สรุป #สงครามคอนแวนต์ ไม่แย่งผู้ชายเพราะคันเหมือนที่ดราม่า

สรุปแล้ว #สงครามคอนแวนต์ ไม่ได้แย่งผู้เหมือนในตัวอย่างที่ปล่อยออกมาเลยแม้แต่น้อย(แต่ถ้าดูตัวอย่างดีๆ คำโปรยที่ หลายๆคนคนดราม่าว่า ผู้หญิง ทำได้ทุกอย่าง เพื่อผู้ชาย และหลังคำว่าผู้ชายจะมี ชัยชนะ อีกคำแทรกอยู่ และ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ)  
      เรื่องราวของโรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่ง ที่มี ควีนประจำโรงเรียนอยู่สองคน นั้นคือ #ไวโอลิน สาวหน้าเฉี่ยว มั่นๆเริดๆ ควีนสายนางแบบ และ #พิม สาวหวานมรรยาทงาม สายนางงาม ปรกติโรงเรียนจะมีควีน หรือดาวโรงเรียนแค่คนเดียว เลยทำให้โรงเรียนนี้ เกิด สงครามชิงตำแหน่งควิน แล้วก็นางเอกละครเวทีของโรงเรียน มานานเกือบหลายปีการศึกษา การแย่งชิงนี้รุนแรงกระทั่งมีการตายเกิดขึ้นในโรงเรียน  (สงครามเริ่มตั้งแต่พวกน้องๆผู้ชายจะเข้ามาเรียน)
       เมื่อถึงปีการศึกษาใหม่ โรงเรียนรับนักเรียนชายเข้ามาเรียน (ด้วยเหตุผลอะไรยังไม่แน่ใจ) และสองสาวทีมควีน ก็มีแผนการที่จะได้ ผู้ชายที่ป๊อบที่สุดของโรงเรียนมาครองเพื่อพิสุจน์ว่าตัวเองเป็นที่สุดของ ควีนเลยดันไปเลือก #ไวท์ ทั้งคู่เลยเกิดการแย่งชิง แต่ไปๆมา สองสาวก็เปลี่ยนใจมาเลือก ปอนด์ #โอม เพราะเห็นว่าโอมเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า
        ทิศทางข้างหน้าจะเป็นไงต่อไม่รู้ แต่ตอนนี้เริ่มชัดแล้วว่า นี่เป็นซีรี่ส์ที่โลกทั้งใบอยู่ในมือผู้หญิงจริงๆ มีความเป็นสตรีนิยมสูงมาก แม้กระทั่งการนำเอาสินค้าสปอนเซอร์มา ตบตีกัน เหยียบย่ำกับพื้น (นับถือสปอนเซอร์ที่ใจกล้า กับไอ้คนคิดจริงๆ) ฉากนั้น ถ้าไม่แอนตี้ โฆษณาแฝง จะเห็นเลยว่า มันบอกนิสัยตัวละครสำคัญๆในเรื่องออกมาหมดเลย
อันที่จริง วิธีเล่าเรื่องของฉากนี้เล่าเรื่องฉลาดกว่า ฉากที่เปิดตัวผู้ชายแต่ละคนแล้วมาให้ผู้หญิงไล่เล่าข้อมูลเสียอีก โดยส่วนตัวชอบที่นำเอาสินค้าสปอนเซอร์มาเสริมให้ตัวละครดูฉลาด สมเป็นควีน และได้ฟิวหนังเกาหลีที่ ตัวละคร ตบตีกันในสายอาชีพ
          ส่วนฝีมือการแสดงของน้องๆยังอยู่ในระดับที่ใช้ได้ สำหรับ นักแสดงหน้าใหม่ โดยส่วนตัวเชียร์ทีมพิมพ์ เพราะนางดูร้าย แบบควีนจริงๆ เงียบๆนิ่งๆ แต่เจ้าบงการ เดาใจไม่ออกว่านางคิดอะไร ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆก็มาคุยกับโอม แล้วเอาลูกอมให้... คงต้องติดตามกันต่อไป
          ที่ต้องพูดถึงคือ ตัวละคร ปอนด์ นำความคิด ที่ว่า การโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจ เป็นเรื่องที่ดี ตรงนี้ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ทีมกำกับก็ถ่ายทอดมันออกมาในทางบวกได้  โดยเฉพาะ ฉากแปลภาษาอังกฤษกับ ฉากกินข้าวกับแม่ ถือว่าเล่าเรื่องได้ ฉลาดและลงตัวมาก ไม่รู้สึกว่าประดิษจนเกินไป (นักแสดงเล่นออกมาได้ธรรมชาติ) แต่เสียงความคิดในหัวพิมนี้-..- (ขัดฟิว) สุดท้ายอยากฝากเรื่องการนำเอาความคิดเชิงบวกมาถ่ายทอดมากกว่า เอาความคิดสีเทา มานำเสนอ แต่ไม่รู้เรื่องนี้ยังทันอยู่มั๊ย เพราะมาถึงฉากแรกก็มีคนตายแล้ว ยังไงก็ตามเชื่อว่าทีมงานและนักแสดงชุดนี้จะสามารถทำมันออกมาได้ดีไม่แพ้กัน...



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่