วันหยุดทั้งที เลยเอาวิธีล้างห้องเครื่องด้วยตัวเองมาฝาก เพราะถ้าไปล้างตาม Car Care ทั่วไป สนนราคาอยู่ที่ 500-1,000 บาท
ถามว่าทำไมต้องล้างห้องเครื่อง
ก็เพื่อทำให้ห้องเครื่องสะอาด หนูไม่เข้าไปทำรัง แต่เหตุผลของเราคือ เวลาเปิดกระโปรงรถแล้วเจอห้องเครื่องสกปรก รู้สึกอายน่ะ โดยเฉพาะเลาเอารถเข้าศูนย์ รู้สึกอายช่างยังไงก็ไม่รู้ เหมือนไม่ดูแลรักษารถเลย เกรงใจช่างด้วย เลยเป็นที่มาของการล้างห้องเครื่องด้วยตัวเอง(ไป Car Care ไม่ไหว)
ปรกติเราล้างห้องเครื่องประมาณ 2-3 เดือนครั้ง ล้างเองยกเว้นบางเดือนเงินเหลือก็เข้า Car Care บ้างเป็นครั้งคราว ล้างตั้งแต่รถยังไม่ถึงแสนโล ปัจจุบันจะสามแสนโลแล้ว
วิธีการล้างก็ อ่านจากข้างกระป๋องเอา ไม่มีหลักการ ล้างแบบบ้านๆ เลย ดังนั้นถ้าเราล้างได้ คุณก็ล้างได้
อุปกรณ์
1. พระเอกของเรา น้ำยาล้างห้องเครื่องยี่ห้อ Sonax กระป๋องเขียว (Engine Cleaner)
2. พระรอง น้ำยาครอบจักรวาล (Molybdenum Disulfide Spry) ยี่ห้อ Sonax กระป๋องส้ม (MoS
2 Oil)
3. เครื่องเป่าลม
4. สายยางพร้อมหัวฉีดน้ำ หรือถ้าใครมีเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงก็จะดีมาก
ขั้นตอนการล้าง
รถที่นำมาอ้างอิงในการล้างครั้งนี้ Toyota Vios
1. ดับเครื่องยนต์
2. จอดรถพักไว้ให้เครื่องเย็นก่อนประมาณ 2-3 ชม. ไม่ควรล้างห้องเครื่องในขณะที่เครื่องร้อน
สภาพรถก่อนทำการล้าง
3. ฉีดน้ำยาทำความสะอาดเครื่องยนต์ Sonax กระป๋องเขียวให้ทั่ว ทุกซอกทุกมุม สำหรับขั้นตอนนี้หาใครขยันหน่อยก็เอาแปรงสีฟันบรรจงขัดตามซอกต่างๆ ด้วยก็ได้ แต่เราขี้เกียจเลยทิ้งไว้แบบนั้น
4. ทิ้งไว้ 10-15 นาที
15 นาทีผ่านไป
5. ฉีดน้ำแรงๆ ไล่น้ำยาออกให้หมด ฉีดให้ทั่วและใช้เวลาให้สั้นที่สุด
ขณะฉีด
ฉีดเสร็จแล้ว
6. ใช้เครื่องเป่าลม เป่าให้แห้ง โดยเน้นเป่าที่ไดชาร์จ, ECU, Battery, Sensor ต่างๆ และ Connectors ไฟฟ้าต่างๆ ก่อน
เป่าแห้งล่ะ
7. เมื่อแห้งแล้ว สังเกตได้เลยว่า ห้องเครื่องของเราจะสะอาดกว่าครั้งแรกมาก(ก็แน่ล่ะซิ) แต่สีจะออกด้านๆ ไม่เงางามเนื่องจากอายุการใช้งาน(เก่าแล้ว)
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพระรอง ใช้ Sonax กระป๋องส้ม พ่นให้ทั่วห้องเครื่อง
เปรียบเทียบระหว่า ก่อนและหลังการล้าง
คำถามที่คาดว่าจะมีคนถาม
1. เอาน้ำฉีกห้องเครื่องโดยตรง ไม่เป็นอะไรเหรอ?
ตอบ ปรกติอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในห้องเครื่องจะออกแบบให้โดนน้ำได้บ้างอยู่แล้ว โดยสังเกตได้ว่า Connector ต่างๆ จะมี Seal ยางอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็น Waterproof ดังนั้นจึงแนะนำว่าให้ฉีดน้ำล้างโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด แต่ถ้าคุณนำรถเข้า Car Care โดนฉีดน้ำแรงและนานกว่าที่เราทำแน่นอน ดังนั้นเมื่อ Car Care ทำได้ เราก็น่าจะทำได้เช่นกัน(เพราะไม่งั้นคงมีกระทู้เครื่องยนต์พังเพราะเข้า Care Care บ่อยๆ)
2. Sonax กระป๋องส้ม จะเป็นอันตรายต่อสายยางและ Seal ต่างๆ ในห้องเครื่องหรือไม่?
ตอบ
2.1 จากการทดลองด้วยรถตัวเอง พบว่าไม่เกิดปัญหาใดๆ นะ ทำตั้งแต่รถยังไม่ถึงแสนโล ปัจจุบันจะเข้าสามแสนโลแล้ว และเราล้างห้องเครื่องประมาณ 2-3 เดือนครั้ง
2.2 เคยทดลอง นำ O-ring, สายยาง และพลาสติดหลายๆ แบบ ที่ใช้ในห้องเครื่อง นำไปแช่ไว้ใน Sonax กระป๋องส้ม เป็นเวลา 6 เดือน พบว่าอะไหล่ทุกชั้นยังอยู่ในสภาพปรกติ ไม่บวมไม่ขาดไม่เปื่อย จึงกล้าที่จะนำมาใช้กับรถตัวเอง
3. นำวิธีนี้ไปใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ได้หรือไม่
ตอบ ไม่ทราบ เพราะยังไม่เคยไปลองกับรถคันอื่นๆ แต่เพื่อนที่ใช้ Altis นำวิธีนี้ไปใช้แล้วก็ยังคงใช้งานได้ตามปรกติและยังคงใช้งานอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
สรุป Sonax กระป๋องเขียวและส้ม ในการใช้งานล้างห้องเครื่อง เราพึงพอใจในระดับนึงเลย
Edit : เอา Spoil ออก
[CR] [DIY] ล้างห้องเครื่องด้วย Sonax
ถามว่าทำไมต้องล้างห้องเครื่อง
ก็เพื่อทำให้ห้องเครื่องสะอาด หนูไม่เข้าไปทำรัง แต่เหตุผลของเราคือ เวลาเปิดกระโปรงรถแล้วเจอห้องเครื่องสกปรก รู้สึกอายน่ะ โดยเฉพาะเลาเอารถเข้าศูนย์ รู้สึกอายช่างยังไงก็ไม่รู้ เหมือนไม่ดูแลรักษารถเลย เกรงใจช่างด้วย เลยเป็นที่มาของการล้างห้องเครื่องด้วยตัวเอง(ไป Car Care ไม่ไหว)
ปรกติเราล้างห้องเครื่องประมาณ 2-3 เดือนครั้ง ล้างเองยกเว้นบางเดือนเงินเหลือก็เข้า Car Care บ้างเป็นครั้งคราว ล้างตั้งแต่รถยังไม่ถึงแสนโล ปัจจุบันจะสามแสนโลแล้ว
วิธีการล้างก็ อ่านจากข้างกระป๋องเอา ไม่มีหลักการ ล้างแบบบ้านๆ เลย ดังนั้นถ้าเราล้างได้ คุณก็ล้างได้
อุปกรณ์
1. พระเอกของเรา น้ำยาล้างห้องเครื่องยี่ห้อ Sonax กระป๋องเขียว (Engine Cleaner)
2. พระรอง น้ำยาครอบจักรวาล (Molybdenum Disulfide Spry) ยี่ห้อ Sonax กระป๋องส้ม (MoS2 Oil)
3. เครื่องเป่าลม
4. สายยางพร้อมหัวฉีดน้ำ หรือถ้าใครมีเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงก็จะดีมาก
ขั้นตอนการล้าง
รถที่นำมาอ้างอิงในการล้างครั้งนี้ Toyota Vios
1. ดับเครื่องยนต์
2. จอดรถพักไว้ให้เครื่องเย็นก่อนประมาณ 2-3 ชม. ไม่ควรล้างห้องเครื่องในขณะที่เครื่องร้อน
สภาพรถก่อนทำการล้าง
3. ฉีดน้ำยาทำความสะอาดเครื่องยนต์ Sonax กระป๋องเขียวให้ทั่ว ทุกซอกทุกมุม สำหรับขั้นตอนนี้หาใครขยันหน่อยก็เอาแปรงสีฟันบรรจงขัดตามซอกต่างๆ ด้วยก็ได้ แต่เราขี้เกียจเลยทิ้งไว้แบบนั้น
4. ทิ้งไว้ 10-15 นาที
15 นาทีผ่านไป
5. ฉีดน้ำแรงๆ ไล่น้ำยาออกให้หมด ฉีดให้ทั่วและใช้เวลาให้สั้นที่สุด
ขณะฉีด
ฉีดเสร็จแล้ว
6. ใช้เครื่องเป่าลม เป่าให้แห้ง โดยเน้นเป่าที่ไดชาร์จ, ECU, Battery, Sensor ต่างๆ และ Connectors ไฟฟ้าต่างๆ ก่อน
เป่าแห้งล่ะ
7. เมื่อแห้งแล้ว สังเกตได้เลยว่า ห้องเครื่องของเราจะสะอาดกว่าครั้งแรกมาก(ก็แน่ล่ะซิ) แต่สีจะออกด้านๆ ไม่เงางามเนื่องจากอายุการใช้งาน(เก่าแล้ว)
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพระรอง ใช้ Sonax กระป๋องส้ม พ่นให้ทั่วห้องเครื่อง
เปรียบเทียบระหว่า ก่อนและหลังการล้าง
คำถามที่คาดว่าจะมีคนถาม
1. เอาน้ำฉีกห้องเครื่องโดยตรง ไม่เป็นอะไรเหรอ?
ตอบ ปรกติอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในห้องเครื่องจะออกแบบให้โดนน้ำได้บ้างอยู่แล้ว โดยสังเกตได้ว่า Connector ต่างๆ จะมี Seal ยางอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็น Waterproof ดังนั้นจึงแนะนำว่าให้ฉีดน้ำล้างโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด แต่ถ้าคุณนำรถเข้า Car Care โดนฉีดน้ำแรงและนานกว่าที่เราทำแน่นอน ดังนั้นเมื่อ Car Care ทำได้ เราก็น่าจะทำได้เช่นกัน(เพราะไม่งั้นคงมีกระทู้เครื่องยนต์พังเพราะเข้า Care Care บ่อยๆ)
2. Sonax กระป๋องส้ม จะเป็นอันตรายต่อสายยางและ Seal ต่างๆ ในห้องเครื่องหรือไม่?
ตอบ
2.1 จากการทดลองด้วยรถตัวเอง พบว่าไม่เกิดปัญหาใดๆ นะ ทำตั้งแต่รถยังไม่ถึงแสนโล ปัจจุบันจะเข้าสามแสนโลแล้ว และเราล้างห้องเครื่องประมาณ 2-3 เดือนครั้ง
2.2 เคยทดลอง นำ O-ring, สายยาง และพลาสติดหลายๆ แบบ ที่ใช้ในห้องเครื่อง นำไปแช่ไว้ใน Sonax กระป๋องส้ม เป็นเวลา 6 เดือน พบว่าอะไหล่ทุกชั้นยังอยู่ในสภาพปรกติ ไม่บวมไม่ขาดไม่เปื่อย จึงกล้าที่จะนำมาใช้กับรถตัวเอง
3. นำวิธีนี้ไปใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ได้หรือไม่
ตอบ ไม่ทราบ เพราะยังไม่เคยไปลองกับรถคันอื่นๆ แต่เพื่อนที่ใช้ Altis นำวิธีนี้ไปใช้แล้วก็ยังคงใช้งานได้ตามปรกติและยังคงใช้งานอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
สรุป Sonax กระป๋องเขียวและส้ม ในการใช้งานล้างห้องเครื่อง เราพึงพอใจในระดับนึงเลย
Edit : เอา Spoil ออก