(◕ᴗ◕✿) ตำนานรักท่านจอมมาร (P1-2) (◕ᴗ◕✿)

กระทู้สนทนา
...................................................................

... เขามีรูปกายงดงาม ฝีมือเก่งกาจเหนือใคร อีกทั้งได้รับพลังจากของวิเศษจนมีชีวิตเป็นอมตะ ผู้คนทั่วแผ่นดินกลับเรียกหาเขาเป็นจอมมาร หากชีวิตนับพันปีของเขาช่างไร้ความหมาย จนกระทั่ง..วันหนึ่งประตูมิติเปิดกว้าง ส่งเธอมาหล่นตุ๊บลงตรงหน้า ..

...................................................................



(◕ᴗ◕✿) ตำนานรักท่านจอมมาร (◕ᴗ◕✿)

- P1-

ปรากฏการณ์ประหลาด


(◡‿◡✿) (◠‿◠✿) (◡‿◡✿) (◠‿◠✿) (◡‿◡✿) (◠‿◠✿)



                “ ไปไป.. ออกไป..”

                เสียงร้องเบาๆอย่างหวาดกลัวพลางขยี้เท้าไปมาของเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกเจ็ดขวบ เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาอย่างถูกใจจากกลุ่มเด็กชายหญิงซึ่งสูงวัยกว่าห้าหกปี เด็กหญิงหนึ่งในนั้นยื่นปลายไม้เขี่ยซากกิ้งก่าทำท่าจะแหย่เข้าไปใกล้เธออีกครั้ง แต่เด็กผู้ชายอีกคนซึ่งเริ่มรู้สึกผิดรีบยื่นมือออกปากปราม

                “  พอแล้วมั้งอาเหม่ย..  น้องเค้ากลัวมากเลยนะ..”

                “  ก็แค่ซากกิ้งก่าตายเอง มันไม่กัดเธอหรอกน่า น่าขำจริงๆ.. พวกเด็กผู้หญิงอเมริกัน กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ฮะฮะ ”

                “  แต่ถ้าเถ้าแก่หลี่รู้เข้า ว่าพวกเราแกล้งลูกสาวเขา ...”

                “  โธ่เอ๊ย.. พี่น้องหยอกล้อกันเล่นหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  อีกอย่างนึง.. แม่ฉันบอกว่า เด็กนี่ปัญญาอ่อน โตจนป่านนี้ก็ยังพูดอะไรได้ไม่กี่คำเอง รับรองว่ามันไปฟ้องใครไม่ได้หรอก ยกเว้นว่า .. นายจะไปฟ้องพ่อของเธอเสียเอง   รึว่าไงอาเสียะ ?”

                เด็กชายซึ่งถูกเรียก “อาเสียะ” หันไปมอง “ญาติผู้น้องจากต่างแดน” พลางลอบถอนใจอย่างนึกสงสาร อีกฝ่ายมีหน้าตาสะสวยน่ารักมาก น่ารักจนสะดุดตาทุกคนที่พบเห็น รูปร่างที่สูงเพรียวบอบบางน่าทนุถนอม ผิวขาวละเอียดราวหิมะ สองแก้มอมชมพูระเรื่อ ดวงตากลมโตสีดำสนิท คิ้วโก่งเข้มขับใบหน้าเยาว์ยิ่งงดงามจิ้มลิ้มพริ้มเพรา เด็กๆท้องถิ่นชนบทอย่างพวกเขา ย่อมไม่เคยเห็นเด็กหญิงที่หน้าตาหมดจดงามน่ารักขนาดนี้

                อันที่จริง เขาเองก็เคยได้ยินพวกผู้ใหญ่ซุบซิบกันเรื่องลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่หลี่ หรือคุณหลี่หย่งชางคนนี้อยู่เหมือนกัน  แต่เขารู้สึกว่า คำว่า “ปัญญาอ่อน” ดูจะเป็นคำพูดที่แรงไปสักหน่อยสำหรับเธอ  “คุณหนูไอดาเลีย” ดูเผินๆก็เหมือนเด็กปกติทั่วไป เพียงแค่เธออาจจะมีนิสัยคุณหนูที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็น  ต้องมีคนป้อนข้าวให้แต่งตัวให้  อีกทั้งยังไม่พูดอะไรกับใคร มักก้มหน้าไม่สบตาคน ชอบเล่นอยู่คนเดียว เด็กชายเคยได้ยินครูที่โรงเรียนเล่าให้ฟังถึงลักษณะเด็กกลุ่มพิเศษ ที่เรียกว่า “ออทิสติก” ซึ่งเขาคาดว่าไอดาเลีย ก็น่าจะมีอาการของออทิสติกอย่างอ่อนๆเสียมากกว่า

                คนในหมู่บ้านหลี่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเครือญาติที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน ฟังว่าครอบครัวของเถ้าแก่หลี่ได้อพยพออกนอกประเทศตั้งแต่สมัยยุคปฏิวัติวัฒธรรม ตัวหลี่หย่งชางเองเกิดในอเมริกาจึงได้ถือสัญชาติอเมริกัน  ผ่านไปสามสิบกว่าปี จึงค่อยนำเถ้าอัฐิของพ่อแม่กลับมาฝังยังภูมิลำเนาตามคำสั่งเสียของพวกท่านก่อนล่วงลับ คนที่นี่จึงค่อยได้รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเขา แต่ก็ไม่ได้มีใครสักคนที่รู้เรื่องราวส่วนตัวของเขามากนัก

                ถึงแม้รับรู้ว่าเป็น “ญาติกัน” แต่ระยะห่างของเถาตระกูลทำให้ยากจะนับลำดับรุ่นกันได้ถูก ถึงอีกฝ่ายจะใจกว้าง เข้าร่วมงานพิธีของตระกูลอย่างไม่ถือตัว แต่ก็ยังวางตัวห่างจากทุกคนอยู่ระยะหนึ่ง ทุกคนในหมู่บ้าน จึงเรียกหาเขาว่า “เถ้าแก่หลี่” มีทั้งด้วยความเคารพอย่างสุดหัวใจ และรู้สึกหมั่นไส้อิจฉาในบางคน



                เรื่องของเถ้าแก่หลี่จึงมักถูกนำมาพูดคุยซุบซิบเล่าสู่กันลับหลัง เพราะไม่มีใครกล้าถามไถ่กันต่อหน้า  สิ่งที่รู้ก็แค่คร่าวๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นนักธุรกิจทำการค้ามีฐานะอยู่ในระดับที่พอมีเงินนำมาสร้างบ้านหลังใหญ่อยู่ในตัวเมือง และสร้างโรงงานแปรรูปสินค้าทางการเกษตรส่งขายต่างมณฑล ซึ่งช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในหมู่บ้าน เพียงแต่เจ้าตัวจะส่งคนมาดูแลแทน ปีเว้นปีจึงค่อยเดินทางมาด้วยตัวเองในช่วงเทศกาลไหว้บรรพบุรุษ แรกๆก็มักมาเพียงลำพัง หลังๆค่อยพาครอบครัวมาด้วย

                ไอดาเลียเป็นลูกสาวคนเล็กของเถ้าแก่หลี่ นี่เป็นปีแรกที่บิดาพาเธอมาที่นี่ ก่อนหน้านี้เมื่อสองสามปีก่อนเถ้าแก่หลี่เคยมากับลูกชายอีกสองคน ซึ่งชื่ออะไรแล้วอาเสียะก็นึกไม่ออก จำได้แค่ว่าสองคนนั่นรูปร่างสูงใหญ่ เค้าหน้าไปทางฝรั่งชัด แถมผมยังมีสีน้ำตาลทอง  ยิ่งแตกเนื้อหนุ่มยิ่งหน้าตาหล่อเหลาคมสัน จนสาวๆในหมู่บ้านแอบเพ้อถึง กันไปเป็นเดือนๆ


              
(◕ᴗ◕✿)  (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿)  (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿)  (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿)  (◕◡◕✿)




                คุณหนูไอดาเลียผู้แสนน่ารักยังคงหน้าก้มมองพื้น พลางยกมือไม้ปัดอากาศไปมา

                ตุ๊กตาแสนสวยที่ยิ่งถูกแหย่ก็ยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นสองเท่า ยิ่งปลุกอารมณ์คนลงมือให้ยิ่งรู้สึกสนุกสนาน อันที่จริงเหล่าเด็กกลุ่มนี้ ก็ไม่ได้ประสงค์ร้าย เพียงแค่รู้สึกว่าท่าทางตื่นกลัวของเธอดูน่ามอง  ยิ่งร้องไห้ก็ยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นเป็นพิเศษ จะว่าไปดีกว่าท่าทางนิ่งๆเฉยๆหรือท่าแอบหลังผู้ใหญ่ขดตัวเหนียมอายเป็นไหนๆ

                กะว่าจะแหย่ให้ร้องอีกสักครู่ประเดี๋ยวค่อยปลอบ แต่ไม่คาดคิดอาเหม่ยกลับลืมตัวแหย่ “หนักมือ” ไปหน่อย

                ซากกิ้งก่าตัวนั้นถูกโยนออกไป.. กะระยะพลาด.. แทนที่จะตกลงบนพื้นแทบเท้า แต่กลับโยนกระทบหน้าอก แล้วหล่นตุ๊บลงไปในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่าย



                “ กรี๊ดดดดดดด..”

                เด็กหญิงกรีดเสียงดังลั่น คราวนี้ยาวนานจนสะกดเด็กทุกคนในกลุ่มให้ตะลึงจังงังอย่างคาดไม่ถึง ขณะทั้งหมดเริ่มรู้สึกผิดและใจเสีย แต่ยังไม่ทันที่ใครสักคนจะรีบถลันเข้าไปปลอบ ทันใดนั้นเอง อยู่ๆท้องฟ้าพลันมืดครื้มลง สายฟ้าแลบแปลบปลาบ ก่อนจะฉายแสงวาบใส่ยอดต้นไม้ใหญ่อีกต้นซึ่งอยู่ห่างไปราวสิบกว่าก้าว

                เสียงเปรี้ยงดังสนั่นหวั่นไหว กระชากขวัญวิญญาณของเด็กทุกคนจนกระเจิง  กิ่งไม้ใหญ่ท่อนหนึ่งหักโค่นลงมา ทั้งหมดวิ่งหลบกันอย่างแตกตื่น มีเพียงอาเสียะที่ได้สติก่อนใครเพื่อน รีบชะงักฝีเท้าหลังจากวิ่งมาได้ห้าหกก้าว หันขวับกลับไปกวาดตามองยังที่เดิม พลางร้องตะโกนถามอย่างร้อนรน

                “ คุณหนูล่ะ..? ”

                หากแต่ตรงนั้น ไม่มีร่างใครอีกแล้ว เด็กชายรุ่นพี่ฉุกใจคิดแล้วใจหาย รีบโถมไปยังกิ่งไม้ใหญ่ซึ่งพาดขวางหน้าอยู่บนพื้น พลางแหวกหาร่างของใครบางคนซึ่งเกรงว่าอาจจะถูกทับอยู่ใต้กองพุ่มใบหนาทึบของมัน

                แต่ก็หาไม่เจอ !

                “  ไม่รู้คุณหนูหายไปไหน  พวกเราช่วยหากันเถอะ ”

                ทว่า ณ ที่ตรงนั้น นอกจากเขาก็เหลือเพียงอาเหม่ยแค่คนเดียว ส่วนคนอื่นๆ ต่างหนีฟ้าผ่ากันกระเจิงไปคนละทิศละทาง

                เวลานั้นลมยิ่งมายิ่งพัดแรงจนเสียงดังอื้ออึง บนภูเขาหลังหมู่บ้านแว่วยินเสียงดังอี๊ดอ๊าดแล้วตามมาด้วยเสียงครืนๆ อาเหว่ยหน้าซีดเผือด รีบสะอึกกายมาข้างๆญาติผู้น้องกล่าวอย่างหวาดหวั่น

                “ บอกได้ไหมนี่มันเกิดอะไรขึ้น ”

                “ ฉันก็ไม่รู้..”

                “ อาเสียะ.. เธอรู้สึกมั้ย ว่าพื้นมันโคลงเคลง..”

                “ อา.. ระ..รึ ว่า.. ผะ..แผ่นดินไหว ? ”

                “ เรา ..รีบหนีกันเถอะ..”

                “ แต่ว่าคุณหนู..   ”

                อาเหม่ยกลับรีบคว้าข้อมือของเขา เขย่าพลางบอกอย่างเร่งร้อน

                “ คุณหนูอะไรล่ะ พวกเราจะช่วยอะไรได้ ตรงนี้อันตราย .. ฟ้าอาจจะผ่าลงมาอีกก็ได้ ระ..เรากลับไปพวกผู้ใหญ่   มะ..มาช่วยค้นหาดีกว่า ”

                 ทันใดนั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของชายฉกรรจ์ในสูทสีดำสามคน พากันวิ่งถาโถมตรงเข้ามาทางนี้ พอเห็นเด็กชายหญิงทั้งสองวิ่งสวนกันมา หนึ่งในนั้นจึงรีบยื่นมือคว้าแขนไว้คนละข้าง ฉุดรั้งไว้กระชากเสียงถาม

                “ คุณหนูไอดาเลียอยู่ไหน ..”

                อาเหม่ยพยายามสะบัดแขนหนีพลางร้องปฏิเสธ “ ไม่รู้ ”

                เด็กทั้งสองค่อยนึกออกและจำได้ ว่าคนเหล่านี้เป็นบอดี้การ์ดผู้ติดตามของเถ้าแก่หลี่นั่นเอง

                “ เหลวไหล พวกเราได้ยินเสียงร้องของคุณหนูทางนี้ บอกมาว่า เกิดอะไรขึ้น ? ”

                “ ใช่ๆเมื่อตะกี้พวกเราเล่นอยู่กับคุณหนูตรงนั้น แต่อยู่ๆฟ้าก็ผ่าลงมา กิ่งไม้นั่นหักโค่น แล้วพวกเราก็ไม่เห็นว่าคุณหนูวิ่งไปทางไหน ”

                เด็กหญิงรีบชิงร้องบอกออกไป โดยปกปิดเรื่องที่พวกเธอแกล้งแหย่คุณหนูไอดาเลียจนร้องไห้ บางทีคุณหนูก็อาจจะตกใจเสียงฟ้า จนวิ่งหนีเตลิดไปเหมือนพวกเธอก็ได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหญิงคนนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติ หาได้เกี่ยวกับเธอไม่


               “  คุณหนูอาจจะวิ่งเตลิดขึ้นเขาไปทางนั้น ? ”

                บอดี้การ์ดหนุ่มผิวขาวผมทองตัดสั้นรูปร่างสันทัดแต่ดูแคล่วคล่อง ชี้นิ้วไปยังทางเดินเล็กๆสองสาย ซึ่งทอดยาวขึ้นไปบนภูเขาเตี้ยๆเบื้องหน้าพลางหันมาออกความเห็นกับบุรุษใบหน้าเรียบนิ่งเย็นชาแฝงแววเหี้ยมเกรียมคนที่คร่ากุมเด็กทั้งสองซึ่งท่าทางดูอาวุโสเป็นผู้นำ เขาพยักหน้ารับ คลายมือออกปล่อยแขนเล็กๆทั้งสองข้างเป็นอิสระ พลางสั่งการ

                “ เจสัน.. นายค้นแถบนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง  ส่วนฉันกับอาร์เธ่อจะแยกย้ายกันไปตามบนเขา “

                เจสันพยักหน้ารับทราบ อีกคนซึ่งผิวสีเข้มร่างสูงกำยำศีรษะโล้นเลี่ยนใบหน้าไว้หนวดเคราสั้นตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบดูคมสัน ทอดสายตาไปทางภูเขาเบื้องหน้ากล่าวเสียงเครียด

                “   ฉันจะไปเส้นทางซ้าย ส่วนอีริค..นายไปทางขวา  รีบไปเถอะ..ถ้าคุณหนูวิ่งขึ้นเขาไปจริงๆ คงยังไปได้ไม่ไกล ”

                พูดจบก็ชิงโถมตัวออกไปเป็นคนแรก

                พอทั้งสามแยกย้ายกันไปหมด อาเหม่ยค่อยฉวยแขนชวนญาติผู้น้อง

                “ อาเสียะ.. คุณหนูมีคนไปตามหากันแล้ว งั้นพวกเรากลับบ้านกันเถอะ..”

                หากร่างของเด็กชายยังคงยืนนิ่งราวเสาไม้ปักแน่นบนพื้น หรี่ตาเขม้นมองเด็กหญิงที่อายุมากกว่าเพียงแค่ปีเดียวอย่างรู้สึกผิดหวังระคนชิงชัง

                “ ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะไม่รับผิดชอบ อยากกลับก็กลับไปคนเดียวเถอะ.. ถ้าฉันยังไม่เห็นกับตาว่าคุณหนูปลอดภัย ฉันก็จะไม่กลับไปเด็ดขาด ! ”

                พูดจบก็สะบัดแขนจากการจับกุม แล้ววิ่งโถมปีนขึ้นเขาไปทางโขดหุ่มตะปุ่มตะป่ำซึ่งปกคลุมด้วยดงเถาวัลย์รกชัฏซึ่งอยู่ระหว่างเส้นทางเดินเล็กๆทั้งสองสาย อย่างเด็ดเดี่ยวไม่สนใจกับเสียงครืนครั่นและอาการสั่นสะเทือนของพื้นดินที่ยังมาเป็นพักๆและถี่ๆ
                
                อาเหม่ยกลืนน้ำลายลงคอ ทำท่าจะตามไปด้วยแต่พอพื้นดินโคลงเคลงอีกครั้งก็ได้แต่ชะงักแล้วเปลี่ยนใจ ถอนใจยาวพึมพำอย่างขลาดเขลาแกมขัดเคือง

                “ ตามใจ.. นายโง่และดื้อเองนะอาเสียะ.. ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนาย ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน.. จำไว้ ”



(◕ᴗ◕✿)  (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿)  (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿)  (◕◡◕✿) (◕ᴗ◕✿)  (◕◡◕✿)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่