...................................................................
... เขามีรูปกายงดงาม ฝีมือเก่งกาจเหนือใคร อีกทั้งได้รับพลังจากของวิเศษจนมีชีวิตเป็นอมตะ ผู้คนทั่วแผ่นดินกลับเรียกหาเขาเป็นจอมมาร หากชีวิตนับพันปีของเขาช่างไร้ความหมาย จนกระทั่ง..วันหนึ่งประตูมิติเปิดกว้าง ส่งเธอมาหล่นตุ๊บลงตรงหน้า ..
...................................................................
(◕ᴗ◕✿) ตำนานรักท่านจอมมาร (◕ᴗ◕✿)
- P1-
ปรากฏการณ์ประหลาด
(◡‿◡✿) (◠‿◠✿) (◡‿◡✿) (◠‿◠✿) (◡‿◡✿) (◠‿◠✿)
“ ไปไป.. ออกไป..”
เสียงร้องเบาๆอย่างหวาดกลัวพลางขยี้เท้าไปมาของเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกเจ็ดขวบ เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาอย่างถูกใจจากกลุ่มเด็กชายหญิงซึ่งสูงวัยกว่าห้าหกปี เด็กหญิงหนึ่งในนั้นยื่นปลายไม้เขี่ยซากกิ้งก่าทำท่าจะแหย่เข้าไปใกล้เธออีกครั้ง แต่เด็กผู้ชายอีกคนซึ่งเริ่มรู้สึกผิดรีบยื่นมือออกปากปราม
“ พอแล้วมั้งอาเหม่ย.. น้องเค้ากลัวมากเลยนะ..”
“ ก็แค่ซากกิ้งก่าตายเอง มันไม่กัดเธอหรอกน่า น่าขำจริงๆ.. พวกเด็กผู้หญิงอเมริกัน กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ฮะฮะ ”
“ แต่ถ้าเถ้าแก่หลี่รู้เข้า ว่าพวกเราแกล้งลูกสาวเขา ...”
“ โธ่เอ๊ย.. พี่น้องหยอกล้อกันเล่นหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างนึง.. แม่ฉันบอกว่า เด็กนี่ปัญญาอ่อน โตจนป่านนี้ก็ยังพูดอะไรได้ไม่กี่คำเอง รับรองว่ามันไปฟ้องใครไม่ได้หรอก ยกเว้นว่า .. นายจะไปฟ้องพ่อของเธอเสียเอง รึว่าไงอาเสียะ ?”
เด็กชายซึ่งถูกเรียก
“อาเสียะ” หันไปมอง
“ญาติผู้น้องจากต่างแดน” พลางลอบถอนใจอย่างนึกสงสาร อีกฝ่ายมีหน้าตาสะสวยน่ารักมาก น่ารักจนสะดุดตาทุกคนที่พบเห็น รูปร่างที่สูงเพรียวบอบบางน่าทนุถนอม ผิวขาวละเอียดราวหิมะ สองแก้มอมชมพูระเรื่อ ดวงตากลมโตสีดำสนิท คิ้วโก่งเข้มขับใบหน้าเยาว์ยิ่งงดงามจิ้มลิ้มพริ้มเพรา เด็กๆท้องถิ่นชนบทอย่างพวกเขา ย่อมไม่เคยเห็นเด็กหญิงที่หน้าตาหมดจดงามน่ารักขนาดนี้
อันที่จริง เขาเองก็เคยได้ยินพวกผู้ใหญ่ซุบซิบกันเรื่องลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่หลี่ หรือคุณหลี่หย่งชางคนนี้อยู่เหมือนกัน แต่เขารู้สึกว่า คำว่า
“ปัญญาอ่อน” ดูจะเป็นคำพูดที่แรงไปสักหน่อยสำหรับเธอ
“คุณหนูไอดาเลีย” ดูเผินๆก็เหมือนเด็กปกติทั่วไป เพียงแค่เธออาจจะมีนิสัยคุณหนูที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็น ต้องมีคนป้อนข้าวให้แต่งตัวให้ อีกทั้งยังไม่พูดอะไรกับใคร มักก้มหน้าไม่สบตาคน ชอบเล่นอยู่คนเดียว เด็กชายเคยได้ยินครูที่โรงเรียนเล่าให้ฟังถึงลักษณะเด็กกลุ่มพิเศษ ที่เรียกว่า
“ออทิสติก” ซึ่งเขาคาดว่าไอดาเลีย ก็น่าจะมีอาการของออทิสติกอย่างอ่อนๆเสียมากกว่า
คนในหมู่บ้านหลี่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเครือญาติที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน ฟังว่าครอบครัวของเถ้าแก่หลี่ได้อพยพออกนอกประเทศตั้งแต่สมัยยุคปฏิวัติวัฒธรรม ตัวหลี่หย่งชางเองเกิดในอเมริกาจึงได้ถือสัญชาติอเมริกัน ผ่านไปสามสิบกว่าปี จึงค่อยนำเถ้าอัฐิของพ่อแม่กลับมาฝังยังภูมิลำเนาตามคำสั่งเสียของพวกท่านก่อนล่วงลับ คนที่นี่จึงค่อยได้รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเขา แต่ก็ไม่ได้มีใครสักคนที่รู้เรื่องราวส่วนตัวของเขามากนัก
ถึงแม้รับรู้ว่าเป็น
“ญาติกัน” แต่ระยะห่างของเถาตระกูลทำให้ยากจะนับลำดับรุ่นกันได้ถูก ถึงอีกฝ่ายจะใจกว้าง เข้าร่วมงานพิธีของตระกูลอย่างไม่ถือตัว แต่ก็ยังวางตัวห่างจากทุกคนอยู่ระยะหนึ่ง ทุกคนในหมู่บ้าน จึงเรียกหาเขาว่า
“เถ้าแก่หลี่” มีทั้งด้วยความเคารพอย่างสุดหัวใจ และรู้สึกหมั่นไส้อิจฉาในบางคน
เรื่องของเถ้าแก่หลี่จึงมักถูกนำมาพูดคุยซุบซิบเล่าสู่กันลับหลัง เพราะไม่มีใครกล้าถามไถ่กันต่อหน้า สิ่งที่รู้ก็แค่คร่าวๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นนักธุรกิจทำการค้ามีฐานะอยู่ในระดับที่พอมีเงินนำมาสร้างบ้านหลังใหญ่อยู่ในตัวเมือง และสร้างโรงงานแปรรูปสินค้าทางการเกษตรส่งขายต่างมณฑล ซึ่งช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในหมู่บ้าน เพียงแต่เจ้าตัวจะส่งคนมาดูแลแทน ปีเว้นปีจึงค่อยเดินทางมาด้วยตัวเองในช่วงเทศกาลไหว้บรรพบุรุษ แรกๆก็มักมาเพียงลำพัง หลังๆค่อยพาครอบครัวมาด้วย
ไอดาเลียเป็นลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่หลี่ นี่เป็นปีแรกที่บิดาพาเธอมาที่นี่ ก่อนหน้านี้เมื่อสองสามปีก่อนเถ้าแก่หลี่เคยมากับลูกชายอีกสองคน ซึ่งชื่ออะไรแล้วอาเสียะก็นึกไม่ออก จำได้แค่ว่าสองคนนั่นรูปร่างสูงใหญ่ เค้าหน้าไปทางฝรั่งชัด แถมผมยังมีสีน้ำตาลทอง ยิ่งแตกเนื้อหนุ่มยิ่งหน้าตาหล่อเหลาคมสัน จนสาวๆในหมู่บ้านแอบเพ้อถึง กันไปเป็นเดือนๆ
(◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿)
คุณหนูไอดาเลียผู้แสนน่ารักยังคงหน้าก้มมองพื้น พลางยกมือไม้ปัดอากาศไปมา
ตุ๊กตาแสนสวยที่ยิ่งถูกแหย่ก็ยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นสองเท่า ยิ่งปลุกอารมณ์คนลงมือให้ยิ่งรู้สึกสนุกสนาน อันที่จริงเหล่าเด็กกลุ่มนี้ ก็ไม่ได้ประสงค์ร้าย เพียงแค่รู้สึกว่าท่าทางตื่นกลัวของเธอดูน่ามอง ยิ่งร้องไห้ก็ยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นเป็นพิเศษ จะว่าไปดีกว่าท่าทางนิ่งๆเฉยๆหรือท่าแอบหลังผู้ใหญ่ขดตัวเหนียมอายเป็นไหนๆ
กะว่าจะแหย่ให้ร้องอีกสักครู่ประเดี๋ยวค่อยปลอบ แต่ไม่คาดคิดอาเหม่ยกลับลืมตัวแหย่
“หนักมือ” ไปหน่อย
ซากกิ้งก่าตัวนั้นถูกโยนออกไป.. กะระยะพลาด.. แทนที่จะตกลงบนพื้นแทบเท้า แต่กลับโยนกระทบหน้าอก แล้วหล่นตุ๊บลงไปในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่าย
“ กรี๊ดดดดดดด..”
เด็กหญิงกรีดเสียงดังลั่น คราวนี้ยาวนานจนสะกดเด็กทุกคนในกลุ่มให้ตะลึงจังงังอย่างคาดไม่ถึง ขณะทั้งหมดเริ่มรู้สึกผิดและใจเสีย แต่ยังไม่ทันที่ใครสักคนจะรีบถลันเข้าไปปลอบ ทันใดนั้นเอง อยู่ๆท้องฟ้าพลันมืดครื้มลง สายฟ้าแลบแปลบปลาบ ก่อนจะฉายแสงวาบใส่ยอดต้นไม้ใหญ่อีกต้นซึ่งอยู่ห่างไปราวสิบกว่าก้าว
เสียงเปรี้ยงดังสนั่นหวั่นไหว กระชากขวัญวิญญาณของเด็กทุกคนจนกระเจิง กิ่งไม้ใหญ่ท่อนหนึ่งหักโค่นลงมา ทั้งหมดวิ่งหลบกันอย่างแตกตื่น มีเพียงอาเสียะที่ได้สติก่อนใครเพื่อน รีบชะงักฝีเท้าหลังจากวิ่งมาได้ห้าหกก้าว หันขวับกลับไปกวาดตามองยังที่เดิม พลางร้องตะโกนถามอย่างร้อนรน
“ คุณหนูล่ะ..? ”
หากแต่ตรงนั้น ไม่มีร่างใครอีกแล้ว เด็กชายรุ่นพี่ฉุกใจคิดแล้วใจหาย รีบโถมไปยังกิ่งไม้ใหญ่ซึ่งพาดขวางหน้าอยู่บนพื้น พลางแหวกหาร่างของใครบางคนซึ่งเกรงว่าอาจจะถูกทับอยู่ใต้กองพุ่มใบหนาทึบของมัน
แต่ก็หาไม่เจอ !
“ ไม่รู้คุณหนูหายไปไหน พวกเราช่วยหากันเถอะ ”
ทว่า ณ ที่ตรงนั้น นอกจากเขาก็เหลือเพียงอาเหม่ยแค่คนเดียว ส่วนคนอื่นๆ ต่างหนีฟ้าผ่ากันกระเจิงไปคนละทิศละทาง
เวลานั้นลมยิ่งมายิ่งพัดแรงจนเสียงดังอื้ออึง บนภูเขาหลังหมู่บ้านแว่วยินเสียงดังอี๊ดอ๊าดแล้วตามมาด้วยเสียงครืนๆ อาเหว่ยหน้าซีดเผือด รีบสะอึกกายมาข้างๆญาติผู้น้องกล่าวอย่างหวาดหวั่น
“ บอกได้ไหมนี่มันเกิดอะไรขึ้น ”
“ ฉันก็ไม่รู้..”
“ อาเสียะ.. เธอรู้สึกมั้ย ว่าพื้นมันโคลงเคลง..”
“ อา.. ระ..รึ ว่า.. ผะ..แผ่นดินไหว ? ”
“ เรา ..รีบหนีกันเถอะ..”
“ แต่ว่าคุณหนู.. ”
อาเหม่ยกลับรีบคว้าข้อมือของเขา เขย่าพลางบอกอย่างเร่งร้อน
“ คุณหนูอะไรล่ะ พวกเราจะช่วยอะไรได้ ตรงนี้อันตราย .. ฟ้าอาจจะผ่าลงมาอีกก็ได้ ระ..เรากลับไปพวกผู้ใหญ่ มะ..มาช่วยค้นหาดีกว่า ”
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของชายฉกรรจ์ในสูทสีดำสามคน พากันวิ่งถาโถมตรงเข้ามาทางนี้ พอเห็นเด็กชายหญิงทั้งสองวิ่งสวนกันมา หนึ่งในนั้นจึงรีบยื่นมือคว้าแขนไว้คนละข้าง ฉุดรั้งไว้กระชากเสียงถาม
“ คุณหนูไอดาเลียอยู่ไหน ..”
อาเหม่ยพยายามสะบัดแขนหนีพลางร้องปฏิเสธ “ ไม่รู้ ”
เด็กทั้งสองค่อยนึกออกและจำได้ ว่าคนเหล่านี้เป็นบอดี้การ์ดผู้ติดตามของเถ้าแก่หลี่นั่นเอง
“ เหลวไหล พวกเราได้ยินเสียงร้องของคุณหนูทางนี้ บอกมาว่า เกิดอะไรขึ้น ? ”
“ ใช่ๆเมื่อตะกี้พวกเราเล่นอยู่กับคุณหนูตรงนั้น แต่อยู่ๆฟ้าก็ผ่าลงมา กิ่งไม้นั่นหักโค่น แล้วพวกเราก็ไม่เห็นว่าคุณหนูวิ่งไปทางไหน ”
เด็กหญิงรีบชิงร้องบอกออกไป โดยปกปิดเรื่องที่พวกเธอแกล้งแหย่คุณหนูไอดาเลียจนร้องไห้ บางทีคุณหนูก็อาจจะตกใจเสียงฟ้า จนวิ่งหนีเตลิดไปเหมือนพวกเธอก็ได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหญิงคนนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติ หาได้เกี่ยวกับเธอไม่
“ คุณหนูอาจจะวิ่งเตลิดขึ้นเขาไปทางนั้น ? ”
บอดี้การ์ดหนุ่มผิวขาวผมทองตัดสั้นรูปร่างสันทัดแต่ดูแคล่วคล่อง ชี้นิ้วไปยังทางเดินเล็กๆสองสาย ซึ่งทอดยาวขึ้นไปบนภูเขาเตี้ยๆเบื้องหน้าพลางหันมาออกความเห็นกับบุรุษใบหน้าเรียบนิ่งเย็นชาแฝงแววเหี้ยมเกรียมคนที่คร่ากุมเด็กทั้งสองซึ่งท่าทางดูอาวุโสเป็นผู้นำ เขาพยักหน้ารับ คลายมือออกปล่อยแขนเล็กๆทั้งสองข้างเป็นอิสระ พลางสั่งการ
“ เจสัน.. นายค้นแถบนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง ส่วนฉันกับอาร์เธ่อจะแยกย้ายกันไปตามบนเขา “
เจสันพยักหน้ารับทราบ อีกคนซึ่งผิวสีเข้มร่างสูงกำยำศีรษะโล้นเลี่ยนใบหน้าไว้หนวดเคราสั้นตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบดูคมสัน ทอดสายตาไปทางภูเขาเบื้องหน้ากล่าวเสียงเครียด
“ ฉันจะไปเส้นทางซ้าย ส่วนอีริค..นายไปทางขวา รีบไปเถอะ..ถ้าคุณหนูวิ่งขึ้นเขาไปจริงๆ คงยังไปได้ไม่ไกล ”
พูดจบก็ชิงโถมตัวออกไปเป็นคนแรก
พอทั้งสามแยกย้ายกันไปหมด อาเหม่ยค่อยฉวยแขนชวนญาติผู้น้อง
“ อาเสียะ.. คุณหนูมีคนไปตามหากันแล้ว งั้นพวกเรากลับบ้านกันเถอะ..”
หากร่างของเด็กชายยังคงยืนนิ่งราวเสาไม้ปักแน่นบนพื้น หรี่ตาเขม้นมองเด็กหญิงที่อายุมากกว่าเพียงแค่ปีเดียวอย่างรู้สึกผิดหวังระคนชิงชัง
“ ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะไม่รับผิดชอบ อยากกลับก็กลับไปคนเดียวเถอะ.. ถ้าฉันยังไม่เห็นกับตาว่าคุณหนูปลอดภัย ฉันก็จะไม่กลับไปเด็ดขาด ! ”
พูดจบก็สะบัดแขนจากการจับกุม แล้ววิ่งโถมปีนขึ้นเขาไปทางโขดหุ่มตะปุ่มตะป่ำซึ่งปกคลุมด้วยดงเถาวัลย์รกชัฏซึ่งอยู่ระหว่างเส้นทางเดินเล็กๆทั้งสองสาย อย่างเด็ดเดี่ยวไม่สนใจกับเสียงครืนครั่นและอาการสั่นสะเทือนของพื้นดินที่ยังมาเป็นพักๆและถี่ๆ
อาเหม่ยกลืนน้ำลายลงคอ ทำท่าจะตามไปด้วยแต่พอพื้นดินโคลงเคลงอีกครั้งก็ได้แต่ชะงักแล้วเปลี่ยนใจ ถอนใจยาวพึมพำอย่างขลาดเขลาแกมขัดเคือง
“ ตามใจ.. นายโง่และดื้อเองนะอาเสียะ.. ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาย ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน.. จำไว้ ”
(◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿) (◕◡◕✿)
(◕ᴗ◕✿) ตำนานรักท่านจอมมาร (P1-2) (◕ᴗ◕✿)
... เขามีรูปกายงดงาม ฝีมือเก่งกาจเหนือใคร อีกทั้งได้รับพลังจากของวิเศษจนมีชีวิตเป็นอมตะ ผู้คนทั่วแผ่นดินกลับเรียกหาเขาเป็นจอมมาร หากชีวิตนับพันปีของเขาช่างไร้ความหมาย จนกระทั่ง..วันหนึ่งประตูมิติเปิดกว้าง ส่งเธอมาหล่นตุ๊บลงตรงหน้า ..
...................................................................
“ ไปไป.. ออกไป..”
เสียงร้องเบาๆอย่างหวาดกลัวพลางขยี้เท้าไปมาของเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกเจ็ดขวบ เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาอย่างถูกใจจากกลุ่มเด็กชายหญิงซึ่งสูงวัยกว่าห้าหกปี เด็กหญิงหนึ่งในนั้นยื่นปลายไม้เขี่ยซากกิ้งก่าทำท่าจะแหย่เข้าไปใกล้เธออีกครั้ง แต่เด็กผู้ชายอีกคนซึ่งเริ่มรู้สึกผิดรีบยื่นมือออกปากปราม
“ พอแล้วมั้งอาเหม่ย.. น้องเค้ากลัวมากเลยนะ..”
“ ก็แค่ซากกิ้งก่าตายเอง มันไม่กัดเธอหรอกน่า น่าขำจริงๆ.. พวกเด็กผู้หญิงอเมริกัน กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ฮะฮะ ”
“ แต่ถ้าเถ้าแก่หลี่รู้เข้า ว่าพวกเราแกล้งลูกสาวเขา ...”
“ โธ่เอ๊ย.. พี่น้องหยอกล้อกันเล่นหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างนึง.. แม่ฉันบอกว่า เด็กนี่ปัญญาอ่อน โตจนป่านนี้ก็ยังพูดอะไรได้ไม่กี่คำเอง รับรองว่ามันไปฟ้องใครไม่ได้หรอก ยกเว้นว่า .. นายจะไปฟ้องพ่อของเธอเสียเอง รึว่าไงอาเสียะ ?”
เด็กชายซึ่งถูกเรียก “อาเสียะ” หันไปมอง “ญาติผู้น้องจากต่างแดน” พลางลอบถอนใจอย่างนึกสงสาร อีกฝ่ายมีหน้าตาสะสวยน่ารักมาก น่ารักจนสะดุดตาทุกคนที่พบเห็น รูปร่างที่สูงเพรียวบอบบางน่าทนุถนอม ผิวขาวละเอียดราวหิมะ สองแก้มอมชมพูระเรื่อ ดวงตากลมโตสีดำสนิท คิ้วโก่งเข้มขับใบหน้าเยาว์ยิ่งงดงามจิ้มลิ้มพริ้มเพรา เด็กๆท้องถิ่นชนบทอย่างพวกเขา ย่อมไม่เคยเห็นเด็กหญิงที่หน้าตาหมดจดงามน่ารักขนาดนี้
อันที่จริง เขาเองก็เคยได้ยินพวกผู้ใหญ่ซุบซิบกันเรื่องลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่หลี่ หรือคุณหลี่หย่งชางคนนี้อยู่เหมือนกัน แต่เขารู้สึกว่า คำว่า “ปัญญาอ่อน” ดูจะเป็นคำพูดที่แรงไปสักหน่อยสำหรับเธอ “คุณหนูไอดาเลีย” ดูเผินๆก็เหมือนเด็กปกติทั่วไป เพียงแค่เธออาจจะมีนิสัยคุณหนูที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็น ต้องมีคนป้อนข้าวให้แต่งตัวให้ อีกทั้งยังไม่พูดอะไรกับใคร มักก้มหน้าไม่สบตาคน ชอบเล่นอยู่คนเดียว เด็กชายเคยได้ยินครูที่โรงเรียนเล่าให้ฟังถึงลักษณะเด็กกลุ่มพิเศษ ที่เรียกว่า “ออทิสติก” ซึ่งเขาคาดว่าไอดาเลีย ก็น่าจะมีอาการของออทิสติกอย่างอ่อนๆเสียมากกว่า
คนในหมู่บ้านหลี่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเครือญาติที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน ฟังว่าครอบครัวของเถ้าแก่หลี่ได้อพยพออกนอกประเทศตั้งแต่สมัยยุคปฏิวัติวัฒธรรม ตัวหลี่หย่งชางเองเกิดในอเมริกาจึงได้ถือสัญชาติอเมริกัน ผ่านไปสามสิบกว่าปี จึงค่อยนำเถ้าอัฐิของพ่อแม่กลับมาฝังยังภูมิลำเนาตามคำสั่งเสียของพวกท่านก่อนล่วงลับ คนที่นี่จึงค่อยได้รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเขา แต่ก็ไม่ได้มีใครสักคนที่รู้เรื่องราวส่วนตัวของเขามากนัก
ถึงแม้รับรู้ว่าเป็น “ญาติกัน” แต่ระยะห่างของเถาตระกูลทำให้ยากจะนับลำดับรุ่นกันได้ถูก ถึงอีกฝ่ายจะใจกว้าง เข้าร่วมงานพิธีของตระกูลอย่างไม่ถือตัว แต่ก็ยังวางตัวห่างจากทุกคนอยู่ระยะหนึ่ง ทุกคนในหมู่บ้าน จึงเรียกหาเขาว่า “เถ้าแก่หลี่” มีทั้งด้วยความเคารพอย่างสุดหัวใจ และรู้สึกหมั่นไส้อิจฉาในบางคน
เรื่องของเถ้าแก่หลี่จึงมักถูกนำมาพูดคุยซุบซิบเล่าสู่กันลับหลัง เพราะไม่มีใครกล้าถามไถ่กันต่อหน้า สิ่งที่รู้ก็แค่คร่าวๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นนักธุรกิจทำการค้ามีฐานะอยู่ในระดับที่พอมีเงินนำมาสร้างบ้านหลังใหญ่อยู่ในตัวเมือง และสร้างโรงงานแปรรูปสินค้าทางการเกษตรส่งขายต่างมณฑล ซึ่งช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในหมู่บ้าน เพียงแต่เจ้าตัวจะส่งคนมาดูแลแทน ปีเว้นปีจึงค่อยเดินทางมาด้วยตัวเองในช่วงเทศกาลไหว้บรรพบุรุษ แรกๆก็มักมาเพียงลำพัง หลังๆค่อยพาครอบครัวมาด้วย
ไอดาเลียเป็นลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่หลี่ นี่เป็นปีแรกที่บิดาพาเธอมาที่นี่ ก่อนหน้านี้เมื่อสองสามปีก่อนเถ้าแก่หลี่เคยมากับลูกชายอีกสองคน ซึ่งชื่ออะไรแล้วอาเสียะก็นึกไม่ออก จำได้แค่ว่าสองคนนั่นรูปร่างสูงใหญ่ เค้าหน้าไปทางฝรั่งชัด แถมผมยังมีสีน้ำตาลทอง ยิ่งแตกเนื้อหนุ่มยิ่งหน้าตาหล่อเหลาคมสัน จนสาวๆในหมู่บ้านแอบเพ้อถึง กันไปเป็นเดือนๆ
คุณหนูไอดาเลียผู้แสนน่ารักยังคงหน้าก้มมองพื้น พลางยกมือไม้ปัดอากาศไปมา
ตุ๊กตาแสนสวยที่ยิ่งถูกแหย่ก็ยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นสองเท่า ยิ่งปลุกอารมณ์คนลงมือให้ยิ่งรู้สึกสนุกสนาน อันที่จริงเหล่าเด็กกลุ่มนี้ ก็ไม่ได้ประสงค์ร้าย เพียงแค่รู้สึกว่าท่าทางตื่นกลัวของเธอดูน่ามอง ยิ่งร้องไห้ก็ยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นเป็นพิเศษ จะว่าไปดีกว่าท่าทางนิ่งๆเฉยๆหรือท่าแอบหลังผู้ใหญ่ขดตัวเหนียมอายเป็นไหนๆ
กะว่าจะแหย่ให้ร้องอีกสักครู่ประเดี๋ยวค่อยปลอบ แต่ไม่คาดคิดอาเหม่ยกลับลืมตัวแหย่ “หนักมือ” ไปหน่อย
ซากกิ้งก่าตัวนั้นถูกโยนออกไป.. กะระยะพลาด.. แทนที่จะตกลงบนพื้นแทบเท้า แต่กลับโยนกระทบหน้าอก แล้วหล่นตุ๊บลงไปในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่าย
“ กรี๊ดดดดดดด..”
เด็กหญิงกรีดเสียงดังลั่น คราวนี้ยาวนานจนสะกดเด็กทุกคนในกลุ่มให้ตะลึงจังงังอย่างคาดไม่ถึง ขณะทั้งหมดเริ่มรู้สึกผิดและใจเสีย แต่ยังไม่ทันที่ใครสักคนจะรีบถลันเข้าไปปลอบ ทันใดนั้นเอง อยู่ๆท้องฟ้าพลันมืดครื้มลง สายฟ้าแลบแปลบปลาบ ก่อนจะฉายแสงวาบใส่ยอดต้นไม้ใหญ่อีกต้นซึ่งอยู่ห่างไปราวสิบกว่าก้าว
เสียงเปรี้ยงดังสนั่นหวั่นไหว กระชากขวัญวิญญาณของเด็กทุกคนจนกระเจิง กิ่งไม้ใหญ่ท่อนหนึ่งหักโค่นลงมา ทั้งหมดวิ่งหลบกันอย่างแตกตื่น มีเพียงอาเสียะที่ได้สติก่อนใครเพื่อน รีบชะงักฝีเท้าหลังจากวิ่งมาได้ห้าหกก้าว หันขวับกลับไปกวาดตามองยังที่เดิม พลางร้องตะโกนถามอย่างร้อนรน
“ คุณหนูล่ะ..? ”
หากแต่ตรงนั้น ไม่มีร่างใครอีกแล้ว เด็กชายรุ่นพี่ฉุกใจคิดแล้วใจหาย รีบโถมไปยังกิ่งไม้ใหญ่ซึ่งพาดขวางหน้าอยู่บนพื้น พลางแหวกหาร่างของใครบางคนซึ่งเกรงว่าอาจจะถูกทับอยู่ใต้กองพุ่มใบหนาทึบของมัน
แต่ก็หาไม่เจอ !
“ ไม่รู้คุณหนูหายไปไหน พวกเราช่วยหากันเถอะ ”
ทว่า ณ ที่ตรงนั้น นอกจากเขาก็เหลือเพียงอาเหม่ยแค่คนเดียว ส่วนคนอื่นๆ ต่างหนีฟ้าผ่ากันกระเจิงไปคนละทิศละทาง
เวลานั้นลมยิ่งมายิ่งพัดแรงจนเสียงดังอื้ออึง บนภูเขาหลังหมู่บ้านแว่วยินเสียงดังอี๊ดอ๊าดแล้วตามมาด้วยเสียงครืนๆ อาเหว่ยหน้าซีดเผือด รีบสะอึกกายมาข้างๆญาติผู้น้องกล่าวอย่างหวาดหวั่น
“ บอกได้ไหมนี่มันเกิดอะไรขึ้น ”
“ ฉันก็ไม่รู้..”
“ อาเสียะ.. เธอรู้สึกมั้ย ว่าพื้นมันโคลงเคลง..”
“ อา.. ระ..รึ ว่า.. ผะ..แผ่นดินไหว ? ”
“ เรา ..รีบหนีกันเถอะ..”
“ แต่ว่าคุณหนู.. ”
อาเหม่ยกลับรีบคว้าข้อมือของเขา เขย่าพลางบอกอย่างเร่งร้อน
“ คุณหนูอะไรล่ะ พวกเราจะช่วยอะไรได้ ตรงนี้อันตราย .. ฟ้าอาจจะผ่าลงมาอีกก็ได้ ระ..เรากลับไปพวกผู้ใหญ่ มะ..มาช่วยค้นหาดีกว่า ”
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของชายฉกรรจ์ในสูทสีดำสามคน พากันวิ่งถาโถมตรงเข้ามาทางนี้ พอเห็นเด็กชายหญิงทั้งสองวิ่งสวนกันมา หนึ่งในนั้นจึงรีบยื่นมือคว้าแขนไว้คนละข้าง ฉุดรั้งไว้กระชากเสียงถาม
“ คุณหนูไอดาเลียอยู่ไหน ..”
อาเหม่ยพยายามสะบัดแขนหนีพลางร้องปฏิเสธ “ ไม่รู้ ”
เด็กทั้งสองค่อยนึกออกและจำได้ ว่าคนเหล่านี้เป็นบอดี้การ์ดผู้ติดตามของเถ้าแก่หลี่นั่นเอง
“ เหลวไหล พวกเราได้ยินเสียงร้องของคุณหนูทางนี้ บอกมาว่า เกิดอะไรขึ้น ? ”
“ ใช่ๆเมื่อตะกี้พวกเราเล่นอยู่กับคุณหนูตรงนั้น แต่อยู่ๆฟ้าก็ผ่าลงมา กิ่งไม้นั่นหักโค่น แล้วพวกเราก็ไม่เห็นว่าคุณหนูวิ่งไปทางไหน ”
เด็กหญิงรีบชิงร้องบอกออกไป โดยปกปิดเรื่องที่พวกเธอแกล้งแหย่คุณหนูไอดาเลียจนร้องไห้ บางทีคุณหนูก็อาจจะตกใจเสียงฟ้า จนวิ่งหนีเตลิดไปเหมือนพวกเธอก็ได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหญิงคนนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติ หาได้เกี่ยวกับเธอไม่
“ คุณหนูอาจจะวิ่งเตลิดขึ้นเขาไปทางนั้น ? ”
บอดี้การ์ดหนุ่มผิวขาวผมทองตัดสั้นรูปร่างสันทัดแต่ดูแคล่วคล่อง ชี้นิ้วไปยังทางเดินเล็กๆสองสาย ซึ่งทอดยาวขึ้นไปบนภูเขาเตี้ยๆเบื้องหน้าพลางหันมาออกความเห็นกับบุรุษใบหน้าเรียบนิ่งเย็นชาแฝงแววเหี้ยมเกรียมคนที่คร่ากุมเด็กทั้งสองซึ่งท่าทางดูอาวุโสเป็นผู้นำ เขาพยักหน้ารับ คลายมือออกปล่อยแขนเล็กๆทั้งสองข้างเป็นอิสระ พลางสั่งการ
“ เจสัน.. นายค้นแถบนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง ส่วนฉันกับอาร์เธ่อจะแยกย้ายกันไปตามบนเขา “
เจสันพยักหน้ารับทราบ อีกคนซึ่งผิวสีเข้มร่างสูงกำยำศีรษะโล้นเลี่ยนใบหน้าไว้หนวดเคราสั้นตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบดูคมสัน ทอดสายตาไปทางภูเขาเบื้องหน้ากล่าวเสียงเครียด
“ ฉันจะไปเส้นทางซ้าย ส่วนอีริค..นายไปทางขวา รีบไปเถอะ..ถ้าคุณหนูวิ่งขึ้นเขาไปจริงๆ คงยังไปได้ไม่ไกล ”
พูดจบก็ชิงโถมตัวออกไปเป็นคนแรก
พอทั้งสามแยกย้ายกันไปหมด อาเหม่ยค่อยฉวยแขนชวนญาติผู้น้อง
“ อาเสียะ.. คุณหนูมีคนไปตามหากันแล้ว งั้นพวกเรากลับบ้านกันเถอะ..”
หากร่างของเด็กชายยังคงยืนนิ่งราวเสาไม้ปักแน่นบนพื้น หรี่ตาเขม้นมองเด็กหญิงที่อายุมากกว่าเพียงแค่ปีเดียวอย่างรู้สึกผิดหวังระคนชิงชัง
“ ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะไม่รับผิดชอบ อยากกลับก็กลับไปคนเดียวเถอะ.. ถ้าฉันยังไม่เห็นกับตาว่าคุณหนูปลอดภัย ฉันก็จะไม่กลับไปเด็ดขาด ! ”
พูดจบก็สะบัดแขนจากการจับกุม แล้ววิ่งโถมปีนขึ้นเขาไปทางโขดหุ่มตะปุ่มตะป่ำซึ่งปกคลุมด้วยดงเถาวัลย์รกชัฏซึ่งอยู่ระหว่างเส้นทางเดินเล็กๆทั้งสองสาย อย่างเด็ดเดี่ยวไม่สนใจกับเสียงครืนครั่นและอาการสั่นสะเทือนของพื้นดินที่ยังมาเป็นพักๆและถี่ๆ
อาเหม่ยกลืนน้ำลายลงคอ ทำท่าจะตามไปด้วยแต่พอพื้นดินโคลงเคลงอีกครั้งก็ได้แต่ชะงักแล้วเปลี่ยนใจ ถอนใจยาวพึมพำอย่างขลาดเขลาแกมขัดเคือง
“ ตามใจ.. นายโง่และดื้อเองนะอาเสียะ.. ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาย ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน.. จำไว้ ”