พออ่านข่าวนี้ หลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านพ้นไป (ที่หลายๆคนเรียกกันว่า รธน ต้านโกง หลายๆคนเลือกด้วยเหตผลนี้) คำถามนี้มันก็เกิดขึ้นมา
แท้จริงแล้ว จัดการนักการเมืองแล้วประเทศไทยจะเดินหน้าได้อย่างโปร่งใสจริงๆเหรอ
วันที่ 8 สิงหาคมได้มีการเผยแพร่คลิปภาพลงในโลกโซเชียลและได้มีการแชร์ภาพต่อๆ กันไป ซึ่งมีความยาวประมาณ 2.17 นาที เป็นภาพในที่ประชุมประจำเดือนกำนันผู้ใหญ่บ้านของอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช ในภาพได้มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง พูดในที่ประชุมถึงความอับอาย เสียชื่อเสียงกับการเรียกเก็บเงินตามโครงการรัฐบาล ตามสูตร 8-10-15%
ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวระบุว่า รู้สึกไม่สบายใจกับเสียงด่าของเหล่าข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พี่น้องชาวอำเภอสิชลด่า จึงอยากจะบอกให้ท่านทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เราพี่น้องชาวอำเภอสิชลที่อยู่กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ร่วมกันต่อสู้เพื่อให้เกิดเมืองนี้ เมืองแห่งการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง นั่นเป็นความภาคภูมิใจในการต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่เสียงด่าที่ดังวนเวียนเข้ามาในหูของพวกเรา ท่านเคยถามพวกเราบ้างหรือไม่ เคยถามถึงความสมัครใจกันหรือไม่ ที่สูตรลับของท่านเกิดขึ้นมาในโครงการประชารัฐของรัฐบาล พวกเรารักท่าน เคารพท่าน พอเถอะ ตนขอเถอะ ด้วยความเคารพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวจึงก้มลงกราบกับพื้น 3 ครั้ง สร้างความตกใจให้กับกำนันผู้ใหญ่บ้านพร้อมเสียงปรบมือดังสนั่นในที่ประชุม ขณะที่บนเวทีมีเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิชลนั่งอยู่ 2 คน ภายหลังผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวก้มลงกราบแล้วเสร็จจึงลุกขึ้นเดินกลับไปยังที่นั่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้พูดว่า “เอาล่ะเรื่องนี้เราคงต้องไปคุยเป็นการส่วนตัวกัน บอกแล้วว่ามีอะไรก็ให้ไปคุยกันเป็นการส่วนตัว ใครอึดอัดใจอย่างไร”
จากนั้นได้สอบถามผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่ อ.สิชล ทราบว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพจริงที่เกิดขึ้นในที่ประชุมประจำเดือนกำนันผู้ใหญ่บ้านของ อ.สิชล ขณะเดียวกันได้มีการแชร์ภาพดังกล่าวบนโลกโซเชียล คนที่แชร์ภาพต้องการให้ประชาชน ผู้รับเหมาได้รับทราบว่ามีการเรียกเก็บสูตรลับจากทางอำเภอ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นคับแค้นใจที่ถูกเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะจากโครงการประชารัฐของรัฐบาล ตามสูตรลับที่ชาวบ้าน ผู้รับเหมาโครงการรัฐบาล เพราะโครงการเหล่านี้จะต้องเป็นโครงการประชารัฐของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 2 แสน หรือตำบลละ 5 ล้านบาท
“วันนี้พวกเราผู้ใหญ่บ้านโดนด่ากันว่าหักเงินค่าโครงการประชารัฐ ตามสูตร 8-10-15 ไปจนถึงสูตร 25-30-35 จึงไม่แปลกใจว่าทำไมประชาชนถึงด่าว่าถนนทำไม่นานก็พัง หรือตลิ่งทำยังไม่เรียบร้อยผู้รับเหมาทิ้งงาน ล้วนแล้วแต่มีเหตุที่เกิดขึ้น เงินจากโครงการประชารัฐของรัฐบาลทำให้เพื่อเกิดการหมุนเวียนกันในท้องถิ่น เมื่อเงินไม่ครบตามจำนวน เนื้องานที่ออกมาก็เจียดๆ กันออกไป ผมว่าไม่เพียงแต่ที่ อ.สิชลนะ ทุกพื้นที่ก็มีทั้งนั้น ไม่เชื่อลองสอบถามดู เพียงแต่ว่าใครจะกล้าบอกเท่านั้นเอง” ผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งระบุ
ผู้ใหญ่บ้านคนเดิมกล่าวว่า คนที่ก้มกราบอยู่ในภาพ คงรู้สึกไม่ต่างไปจากตนเองอย่างแน่นอน แต่เท่าที่ทราบหลังจากเลิกประชุมแล้ว ผู้บริหารในพื้นที่ได้เรียกเข้าพูดคุย ทราบแต่เพียงเบื้องต้นว่าการเรียกเก็บเงินตามสูตรลับดังกล่าว ไม่ได้เก็บไว้ใช้เอง แต่เก็บตามใบสั่งของนาย ตามสูตรเช่นกัน ก็ต้องเก็บไปตามลำดับชั้นเช่นกัน วันนี้โครงการในพื้นที่ อ.สิชลได้ซอยออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อกระจายงาน แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ชิ้นงานที่ออกมาดูแล้วน่าเกลียด ไม่ได้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล นี่คือความอึดอัดใจของพวกเราที่เกิดขึ้น
“เหมือนโครงการที่กินกันจนพุงกางในเวลานี้ โครงการขุดลอกคลอง โครงการฝายมีชีวิต ฯลฯ เป็นการเรียกเก็บเงินค่าวัสดุอุปกรณ์สิ่งของที่สูงเกินกว่าราคาในท้องตลาด สมควรที่จะต้องมีการเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้สาธารณชนได้รับทราบกันเสียบ้าง จะได้หยุดคิด หยุดทำกัน” ผู้ใหญ่บ้านรายเดิมกล่าวอีก
ด้านนางณัฐกมล (ขอสงวนนามสกุล) ผู้รับเหมารายหนึ่งเปิดเผยว่า การเรียกเก็บเงินตามสูตร มิใช่เพิ่งเกิด เกิดมานานแล้วและมีกันทุกวงการ เพียงแต่ใครจะกล้าออกมาบอกสาธารณชน เมื่อเรียกเก็บตามสูตรแล้วทุกคนอยู่กันได้ ก็น่าจะพอใจกันทุกฝ่าย บางโครงการงบไม่มาก ผู้ใหญ่บ้านกำนันรับมาให้ลูกบ้านได้ช่วยกันทำ ยังมีการเรียกเก็บกันอีก อาทิ โครงการสร้างฝายทดน้ำในคลองแก้ปัญหาภัยแล้ง ทรายไม่ต้องหาซื้อ กระสอบบรรจุทรายต้องซื้อ ตามความจริงราคาใบละไม่เกิน 2 บาท แต่ทางข้าราชการขายในราคาใบละ 5 บาท ส่วนต่าง 3 บาท ค่าอาหารที่จะต้องทำเลี้ยงแรงงานจากชาวบ้าน คิดตามสูตร 8-10-15 บางครั้งงบแบบนี้พวกเราจะไม่รับ จะให้ท้องถิ่นรับไปเอง สูตรของพวกเราที่รับคือสูตร 10-15-20 และสูตร 25-30-35 บางโครงการใช้สูตร 30-40-50 ก็มี
“วันนี้จึงเห็นใจโครงการประชารัฐขนาดเล็กที่ลงมาถึงหมู่บ้าน ตนยังไม่เห็นคลิปดังกล่าว แต่เข้าใจว่าหากผู้ใหญ่กล้าพูดแบบนั้นก็คงจะต้องอึดอัดใจอย่างที่สุด ผู้ใหญ่เองก็น่าจะคิดให้มากๆ ก่อนที่จะปล่อยโครงการออกมาสู่มือท้องถิ่นได้ ก็น่าจะคำนวณให้เหลือพอสำหรับคนทำงานบ้าง ประโยชน์ที่ได้น้อยนิดเท่านั้น” ผู้รับเหมาระบุ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อเวลา 16.54 น. นายวชิระ พันดุสะ นายอำเภอสิชลเปิดเผยว่า ยังไม่เห็นคลิปดังกล่าว น่าจะเป็นเรื่องที่ตนเร่งรัดให้ทำงานตามโครงการรัฐบาลให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้เม็ดเงินตกถึงมือท้องถิ่นเร็วขึ้นมากกว่า ส่วนเรื่องกราบนั้นไม่มี ไม่เห็น คงไม่มีใครกราบแน่นอน กราบตอนไหน ไม่มี
ต่อข้อถามสูตรลับที่ผู้ใหญ่บ้านร้องขอให้ยกเลิกนั้น นายวชิระกล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ทราบสูตรอะไร คงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเร่งรัดเลยเครียดกัน
ขณะที่นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากเป็นงบท้องถิ่นเอาออกมาไม่ได้ ขอตรวจสอบก่อนว่าเรื่องอะไร ยังไม่เห็นคลิป มีอย่างนี้ด้วยหรือ หากจะเอาเงินจากกองทุนมาใช้คงทำไม่ได้งบโครงการ 2 แสน
cr.
http://www.matichon.co.th/news/242608
ถ้ามีรธน.ฉบบล่าสุดมาจัดการนักการเมืองแล้ว คอรัปชั่นจะหายไปจริงหรือคะ
แท้จริงแล้ว จัดการนักการเมืองแล้วประเทศไทยจะเดินหน้าได้อย่างโปร่งใสจริงๆเหรอ
วันที่ 8 สิงหาคมได้มีการเผยแพร่คลิปภาพลงในโลกโซเชียลและได้มีการแชร์ภาพต่อๆ กันไป ซึ่งมีความยาวประมาณ 2.17 นาที เป็นภาพในที่ประชุมประจำเดือนกำนันผู้ใหญ่บ้านของอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช ในภาพได้มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง พูดในที่ประชุมถึงความอับอาย เสียชื่อเสียงกับการเรียกเก็บเงินตามโครงการรัฐบาล ตามสูตร 8-10-15%
ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวระบุว่า รู้สึกไม่สบายใจกับเสียงด่าของเหล่าข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พี่น้องชาวอำเภอสิชลด่า จึงอยากจะบอกให้ท่านทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เราพี่น้องชาวอำเภอสิชลที่อยู่กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ร่วมกันต่อสู้เพื่อให้เกิดเมืองนี้ เมืองแห่งการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง นั่นเป็นความภาคภูมิใจในการต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่เสียงด่าที่ดังวนเวียนเข้ามาในหูของพวกเรา ท่านเคยถามพวกเราบ้างหรือไม่ เคยถามถึงความสมัครใจกันหรือไม่ ที่สูตรลับของท่านเกิดขึ้นมาในโครงการประชารัฐของรัฐบาล พวกเรารักท่าน เคารพท่าน พอเถอะ ตนขอเถอะ ด้วยความเคารพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวจึงก้มลงกราบกับพื้น 3 ครั้ง สร้างความตกใจให้กับกำนันผู้ใหญ่บ้านพร้อมเสียงปรบมือดังสนั่นในที่ประชุม ขณะที่บนเวทีมีเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิชลนั่งอยู่ 2 คน ภายหลังผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวก้มลงกราบแล้วเสร็จจึงลุกขึ้นเดินกลับไปยังที่นั่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้พูดว่า “เอาล่ะเรื่องนี้เราคงต้องไปคุยเป็นการส่วนตัวกัน บอกแล้วว่ามีอะไรก็ให้ไปคุยกันเป็นการส่วนตัว ใครอึดอัดใจอย่างไร”
จากนั้นได้สอบถามผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่ อ.สิชล ทราบว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพจริงที่เกิดขึ้นในที่ประชุมประจำเดือนกำนันผู้ใหญ่บ้านของ อ.สิชล ขณะเดียวกันได้มีการแชร์ภาพดังกล่าวบนโลกโซเชียล คนที่แชร์ภาพต้องการให้ประชาชน ผู้รับเหมาได้รับทราบว่ามีการเรียกเก็บสูตรลับจากทางอำเภอ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นคับแค้นใจที่ถูกเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะจากโครงการประชารัฐของรัฐบาล ตามสูตรลับที่ชาวบ้าน ผู้รับเหมาโครงการรัฐบาล เพราะโครงการเหล่านี้จะต้องเป็นโครงการประชารัฐของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 2 แสน หรือตำบลละ 5 ล้านบาท
“วันนี้พวกเราผู้ใหญ่บ้านโดนด่ากันว่าหักเงินค่าโครงการประชารัฐ ตามสูตร 8-10-15 ไปจนถึงสูตร 25-30-35 จึงไม่แปลกใจว่าทำไมประชาชนถึงด่าว่าถนนทำไม่นานก็พัง หรือตลิ่งทำยังไม่เรียบร้อยผู้รับเหมาทิ้งงาน ล้วนแล้วแต่มีเหตุที่เกิดขึ้น เงินจากโครงการประชารัฐของรัฐบาลทำให้เพื่อเกิดการหมุนเวียนกันในท้องถิ่น เมื่อเงินไม่ครบตามจำนวน เนื้องานที่ออกมาก็เจียดๆ กันออกไป ผมว่าไม่เพียงแต่ที่ อ.สิชลนะ ทุกพื้นที่ก็มีทั้งนั้น ไม่เชื่อลองสอบถามดู เพียงแต่ว่าใครจะกล้าบอกเท่านั้นเอง” ผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งระบุ
ผู้ใหญ่บ้านคนเดิมกล่าวว่า คนที่ก้มกราบอยู่ในภาพ คงรู้สึกไม่ต่างไปจากตนเองอย่างแน่นอน แต่เท่าที่ทราบหลังจากเลิกประชุมแล้ว ผู้บริหารในพื้นที่ได้เรียกเข้าพูดคุย ทราบแต่เพียงเบื้องต้นว่าการเรียกเก็บเงินตามสูตรลับดังกล่าว ไม่ได้เก็บไว้ใช้เอง แต่เก็บตามใบสั่งของนาย ตามสูตรเช่นกัน ก็ต้องเก็บไปตามลำดับชั้นเช่นกัน วันนี้โครงการในพื้นที่ อ.สิชลได้ซอยออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อกระจายงาน แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ชิ้นงานที่ออกมาดูแล้วน่าเกลียด ไม่ได้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล นี่คือความอึดอัดใจของพวกเราที่เกิดขึ้น
“เหมือนโครงการที่กินกันจนพุงกางในเวลานี้ โครงการขุดลอกคลอง โครงการฝายมีชีวิต ฯลฯ เป็นการเรียกเก็บเงินค่าวัสดุอุปกรณ์สิ่งของที่สูงเกินกว่าราคาในท้องตลาด สมควรที่จะต้องมีการเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้สาธารณชนได้รับทราบกันเสียบ้าง จะได้หยุดคิด หยุดทำกัน” ผู้ใหญ่บ้านรายเดิมกล่าวอีก
ด้านนางณัฐกมล (ขอสงวนนามสกุล) ผู้รับเหมารายหนึ่งเปิดเผยว่า การเรียกเก็บเงินตามสูตร มิใช่เพิ่งเกิด เกิดมานานแล้วและมีกันทุกวงการ เพียงแต่ใครจะกล้าออกมาบอกสาธารณชน เมื่อเรียกเก็บตามสูตรแล้วทุกคนอยู่กันได้ ก็น่าจะพอใจกันทุกฝ่าย บางโครงการงบไม่มาก ผู้ใหญ่บ้านกำนันรับมาให้ลูกบ้านได้ช่วยกันทำ ยังมีการเรียกเก็บกันอีก อาทิ โครงการสร้างฝายทดน้ำในคลองแก้ปัญหาภัยแล้ง ทรายไม่ต้องหาซื้อ กระสอบบรรจุทรายต้องซื้อ ตามความจริงราคาใบละไม่เกิน 2 บาท แต่ทางข้าราชการขายในราคาใบละ 5 บาท ส่วนต่าง 3 บาท ค่าอาหารที่จะต้องทำเลี้ยงแรงงานจากชาวบ้าน คิดตามสูตร 8-10-15 บางครั้งงบแบบนี้พวกเราจะไม่รับ จะให้ท้องถิ่นรับไปเอง สูตรของพวกเราที่รับคือสูตร 10-15-20 และสูตร 25-30-35 บางโครงการใช้สูตร 30-40-50 ก็มี
“วันนี้จึงเห็นใจโครงการประชารัฐขนาดเล็กที่ลงมาถึงหมู่บ้าน ตนยังไม่เห็นคลิปดังกล่าว แต่เข้าใจว่าหากผู้ใหญ่กล้าพูดแบบนั้นก็คงจะต้องอึดอัดใจอย่างที่สุด ผู้ใหญ่เองก็น่าจะคิดให้มากๆ ก่อนที่จะปล่อยโครงการออกมาสู่มือท้องถิ่นได้ ก็น่าจะคำนวณให้เหลือพอสำหรับคนทำงานบ้าง ประโยชน์ที่ได้น้อยนิดเท่านั้น” ผู้รับเหมาระบุ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อเวลา 16.54 น. นายวชิระ พันดุสะ นายอำเภอสิชลเปิดเผยว่า ยังไม่เห็นคลิปดังกล่าว น่าจะเป็นเรื่องที่ตนเร่งรัดให้ทำงานตามโครงการรัฐบาลให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้เม็ดเงินตกถึงมือท้องถิ่นเร็วขึ้นมากกว่า ส่วนเรื่องกราบนั้นไม่มี ไม่เห็น คงไม่มีใครกราบแน่นอน กราบตอนไหน ไม่มี
ต่อข้อถามสูตรลับที่ผู้ใหญ่บ้านร้องขอให้ยกเลิกนั้น นายวชิระกล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ทราบสูตรอะไร คงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเร่งรัดเลยเครียดกัน
ขณะที่นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากเป็นงบท้องถิ่นเอาออกมาไม่ได้ ขอตรวจสอบก่อนว่าเรื่องอะไร ยังไม่เห็นคลิป มีอย่างนี้ด้วยหรือ หากจะเอาเงินจากกองทุนมาใช้คงทำไม่ได้งบโครงการ 2 แสน
cr. http://www.matichon.co.th/news/242608