[CR] เตือนการเช่ารถขับในไอซ์แลนด์ สำหรับมือใหม่

เรื่องนี้ผมคิดอยู่นานว่าจะเขียนรีวิวแสดงความสะเพร่าของตัวเองดีมั้ย แต่คิดขึ้นมาอีกที รีวิวแบบนี้อาจจะเป็นอุทาหรณ์ หรือกรณีศึกษาให้ใครหลายๆคน ที่กำลังคิดจะเช่ารถขับในต่างประเทศที่ไหนสักแห่งหนึ่งบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะมือใหม่ที่หัดเช่ารถขับในต่างแดนครั้งแรก ปกติผมเช่ารถขับในประเทศของเราบ่อยครั้งและทุกครั้งก็จะซื้อประกัน excess =0 กับบริษัทเอาไว้ตลอด เพราะเราไม่อยากจะมีปัญหายุ่งยากเวลาที่จะต้องคืนรถ หลายๆคนอาจมีคำถามต่อไป ว่าทำไมถึงต้องเช่ารถขับในไอซ์แลนด์? คำตอบที่ง่ายที่สุดก็ คงเป็นเพราะขนส่งสาธารณะของเกาะแห่งนี้ ค่อนข้างที่จะไม่สะดวก สถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละที่อยู่ไกลกันมากๆ แถม ถ้าซื้อทัวร์แบบ one day trip ราคาเริ่มต้นจะตก วันละประมาณ 7 พันบาท ถึง สามหมื่นบาทต่อคนเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการเช่ารถขับคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการเที่ยวในไอซ์แลนด์
              สุดท้ายเงินทั้งหมดของผมคงสูญเสียไป แต่ผมอยากให้มันเกิดประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังมองหา บริษัทเช่ารถในต่างประเทศจะได้ระวังตัว และจะไม่ต้องเสียเงินแบบผมอีก


            ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมชอบการท่องเที่ยวเหมือนกับใครหลายๆคนในห้องนี้นั่นแหละครับ ประเทศจุดหมายในฝันของหลายๆคนในห้องนี้คงไม่ต่างจากผมเหมือนกัน นั่นคือ Iceland, land of Ice and Fire.  และนี่จึงเป็นที่มาของเรื่องทั้งหมด จริงๆทริปฮันนิมูนนี้มันเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน เราใช้เวลาในการเตรียมตัวกันแค่ ประมาณเดือนกว่าๆเท่านั้นเอง จริงๆแล้ว ภรรยาของผมเค้าอยากจะไปใกล้ๆแค่ญี่ปุ่น แต่เป็นผมเองที่เป็นคนดันทุรัง ขอร้องเธอเองว่า เราไปไอซ์แลนด์กันเถอะ ญี่ปุ่นจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ แถมพวกเรามีตั๋วเครื่องบินในราคาพิเศษ ที่จะไปไอซ์แลนด์ ได้ในราคาที่เท่ากับบินไปญี่ปุ่น สุดท้ายก็จบด้วยการที่เธอยอมตามใจผม เธอให้ผมวางแผนทริปเองทั้งหมดเลย  นี่แหละคือความสะเพร่าอันดับแรกของผมเลย ผมไม่รอช้ารีบหารถเช่าไว้แต่เนิ่นๆ เพราะความกลัวว่า ถ้าหากช้าไปราคามันอาจจะขยับเพิ่มสูงขึ้น ผมเปิด Google พบบริษัทเอเจนซี่จัดหารถเช่าในไอซ์แลนด์ ขึ้นเด่นมาหลักๆอยู่ 2 เจ้า เจ้าแรกมีภาษาไทยให้อ่านอย่างสะดวก อีกเจ้าคือ Economy ในใจตอนนั้นคิดแค่ว่า เอเจนซี่พวกนี้คงเป็นแค่ web ที่ช่วยหารถเช่าเท่านั้น แบบที่ผมมักจะใช้บริการของ Kayak หรือ expedia ในการหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก สุดท้ายผมเปรียบเทียบราคาของทั้งสองเจ้าแล้วพบว่า Economycar ราคาประหยัดกว่าอีกเจ้าหนึ่ง แถมเรื่องการรับส่งเราระหว่างที่เช่ารถกับสนามบินดูจะไม่มีอะไรซ่อนเล้น จะคืนรถดึกแค่ไหนก็ไม่ชาร์ต อย่างกรณีของผมคืนรถตอนตี 4 ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เลยตัดสินใจเลือก แต่ข้อเสียของ Economy นั้นคือในระหว่างที่เราทำการจองรถนั้น เราจะทราบเพียงแต่ราคาที่เราต้องจ่าย แต่เราจะไม่รู้เลยว่า บริษัทรถที่เราได้คือบริษัทอะไร เราจะรู้หลังจากที่เรากดจ่ายเงินแล้วเท่านั้น ซึ่งหลังจากจ่ายเงินตัดผ่านบัตรเครดิต บริษัทจะส่งอีเมลการจองมาให้ ซึ่งตอนนั้นผมเพิ่งรู้ว่า บริษัทเช่ารถที่ผมได้ ก็คือ Greenmotion นั่นเอง
พอเราลองกดหาในอากู๋ ก็จะปรากฎรายชื่อของบริษัทเอจนซี่ขึ้นมาอยู่ 2 เจ้า คาดว่าน่าจะจ่ายเงินให้กับอากู๋แน่ๆเลย

อันนี้หน้าตาของเวปที่ผมใช้จองนะครับ

พอกดเข้าไปดูรายการจะพบว่า เราจะรู้แค่ราคาและรุ่นของรถที่เช่านะครับ แต่เราจะไม่ทราบเลยว่า เป็นของบริษัทอะไร จนกว่าเราจะจ่ายเงินเสร็จ


            ความสะเพร่าเรื่องที่ 2 ของผมเกิดขึ้นในระหว่างที่ทำการจองรถอยู่นั่นเอง เพราะในระหว่างที่ดำเนินการจองรถ เอเจนซี่ ได้ถามว่าคุณจะซื้อประกัน excess = 0 ด้วยหรือไม่ ซึ่งแน่นอน ผมไม่อยากมีปัญหาในระหว่างการเช่ารถ จึงรีบกดซื้อ โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า การซื้อนั้นเป็นการซื้อประกันกับทางเอเจนซี่เอง ผมเพิ่งมารู้ที่หลังหลังจากที่กดซื้อไปแล้ว จึงค่อยๆหาข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้ทราบว่า ประกันที่ผมกดซื้อไป นั้น มันเป็นประกันที่ครอบคลุมแล้ว แต่ข้อเสียของมันคือ ถ้าหากเกิดความเสียหายกับรถจริงๆ ผมต้องสำรองเงินของตัวเองออกไปก่อน จากนั้นค่อยทำการขอเงินคืนจากบริษัทเอเจนซี่ นั่นก็คือ บริษัท Economy  ตอนนั้นรู้สึกผิดพลาดอยู่เหมือนกันที่ดันซื้อประกันแบบนี้ไป แต่ก็คิดปลอบใจตัวเอง ว่าเราไปที่นั่นคงจะไม่มีอะไร เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า ที่ไอซ์แลนด์จำกัดความเร็วของรถไว้แค่ 90 km/hr เอง และผมก็ปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่า เวลาที่ผมอยู่ที่นั่นผมจะขับรถด้วยความระมัดระวัง
ในระหว่างที่จองเอเขนซี่จะถามเราว่าจะซื้อประกันที่ครอบคลุมมั้ย ซึ่ง ความเข้าใจตอนแรกผมเข้าใจไปเองว่า เป็นประกันของบริษัทรถ

หลังจากที่เราชำระเงินเสร็จเรียบร้อย บริษัทจะส่ง Voucher มาให้ ซึ่งเราถึงจะทราบว่า บริษัทรถที่เราเช่าคือบริษัทอะไร อยู่ตรงมุมขวาบน

ผมได้ทำการซื้อประกันไปกับเอเจนซี่แล้ว ซึ่งถือว่าพลาดมากๆ ไม่สามารถยกเลิกได้ด้วย


          ตัดกลับมาที่สนามบิน Keflavik ซึ่งเป็นสนามบินนานๆชาติแห่งเดียวของไอซ์แลนด์ เรามาถึงที่นี่ราวๆ บ่ายสองโมงครึ่ง กว่าจะจัดการเรื่องการซื้อซิมการ์ดกับซื้อของเล็กๆน้อยๆใน duty free กว่าจะออกมาข้างนอก ก็ราวๆ บ่ายสามโมงสิบห้านาที เรายืนรอหน้าทางออกเกือบสิบห้านาที พยายามมองหาบริษัทรถเช่าของเรา สักพักมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาชูป้ายของ Greenmotion เราจึงเดินเข้าไปแสดงตัว เค้าขอชื่อที่เราทำการจองไว้ แล้วติ๊คชื่อของเราใส่กระดาษที่เขาจดลิสรายชื่อของลูกค้ามา จากนั้นเด็กหนุ่นก็พาเราไปที่รถตู้ของเขา ขับพาเรามาที่สำนักงาน สำนักงานของ Greenmotion อยู่ในตัวเมือง Keflavik อีกทีหนึ่ง ซึ่งห่างราวๆ สามถึงสี่กิโล ซึ่งเวลาเราจะรับ หรือคืนรถ เราจะต้องมาคืนที่นี่ แล้วเค้าจะมีคนขับรถพาเราไปส่งสนามบินอีกทีหนึ่ง ความสะเพร่าข้อที่สามก็เกิดขึ้นที่นี่เอง เราเข้าไปติดต่อที่เค้าน์เตอร์ ตอนนั้นทั้งออฟฟิตมี พนักงานผู้หญิงซึ่งดูมีอายุอยู่เพียงคนเดียว เราแสดงเอกสารที่ทำการจองมากับเอเจนซี่ให้เธอดู สักพักเธอถามถึงเรื่องประกันที่เราจะซื้อเพิ่มมั้ย ซึ่งในระหว่างนั้นเราก็บอกกับเธฮไปว่า เราซื้อประกันมาเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อให้ชัวร์อีกสักนิดเลยขอเพิ่มชื่อคนขับเข้าไปอีกคนหนึ่ง เผื่อเวลาขับรถจะได้ช่วยกันขับได้ จะได้ไม่ล้าจนเกินไป ซึ่งเธอก็ดำเนินการให้อย่างดี ก่อนที่จะพาไปดูรถ เธอก็อธิบายกฎข้อห้ามต่างๆอย่างดี ซึ่งเราก็ยินดีที่จะรับฟังคำอธิบายจากเธอ เพื่อให้เกิดความสบายใจในการขับรถ จากนั้นเธอพาเราไปดูรถของเรากัน เธอขับรถฟอร์ดเฟียสต้ามาให้เรา ทั้งๆที่ตอนที่เราจอง เราจอง Yaris เพราะรู้สึกว่า เคยขับที่ไทย แล้วประหยัดน้ำมันดี  ผมพยายายามดูร่องรอยของรถอย่างละเอียด พบว่า รถมีรอยแตกที่กระจกยาวลงมา บริเวณรอบๆรถจะมีลักษณะของรอยข่วน พวกขนแมว ติดอยู่รอบคัน ซึ่งเราก็แจ้งกับเธอไปว่า รถของคุณมีรอยเยอะมากเลย แต่ก็ก็บอกว่าไม่เป็นไร ชั้นจะพยายาม Mark รอยพวกนี้ เธอเดินรอบๆรถแล้วพยายาม Mark รอยรอบรถเลย ซึ่งผมก็มองดู แถมรอยไหนที่เป็นรอยใหญ่ๆ จุดสำคัญๆ ผมก็พยายามถ่ายรูปเก็บเอาไว้ แต่ความสะเพร่าของผมก็เกิดขึ้นจากจุดนี้จนได้ ผมดันไประวังตามกระจกรถ ยาง ล้อแม็ก แต่พวกรอยเล็กๆบนรถผมเก็บรูปไว้ไม่หมดจริงๆ ซึ่งอยากจะแนะนำเพื่อนๆว่า ถ้าถึงจุดนี้ อย่าแค่ถ่ายรูป ผมแนะนำให้ถ่ายวีดีโอเอาไว้เลยนะครับ แสกนรอยให้รอบๆคัน มันจะได้ไม่เกิดปัญหาอย่างพวกเรา  จากนั้นเราคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วจึงรับรถแล้วขับมันออกไป (อันนี้คือจุดที่เราพลาดมากๆ ควรตรวจรถให้นานเท่าที่จะทำได้)
อันนี้เป็นใบตรวจรับรถนะครับ สังเกตุจะพบว่ารถมีรอยเยอะมากแถมมีรอยแตกที่กระจกอีกด้วย

ด้านล่างเค้าจะระบุค่าใช้จ่ายถ้าเกิดทำให้รถเกิดความเสียหายจะต้องจ่ายอยู่ในวงเงิน 290,000 isk ตกราวๆ แปดหมื่นกว่าบาท
ชื่อสินค้า:   Greenmotion
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่