทุกแบรนด์ Louis Vuitton, Hermès, Nike, Tommy Hilfiger, Adidas, Disney, H&M etc.,
คุณผู้หญิงท่านไหนอยากช้อปปิ้งเครื่องสำอาง ก็ไป Sephora โลดเลย มีแทบทุกยี่ห้อ พนักงานบริการดี
ปล. สำหรับท่านที่จะเดินทางไปโดย Metro ลงที่สถานี Geroge V (หน้าร้าน Louis Vuitton เลยฮะ)
หรือสถานี Franklin D. Roosevelt (อยู่ปลายถนน Champs-Élysées เดินย้อนขึ้นมาทาง Arc de Triomphe)

เดินซื้อของเสร็จก็บ่าย 4 โมงเย็นไปแล้ว เอาของกลับมาเก็บที่ห้องพัก และหยิบกล้องไปถ่ายรูปเล่น
จาก Arc de Triomphe เดินไปเรื่อยๆบนถนน Champs-Élysées มุ่งหน้าไปสู่ Musee du Louvre
เดินมาครึ่งทางจะเจอ Obélisque de Louxor


The Luxor Obelisk มีความสูงถึง 23 เมตร เป็นเสาหินอียิปที่ตั้งอยู่ที่ Place de la Concorde
ดั้งเดิมเสานี้ตั้งอยู่ที่ทางเข้าของ Luxor Temple ในประเทศอียิป แต่ถูกย้ายมาที่ปารีส เมื่อปี 1833

นอกจากนี้ ตรง Place de la Concorde ยังมี Fontaine des Fleuves สร้างเสร็จตั้งแต่ปี 1840


ส่วนใครที่อยากจะดูวิวถนน Champs-Élysées จากมุมสูง สามารถขึ้นชิงช้าสวรรค์ได้ด้วย


แต่ถ้าอยากเดินเล่นต่อก็เข้าไปสวน Jardin des Tuileries ที่อยู่ถัดจาก Place de la Concorde กัน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ คนเยอะมากๆในสวน ทุกคนออกมานอนเล่น ปิคนิค อาบแดด

ใครที่ไม่อยากนั่งตากแดดร้อนๆ ในสวนก็จะมีโซนร่มรื่นให้ได้พักผ่อนหย่อนใจด้วย


นอกจากต้นไม้บังไอแดดแล้ว มีร้านไอติมชื่อ Amorino ไว้ให้ทานคลายร้อนด้วย
มีหลายรสชาติ หลายขนาดให้เลือก ..


เราเลือกมา 4 รสชาติ Strawberry, Pistachio, Lemon, Passion fruit อร่อยดี ยิ้ม


ทานไป นั่งชมวิวไป ไม่รีบไม่ร้อน เสร็จแล้วนั่งวาดรูปวิวต่อ
บรรยากาศสวยงาม ตามแบบฉบับปารีส



พักเมื่อยแล้ว ก็เดินกันต่อไปอีก 10 นาที ถึง Musée du Louvre


เราไม่ได้เข้าไปใน Musee du Louvre เพราะว่าเคยเข้าไปแล้ว คราวนี้มาเดินเล่นเฉยๆ
แต่เราก็เก็บข้อมูลมาฝาก
Opening Times : เปิดทุกวัน 9:00 น. - 18:00 น. ยกเว้นวันอังคาร
website : www.louvre.fr/en

ระหว่างทางที่จะถึง จะเห็นประตูชัย ที่เรียกกันว่า Arc de Triomphe du Carrousel

Arc de Triomphe du Carrousel ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1806 - 1808 เพื่อระลึกถึงชัยชนะของนโปเลียน
ออกแบบโดย Charles Percier และ Pierre François Léonard Fontaine

เราเดินชมสักพักก็เดินกลับบ้าน กลับทางเดิม แต่วิวช่วงเย็นก็สวยงามไปอีกแบบ





ถนน Champs-Élysées ยามเย็น มีคนมาดีดเปียโนบนนทางเดินเท้าให้ฟัง


ปารีสเป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ในตัวเองจริงๆ

วันที่ 3 (วันสุดท้ายที่ปารีส) หอไอเฟล และ ประตูชัย
วันนี้ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื๊นนน สดชื่น เพราะว่าจะไปขึ้นชมวิวบนหอไอเฟล
เราออกเดินทางจากหอเพื่อนเวลา 10.30 น. ถึงหอไอเฟลประมาณ 11.00 น.
ระหว่างทางเดินก็จะเห็นวิวหอไอเฟล และสะพาน Passerelle Debilly


** ก่อนจะพาไปชมวิวบนหอไอเฟล ขอกล่าวถึงข้อมูลเบื้องต้นนิดนึง
Opening Times: กลางเดือนมิถุนายน - ต้นกันยายน เปิดให้บริการตั้งแต่ 9.00 น. - เที่ยงคืน
ช่วงเวลาที่เหลือของปี เปิดให้บริการเวลา 9.30 น. - 23.00 น.
แนะนำให้มาเวลาเช้าเลย เพราะถ้าสายๆไปแล้ว คนต่อแถวเพื่อตรวจกระเป๋า และซื้อตั๋วจะเยอะมาก
ถ้าหลีกเลี่ยง วันหยุดได้ ก็จะดีงาม **

เมื่อเรามาถึงก็ต่อแถวตรวจกระเป๋า และซื้อตั๋ว
ราคาตั๋วอยู่ที่ 13 Euro ถ้าจะขึ้นไปชั้นบนสุด แต่ถ้าขึ้นแค่ชั้น 2 ก็ราคา 7 Euro
* คำแนะนำ ถ้าแน่ใจว่าจะขึ้นไปชั้นบนสุด ก็ซื้อไปทีเดียวเลย ไม่งั้นต้องไปต่อแถวซื้อที่ชั้น 2
เสียเวลาจริงๆ เพราะว่าคนต่อแถวยาวมาก *
การเดินทางขึ้นไปชั้น 2 จะเดินหรือว่าจะขึ้นลิฟท์ก็ได้

เดินขึ้นไปถึงชั้น 1 แล้ว รู้สึกเหนื่อย มีร้านขนม ร้านอาหาร ไว้บริการ

ส่วนวิวจากชั้นที่ 1 ก็ประมาณนี้


เดินขึ้นไปชั้นที่ 2 สวยขึ้นไปอีก



เราไปขึ้นชั้นบนสุดกันดีกว่า .. ตื่นเต้นนน น น น
การจะขึ้นไปชั้นบนสุด ต้องใช้ลิฟท์อย่างเดียวเลย ไม่มีบันไดนะ
แล้วคิวต่อแถวขึ้นลิฟท์ยาวมากๆเลย

เมื่อเราขึ้นไปถึงชั้นบนสุดแล้วนั้นนน จะเห็นวิวสุดสายตาของปารีสเลย 360 องศาด้วย




แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่