==ชะตากรรมสุดท้ายของเอกภพ (Ultimate fate of the universe) จุดจบของทุกสิ่ง รวมทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์==

ใครยังจำหนังเรื่อง 2012 ได้บ้างที่เล่าเหตุการณ์ที่ตอนนั้นกำลังจะเป็นกระแสกันมากคือโลกจะแตก







คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


โชคดีที่เรารอดเหตุการณ์นั้นมาได้อย่างหวุดหวิด โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอ่อจริงๆแล้วโลกมันก็อยู่มาตั้ง สี่พันห้าร้อยล้านปีแล้ว อยู่ๆมันจะมาโลกแตกตอนนี้หรือ ไม่ค่อยจะเป็นไปได้เท่าไหร่ แต่ถามว่าโลกนี้จะต้องพบเจอจุดจบไหม พูดให้เป็นภาพใหญ่ขึ้นไป คือ แล้วเอกภพนี้มีจุดจบไหม ปัญหานี้มีนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาข้อมูล และคำนวณออกมาแล้ว


คำตอบก็คือมีแน่นอน


กระทู้นี้เราจะตีแผ่ความลับ  ชะตากรรมสุดท้าย จุดจบของเอกภพ และแน่นอนจุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งมนุษย์ด้วย


ในเมื่อวิทยาศาสตร์มีทฤษฎีที่อธิบายการกำเนิดของเอกภพ (บิกแบง) แน่นอนวิทยาศาสตร์ก็ต้องมีทฤษฎีอธิบายจุดจบของเอกภพเช่นกัน แต่สปอยไว้ก่อนเลยว่าจุดจบนั้นน่าเศร้ายิ่งนัก







เมื่อลองคิดดูดีๆ สิ่งสำคัญของมนุษย์ก็คือชีวิต และชีวิตก็มีอยู่ด้วยเวลา นั้นเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง แม้คนไม่มีอะไรเลยก็ยังมีเวลา เวลาเป็นศัตรูอันร้ายกาจของสตรี เหล่าคนชราล้วนคิดถึงช่วงที่ยังเป็นหนุ่มสาว แต่เหล่าคนหนุ่มสาวใช้ชีวิตโดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าวันหนึ่งก็ต้องแก่ชรา  







เมื่อคิดถึงเวลาในสเกลของอวกาศ (Cosmic Time) แล้ว เรามีช่วงเวลาที่แสนสั้นในการมีชีวิตอยู่ยิ่งนัก ในการมีความรู้สึกถึงการดำรงอยู่







แม้แต่ช่วงเวลาอันสั้นที่เรามีชีวิตอยู่นั้น เราสังเกตสิ่งต่างๆก็จะเห็นว่า มันเกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ดอกไม้ที่ออกดอกสดใสสวยงาม ไม่กี่วันมันก็แห้งเหี่ยวเฉาไป มนุษย์เกิดมาแล้วก็ตายไป สิ่งของต่างๆใช้ไปนานๆก็พัง สูญสลายไปตามกาลเวลา







เอกภพก็เช่นกัน จุดจบสุดท้ายของเอกภพ เป็นหัวข้อหนึ่งในสาขาจักรวาลวิทยา (Cosmology) มีหลายความเป็นไปได้ที่ถูกทำนายโดยนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับเรื่องของรูปทรงเอกภพและบทบาทของพลังงานมืด







มีคุณลุงท่านหนึ่งแนะนำให้ผมดูซีรี่เกาหลี ทั้งๆที่แท้จริงแล้วผมเป็นแฟนพันธุ์แท้อารยธรรมตะวันตก ไม่ค่อยจะได้ดูซีรี่เกาหลีเลย แต่พอดูแล้วสนุกมาก เรื่องนั้นก็คือ Descendants of the Sun







กระทู้นี้ จุดจบของเอกภพนั้นแสนเศร้าเปิดเพลงเศร้าๆประกอบกระทู้แล้วกันนะ เพื่อเพิ่มบรรยากาศ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


พอดูไปกับรู้สึกสนุก ผูกพันกับตัวละคร ดูไปเรื่อยๆชอบทั้งพระเอกและนางเอกเลย ดูไปแล้วก็ไม่อยากให้มันจบลงเลย อย่างให้มีอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่พอถึงสุดท้ายตัวละครก็ต้องลาโลง เข้าสู่ตอนจบ อยู่ที่ว่าตอนจบนั้นจะเป็นแบบแฮปปี้เอนดิ้ง พระเอกกลับมาหานางเอก หรือจบแบบโศกนาฏกรรม (Tragedy)  พระเอกตายไป หายไปอย่างไม่มีวันกลับ


โชคร้ายที่ตอนจบของเอกภพเรา พระเอกได้หายไปไม่มีวันกลับมาพบกับนางเอกได้อีก แต่การจบแบบนี้แหละที่จะเป็นที่จดจำของผู้คนไปตลอดกาล







จุดจบของดาวโลก


สมมติว่ามนุษย์ไม่ทำสงครามทำลายล้างกันเอง ไม่ทำลายธรรมชาติจนพังจนไม่อาจหวนคืนกลับได้ ซึ่งผมเชื่อว่ามีโอกาสมากเลยที่จะเป็นแบบนี้ แต่สมมติว่าเรารอดพ้นจากเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ไปได้ ก็ยังมีสิ่งที่น่ากลัวรออยู่ ยกตัวอย่างเช่นในอีกช่วงเวลาหลายร้อยล้านปีในอนาคต มีโอกาสที่จะมีดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อยมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-10 กิโลเมตรพุ่งชนโลกทำให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่







คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

หรือมองต่อไป ในช่วงอีก 4 พันล้านปี ความส่องสว่างของดวงอาทิตย์จะมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลให้การแผ่รังสีของดวงอาทิตย์มายังโลกเพิ่มมากขึ้น เป็นผลทำให้เกิดการกัดกร่อนของซิลิเกตอย่างสูง







ซิลิเกตกคือลุ่มแร่กลุ่มหนึ่งประกอบด้วยซิลิคอน (Si) และออกซิเจน (O) เป็นหลัก มีสูตรเคมีง่าย SiO4 และอยู่ในรูปทรงสี่หน้า (tetrahedra) เกาะซึ่งกันและกัน โครงสร้างนี้อาจเกิดเป็นอิสระ เป็นกลุ่ม เป็นลูกโซ่ หรือเป็นแผ่น นอกจากนี้ยังมีธาตุอื่นเกาะเกี่ยวร่วมกำเนิดอยู่ด้วยอีกหลายธาตุ ทำให้เกิดเป็นแร่ซิลิเกตขึ้นมากมายในลักษณะผลึกต่าง ๆ กัน  


ผลลัพธ์นี้จะทำให้เกิดการลดระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซในบรรยากาศ ซึ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเป็นแหล่งหลักของคาร์บอนในสิ่งมีชีวิต และพืชก็จะขาดสิ่งหลักในการสร้างออกซิเจนในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เมื่อไม่มีก๊าซออกซิเจน สิ่งมีชีวิตก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้







และมาถึงสิ่งที่น่ากลัวที่สุดและก็ไม่มีทางหลีกหนีได้ ในช่วงอีกประมาณ 7500 ล้านปี หลังจากที่ดวงอาทิตย์เข้าสู่ภาวะดาวยักษ์แดง ดวงอาทิตย์ก็จะขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ และใหญ่มาทับกับวงโคจรของโลกในปัจจุบันและโลกก็จะร้อนสุดๆ ร้อนมากๆ จนไม่อาจเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตได้อีกตลอดกาล







หลักการคือ เมื่อไฮโดรเจนที่แก่นของดาวหลอมรวมเป็นฮีเลียมหมด ปฏิกิริยาฟิวชันที่แก่นดาวจะหยุด และเปลือกไฮโดรเจนที่ห่อหุ้มแก่นฮีเลียมจะจุดฟิวชันแทน ดาวจะขยายตัวออก ณ จุดนี้ดาวจะพ้นจากลำดับหลักกลายเป็นดาวยักษ์แดง เปลือกไฮโดรเจนที่หลอมรวมเป็นฮีเลียมจมลงสะสมตัว ทำให้เกิดแรงกดดันให้แก่นฮีเลียมร้อนขึ้นจนกระทั่งอุณหภูมิสูงถึง 100 ล้านเคลวิน ฮีเลียมก็จะจุดฟิวชันหลอมรวมเป็นธาตุหนักอื่นๆ ต่อไป ได้แก่ คาร์บอน และออกซิเจน

สนใจศึกษาต่อได้ที่
http://www.lesa.biz/astronomy/star/death-of-stars







แต่สมมติว่าตอนนั้นมนุษย์ยังอยู่และฉลาดมากๆ เราก็อาจจะละทิ้งบ้านของเราไปสู่ดาวเคราะห์ดวงอื่นก็ได้ใช่ไหม สมมติว่าเป็นแบบนั้นก็แล้วกัน แต่เมื่อถึงชะตากรรมสุดท้ายของเอกภพ มนุษย์ก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก เพราะมันคือจุดจบของทุกอย่าง แต่จุดจบของเอกภพจะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันต่อครับ




---------------------------------------------------------------





"เดี๋ยวมาเขียนต่อ ถ้าถูกใจช่วยกดบวกกดถูกใจด้วยนะครับ  ขอบคุณครับ"
-ร้อยเอกยู ชี-จิน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่