ตอนนี้มีแต่อธิบายอย่างยาวแบบเกือบทั้งตอนเลย อ่านเอาไม่มีภาพคงจะน่าเบื่ออยู่นิดหน่อย ไว้ไปอ่านกันเต็มๆเอาอีกทีใน C-KiDs หรือรวมเล่มเอาแล้วกันนะครับ อ้อ เกือบลืม เนื่องจาก C-KiDs เป็นฉบับควบตาม ShonenJump ญี่ปุ่นที่เป็นฉบับควบหยุดยาวเทศกาลโอบังของญี่ปุ่น ดังนั้นตอนหน้าก็รอกัน 3 อาทิตย์เลยนะครับ (ถ้าสยามยังทำ C-KiDs ต่อนะ สังหรณ์ไม่ดีเลย ครูระยางจบยังไม่มีเรื่องมาแทน ตอนนี้ Nisekoi ก็จบอีกเรื่องก็ยังไม่ประกาศเรื่องใหม่อีก การ์ตูนจาก ShonenJump หายไปจะครึ่งเล่มแล้ว)


ต่อจากตอนที่แล้ว ผู้คุมคลังแสงมีเรื่องที่ต้องบอกให้ทุกคนรับรู้ก่อนที่หน้าที่ของผู้คุมจะหมดลง นั้นคือเรื่องเกี่ยวกับอาวุธ "Event horizon" "Star power" และ "commander mode" แต่ในบรรดาผู้ถือครองมีเพียงเมตัลแม็กซ์ที่ไม่อยู่เพียงคนเดียว แต่ถึงจะไม่อยู่ก็จะเริ่มอธิบายเลย

ผู้ที่มีอาวุธ Event horizon จะมีหน้าต่างตัวเลขปาร์ตี้และ Star power อยู่ ด้านจำนวนปาร์ตี้จะรับเข้ามาเท่าไรก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ Star power ของทุกคนตอนนี้จะเป็น 0 อยู่ ซึ่ง Star power ก็คือ "การทำสัญญาเพื่อรับพลังอันยิ่งใหญ่จากดวงดาว" หรือจะเรียกว่ายืมพลังก็ได้และมีเพียงอาวุธ Event horizon เท่านั้นที่มีพลังพิเศษนี้ โดยในจักรวาลจะมีดาวอยู่มากมายมหาศาลและพลังของดาวแต่ละดวงจะแตกต่างกันไป อาวุธ Event horizon จะสามารถยืมพลังนั้นมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังในตัวอาวุธเองได้ เพื่อใช้ต่อกรกับสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเพื่อทำลายล้าง

ยกตัวอย่าง ดิออร์แกนิกซ์ ที่เป็นอาวุธลำดับที่ 1 หากวัลแคนไปทำสัญญายืมพลังจากดาวลาพิวต้าและผ่านเงื่อนไขจนได้พลังมา ดาวลาพิวต้ามีพลัง Star power 40,000 และความสามารถพิเศษของดวงดาวเองก็จะถูกใส่ลงในอาวุธด้วย จะเป็นพลังให้กับอาวุธจนกว่าจะยกเลิกสัญญาหรือดวงดาวแตกสลาย และเมื่อดิออร์แกนิกซ์มีพลัง Star power แล้ว จะได้รับชื่อและรูปลักษณ์พิเศษของดาวนั้นมาอยู่ร่วมกับอาวุธ และเปิด commander mode ได้อย่างสมบูรณ์

ทุกคนที่ฟังอย่างตั้งใจโดยเฉพาะระดับผู้นำคนอย่างเกียร์หรือจูเลียนยิ่งสนใจฟังเป็นพิเศษ แต่ก็มีกรณีพิเศษอย่างพิพัฒน์ที่เหงื่อตกอยู่เพราะดันกินตัวอาวุธไปแล้ว แต่ก็โชคยังดีที่ผู้คุมบอกว่าของพิพัฒน์นั้น พลังความสามารถของ Event horizon ยังคงอยู่ในรูปลักษณ์ของ mimic อยู่ เลยทำให้พิพัฒน์ใจชื่นขึ้นเยอะ

ต่อไป commander mode ก็คือรูปแบบของอาวุธ Event horizon ที่ได้รับพลังดวงดาวมาแล้ว เป็นพลังที่จะมีผลกับปาร์ตี้ของผู้ถือครองอาวุธเองจำนวน 1,000 คน ที่จะได้รับพลังสนับสนุนจากดวงดาวด้วยเมื่อใช้ commander mode ดังนั้นอีเวนท์นี้จึงนับเป็นจุดเริ่มของการทำคะแนนจบเกมของทุกๆคนก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีแต่ผู้ถือครองอาวุธ Event horizon เท่านั้นที่จะจบเกมเสมอไป

และอีกเรื่องคือผู้คุมได้บอกทุกคนว่าตอนนี้ ณ สถานที่หนึ่งกำลังมีการต่อสู้ครั้งใหญ่อยู่แต่ไม่บอกว่าคืออะไร บอกแต่ว่าเหล่าเพลเยอร์ไม่ต้องห่วง ทุกคนจะปลอดภัยและให้สนุกกับเวลาที่เหลือในอีเวนท์นี้ได้อย่างสบายใจ

หลังจากนั้นในกองกำลังวินเชสเตอร์ส่วนหนึ่งอย่างพวกไวพจน์ก็กำลังเล็งเก็บไอเทมอย่างพวกระดับหกดาวมา บางส่วนก็ฉลองให้ชัยชนะของกานดา มัจฉาเองก็บอกถึงจะชนะมาได้แต่เมื่อเทียบกับ Ranking killer ก็ถือว่าเสียเปรียบอยู่ ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นเอง ภัสสรก็กลับมา พอทุกคนเห็นภัสสรก็คิดว่ากานดาต้องกลับมาด้วยเลยจะเตรียมเฮกัน แต่เสียดายที่ภัสสรบอกกานดายังไม่มา

เมื่อกานดายังไม่มาพวกไวพจน์เลยมาคุยเรื่อง Star power กันก่อน ถึงจะรู้ว่าคืออะไรแล้วแต่ไม่ได้บอกถึงวิธีจะได้พลังมา มัจฉาเองก็อ่านจากข้อมูลเท่าที่มีแล้วแต่ก็ยังไม่รู้อะไรเหมือนกัน แต่นั้นเพราะเกมนี้ให้ผู้เล่นหาความจริงกันเอาเองอยู่แล้ว NPC ก็แค่บอกใบ้เท่าที่จำเป็นแม้จะรู้มากกว่าที่บอกแต่ก็ถูกเกมจำกัดเรื่องที่บอกได้ไว้

ตอนนี้ที่รู้กันเรื่อง Star power คือเป็นการบวกพลังโจมตี ภัสสรบอกใช่แต่ก็ไม่เชิงเนื่องจาดพลังที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกับเพลเยอร์ด้วยกันหรือ NPC แต่เมื่อได้พลัง Star power มาก็ไม่ต้องสงสัยว่าจะทำให้อาวุธ Event horizon มีพลังเทียบเท่าหรือสูงกว่าอาวุธ 7 ดาวได้เลย ยิ่งถ้าหากดาวพลังสูงมาได้ก็ยิ่งแจ๋ว พวกไวพจน์เลยตั้งเป้าภารกิจต่อไปคือการหาดาวเพื่อเอาพลัง Star power มาให้ได้

แต่มัจฉาคิดว่าการทำสัญญากับดวงดาวคงไม่หมู จะไปขอดื้อๆคงไม่มีทางยิ่งบอกมาด้วยว่าแต่ละดวงพลังไม่เท่ากัน เดาได้เลยว่าดาวที่มีพลังสูงคงไม่ได้อยู่ในกองดาวสมาพันธ์ แต่คงเป็นอวกาศหลักที่ตอนนี้เต็มไปด้วยอันตรายแล้ว นั้นทำให้ความยากเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งมัจฉายกตัวอย่างดวงจันทร์ของดาว Estillon ในกองดาวสมาพันธ์ที่มีพลัง +10,000 แต่ลาพิวต้ามีถึง +40,000 ซึ่งต่างกันอย่างชัดเจน และเป็นพลังที่สูงจนบางคนไม่เคยเห็นอาวุธพลังขนาดนี้มาก่อน ยกเว้นแต่พวกไวพจน์ที่เคยเห็น Spacesword ที่มีพลังเป็นแสนมาแล้ว

เดากันได้เลยว่าดาวที่ปลอดภัยขนาดเล็กที่ท่าทางจะยึดครองง่ายคงมีพลังน้อย แต่ดาวที่อยู่ไกลเกินเอื้อมหรือสภาพแวดล้อมวิปริตมีอันตรายคงจะมีพลังมาก ยิ่งดาวใหญ่ก็อาจจะมีผลด้วย ไวพจน์เลยตะโกนบอกเลยว่ามีภัสสรเป็นหนูลองยาอยู่แล้ว ว่าแล้วก็จิ้มตาภัสสรเข้าไปเต็มจึ้กจนภัสสรลงไปนอนดิ้นเลยทีเดียว มัจฉาเลยเตือนไวพจน์บอกว่าตอนนี้ภัสสรเป็นเพลเยอร์ที่มีความสำคัญในการจบเกมแล้ว ให้เลิกรังแกได้แล้ว ไวพจน์เลยตกใจจ๋อยเลย ภัสสรเองก็ได้ทีบอกใช่ หยุดทำร้ายเธอผู้เป็นผู้หญิงบอบบางสักที ไวพจน์เถียงว่าเคยทำแบบนั้นตอนนั้น ภัสสรเถียงกลับเลยว่าจะให้สาธยายมั้ยล่ะ วิริยาเองก็อยู่ข้างภัสสรเข้าไปกอดปกป้องอย่างดีเลยทีเดียว ไวพจน์เลยโวยว่าวิริยาเนี้ยแหละตัวดีเลย (ผู้ที่จับภัสสรโยนไปเป็นโล่บ่อยสุด)

*ตรงนี้มีหน้าอธิบายพลัง Star power แบบละเอียดยิบราวกับคู่มืออยู่ ยังมีเสริมเรื่องสล็อตความสามารถที่จะเสริมอาวุธหรือปาร์ตี้ และเรื่องระบบตัวสำรองผู้ถือครองอาวุธ Event horizon ไว้ไปอ่านกันเอาเองนะครับ มันเยอะยาวขี้เกียจพิมพ์

เมื่อจบการอธิบาย ผู้คุมก็มีคู่มือให้ไปอ่านเผื่องงด้วยโดยเฉพาะคนอย่างกานดา เมื่อฟังจบพอกานดาหันมาดูรอบๆอีกทีปรากฎว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงกานดากับผู้คุมแค่สองคนเท่านั้น กานดาเลยถามคนอื่นไปไหนหมด ผู้คุมบอกโดนวาร์ปกลับไปหมดแล้ว กานดาเพิ่งจะมารู้ตัวเรอะ และที่เหลือกันสองคนเพราะหลังจากนี้คือเรื่องสำหรับผู้ชนะเลิศอย่างกานดา โดยตอนนี้ผู้คุมกำลังพากานดาขึ้นลิฟต์แบบพื้นใสขึ้นไปยังสถานทีหนึ่งที่มีแต่ผู้ชนะเลิศจะได้ขึ้นไป

เมื่อลิฟต์ลอยขึ้นมาได้พักหนึ่งก็มีถึงพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่มากที่มีรูปร่างคล้ายดาวลาพิวต้าแบบย่อส่วนลงให้เหลือประมาณสนามฟุตบอล พื้นที่นี่ลอยอยู่เหนือเมฆของกองดาวสมาพันธ์ซึ่งโดยปกติจะมองจากข้างล่างด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่หากจะบินขึ้นมาเจอก็ได้อยู่ เพียงแต่ถึงมาเจอก็ไม่มีอะไรให้สำรวจอยู่ดีเพราะพื้นที่ก็ราบเรียบไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นหญ้าและดอกไม้ และเมื่อมาถึงผู้คุมก็เริ่มพูดบอกกานดาในฐานะผู้ชนะเลิศ

ผู้คุมคลังแสง: เอาล่ะ ผู้ชนะเลิศ
ผู้คุมคลังแสง: การต่อสู้ของนายยังไม่จบ

จบตอน


หืม... อย่าบอกนะว่าจะต้องสู้กับ Time อีก แต่กานดาก็ผ่านการทดสอบจาก Space มาแล้วจะมีของ Time อีกก็คงไม่แปลก แต่ถ้าใช่เดาได้เลยว่ากานดาคงตกใจร่างของ Time แน่ๆ 555+

หน้าเดียวตอนนี้ แต่เพราะอธิบายเกือบทั้งตอนเลยไม่มีหน้าจะลงรูปเด่นๆของตอนเลย งั้นเอาสองช่องสุดท้ายของตอนไปแก้ขัดละกันครับ