ในสมัยซีฮั่นมีอยู่ครั้งหนึ่งเจาเอี๋ยงถูกคนใส่ความ จึงถูกเหลียงเสี้ยวหวางส่งเข้าที่คุมขัง
รอการประหารเขารู้สึกแค้นใจอย่างยิ่ง,ภายในคุกได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งถึงเหลียง
เสี้ยวหวาง เนื้อหาในจดหมายได้สาธยายเรื่องราวความจริงเป็นข้อๆ
ประโยคที่ว่า “ถ้าปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ผู้คนก็จะไม่คลางแคลงใจ แท้จริงแล้ว
เป็นแค่คำพูดที่เลื่อนลอยไร้สาระ เขายังเขียนไว้ว่า“จิงเคอยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเอี้ยนไท้จื่อตาน
ไปลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ฉินสื่อหวาง
แต่ไท้จื่อตานยังระแวงว่าจิงเคออาจขลาดใจไม่ถึงไม่กล้าลงมือดำเนินการในทันที จึงรีบร้อน
นำเพชรนิลจินดาไปบรรณาการให้กษัตริย์แคว้นฉู่
แต่กลับถูกกษัตริย์แคว้นฉู่ตั้งข้อหาให้รับโทษฐานลบหลู่ มีบัญชาให้ตัดขาของเขาทิ้งเสีย
หลี่ซือเห็นดังนั้นจึงพยายามเข้าช่วยเหลือ โดยทัดทานคำสั่งของกษัตริย์ฉินสื่อหวางทำให้
แคว้นฉินเพิ่มความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากขึ้นแต่ท้ายที่สุดก็ถูกประหารจนได้โดยกษัตริย์ฉินรุ่นสอง
ฉะนั้นสำนวนที่กล่าวว่า....
“
ถึงคนที่คบหากัน แต่ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน แม้ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยไปนมนานจนแก่เฒ่าผมขาว
ก็ไม่ต่างอะไรกับเพิ่งจะรู้จักกัน ตรงกันข้ามกับคนที่บังเอิญรู้จักกันได้ไม่นาน แต่มิตรภาพกลับลึกซึ้ง
แน่นแฟ้นดั่งว่าได้คบหากันมานานแสนนาน”
เมื่อสองฝ่ายไม่เข้าใจกันแม้จะคบหากันชั่วชีวิต จนผมโพลนขาวไปทั้งหัว
ก็ไม่ต่างอะไรกับเพิ่งจะรู้นักกันเท่านั้น ความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน
อย่างแท้จริงเท่านั้น แม้จะเป็นเพียงเพิ่งคบหากัน ก็เหมือนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาเก่าแก่เนิ่นนาน
ภายหลังเหลียงเสี้ยวหวางได้อ่านจดหมายของเจาเอี๋ยงแล้วรู้สึกซึ้งใจมาก
รีบปลดปล่อยเขาทันทีถึงกับมีบัญชาต้อนรับเขาให้เป็นอาคันตุกะผู้มีเกียรติของพระองค์
.........................................
หมายเหตุ : 邹阳 - เจาเอี๋ยง คนแคว้นฉี สมัยซีฮั่น มีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านวรรณกรรม
เคยอยู่รับใช้อู๋หวาง มีเรื่องขัดใจ จึงเปลี่ยนไปอยู่กับเหลียงเสี้ยวหวาง ถูกใส่ความ จึงเป็นที่มาของสำนวน。
http://hakkapeople.com/node/3233#comment-9468
白头如新 คบหากันแบบผิวเผิน
ในสมัยซีฮั่นมีอยู่ครั้งหนึ่งเจาเอี๋ยงถูกคนใส่ความ จึงถูกเหลียงเสี้ยวหวางส่งเข้าที่คุมขัง
รอการประหารเขารู้สึกแค้นใจอย่างยิ่ง,ภายในคุกได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งถึงเหลียง
เสี้ยวหวาง เนื้อหาในจดหมายได้สาธยายเรื่องราวความจริงเป็นข้อๆ
ประโยคที่ว่า “ถ้าปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ผู้คนก็จะไม่คลางแคลงใจ แท้จริงแล้ว
เป็นแค่คำพูดที่เลื่อนลอยไร้สาระ เขายังเขียนไว้ว่า“จิงเคอยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเอี้ยนไท้จื่อตาน
ไปลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ฉินสื่อหวาง
แต่ไท้จื่อตานยังระแวงว่าจิงเคออาจขลาดใจไม่ถึงไม่กล้าลงมือดำเนินการในทันที จึงรีบร้อน
นำเพชรนิลจินดาไปบรรณาการให้กษัตริย์แคว้นฉู่
แต่กลับถูกกษัตริย์แคว้นฉู่ตั้งข้อหาให้รับโทษฐานลบหลู่ มีบัญชาให้ตัดขาของเขาทิ้งเสีย
หลี่ซือเห็นดังนั้นจึงพยายามเข้าช่วยเหลือ โดยทัดทานคำสั่งของกษัตริย์ฉินสื่อหวางทำให้
แคว้นฉินเพิ่มความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากขึ้นแต่ท้ายที่สุดก็ถูกประหารจนได้โดยกษัตริย์ฉินรุ่นสอง
ฉะนั้นสำนวนที่กล่าวว่า....
“ถึงคนที่คบหากัน แต่ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน แม้ว่ากาลเวลาจะล่วงเลยไปนมนานจนแก่เฒ่าผมขาว
ก็ไม่ต่างอะไรกับเพิ่งจะรู้จักกัน ตรงกันข้ามกับคนที่บังเอิญรู้จักกันได้ไม่นาน แต่มิตรภาพกลับลึกซึ้ง
แน่นแฟ้นดั่งว่าได้คบหากันมานานแสนนาน”
เมื่อสองฝ่ายไม่เข้าใจกันแม้จะคบหากันชั่วชีวิต จนผมโพลนขาวไปทั้งหัว
ก็ไม่ต่างอะไรกับเพิ่งจะรู้นักกันเท่านั้น ความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน
อย่างแท้จริงเท่านั้น แม้จะเป็นเพียงเพิ่งคบหากัน ก็เหมือนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาเก่าแก่เนิ่นนาน
ภายหลังเหลียงเสี้ยวหวางได้อ่านจดหมายของเจาเอี๋ยงแล้วรู้สึกซึ้งใจมาก
รีบปลดปล่อยเขาทันทีถึงกับมีบัญชาต้อนรับเขาให้เป็นอาคันตุกะผู้มีเกียรติของพระองค์
.........................................
หมายเหตุ : 邹阳 - เจาเอี๋ยง คนแคว้นฉี สมัยซีฮั่น มีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านวรรณกรรม
เคยอยู่รับใช้อู๋หวาง มีเรื่องขัดใจ จึงเปลี่ยนไปอยู่กับเหลียงเสี้ยวหวาง ถูกใส่ความ จึงเป็นที่มาของสำนวน。
http://hakkapeople.com/node/3233#comment-9468