เนื่องด้วย วันนี้วันว่าง ไม่มีอะไรจะทำค่ะ เลยลองเขียนนิยายออกมาเล่นๆ อยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆช่วยอ่านกันค่ะ และช่วยกันวิจารณ์ ติ ชม และที่สำคัญคือ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ เพราะมือใหม่ๆจริงๆ เพิ่งหัดแต่ง แทบจะไม่ค่อยรู้อะไรเลย จะได้นำไปปรับปรุงค่ะเพราะเชื่อว่า ครั้งแรก ข้อผิดพลาดต้องเยอะอ่ะค่ะ
ปอลิง. ติได้ บ่นได้ ด่าได้ แต่อย่าแรงนะค่ะ(เสียงสู๊ง) 55
ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น
ณ ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว สับสน ฉันไม่รู้เลยว่า จริงๆแล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รู้เพียงแต่ว่า มันได้เกิดขึ้นมาแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงไปง่ายๆ เพื่อนของฉัน คนรอบตัวของฉันได้กลายเป็นพวกมันไปเสียหมด ฉันไม่รู้เลยว่าฉันควรจะทำอย่างไรดี ควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองและพวกคนที่เหลืออยู่รอด ฉันยืนมองผู้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉัน ระหว่างฉันและพวกเขามีเพียงประตูบานใหญ่ 2 บานที่ขณะนี้ถูกปิดเข้าหากัน โดยฉันและเพื่อนของฉันที่ช่วยกันปิดมันไว้ พร้อมกับใช้โซ่เส้นเล็กที่นำมาจากร้านซุปเปอร์มารเกสคล้องระหว่างที่จับของประตูทั้ง 2บานเพื่อให้มันปิดติดกันสนิท พวกเราทำอย่างทุลักทุเลและเร่งรีบ เพราะคิดว่ามันอาจจะช่วยถ่วงเวลาไว้สักพักเพื่อให้พวกเราหนีไปได้ไกลพอสมควร ประตูบานใหญ่เหล็กดัดที่เคยมีลวดลายตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่สวยงามสีขาว มีริ้วสีทองตามขอบ บัดนี้ได้เต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรัง พร้อมกับพวกมันอีกนับร้อย นับพัน ยืนออ เบียดกันอยู่ยาวสุดลูกหูลูกตาคล้ายกับคนเดินขบวนอย่างไงอย่างงั้น พวกมันทำทีท่าเหมือนอยากจะพังประตูออกมาเสียให้ได้ พวกมันที่อยู่หน้าสุดใช้มือกำตรงช่องว่างระหว่างเหล็กดัดแล้วเขย่าประตูใหญ่ที่มีโซ่เล็กๆของพวกเราคล้องอยู่ ประตูบานใหญ่แทบจะล้มตึงพังลงมาต่อหน้า ตาของพวกมันจ้องเขม็งมาที่พวกเรา พร้อมกับขยับปาก กัดกรามกรอดๆ เหมือนเสืออยากจะขย้ำเหยื่อ เสียงครางคำรามในลำคอดังเป็นระยะ ฉันไม่รู้ว่าผู้คนเหล่านั้นเป็นอะไรกันไปหมด รู้แต่ว่าพวกมันอยากจะทำร้ายพวกเรา อยากที่จะฉีกเนื้อพวกเราออกเป็นชิ้นๆ และถ้าลองพวกมันได้กัดใครเข้าแล้ว คนๆนั้นก็จะเปลี่ยนไปกลายเป็นพวกมันอีกทันที ซึ่งตอนนี้สภาพคนที่ฉันรู้จัก บางคนแทบจำสภาพเดิมไม่ได้ สภาพหน้าที่เละเต็มไปด้วยเลือด บ้างก็มีรอยถูกกัด ลูกตาโถลนออกมานอกเบ้า ไส้ทะลักห้อยระโยงระยางออกมานอกท้อง ผิวหนังเหี่ยวย่นเน่าเฟะ กลิ่นเหม็นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คราบเลือดเกรอะกรัง ปากฉีกขาดวิ่นยาวไปจนถึงหู จน เห็นรากฟันลึกและกระดูกข้างแก้มเป็นสันนูนโผล่ออกมา ช่างเป็นภาพที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับซากศพที่ร่างกายผุพัง แต่ทว่าเป็นซากศพที่เดินได้ราวกับยังมีชีวิต เหมือนปีศาจ อสุรกายหรือ ผีดิบในนิยายที่พวกเราเคยอ่านกัน เหมือนหนังหรือซี่รี่ย์ที่พวกเราเคยดูอย่างไม่มีผิดเพี้ยน มีความอยาก มีความกระหายเลือด เนื้อ มีความกระหายที่จะฆ่าและทำลายล้าง ฉันแทบอยากจะเป็นบ้าเสียให้ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นจริงในชีวิตของพวกเรา ใช่แล้วทางเดียวที่จะทำให้พวกเราไม่กลายไปเป็นพวกมันอีก นั่นคือฉันและคนที่เหลือต้องหนี พวกเรากำลังจะหนีไป ไปที่ไหนก็ได้ ไปให้ไกลๆ ในที่ที่ไม่มีพวกมันอยู่ นี่คือเรากำลังจะหาทางหนีจากความจริง พวกเรากำลังหลอกตัวเองว่าหนทางข้างหน้าจะมีแต่พวกเรา มีเพื่อน มีครอบครัวที่ใช้ชีวิตอย่างสงบแบบที่แล้วมา ขณะที่พวกเรากำลังหันหลังให้กับประตูบานใหญ่นั้น พลันก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะประตูบานใหญ่นั้น กำลังจะพังลงมาต่อหน้าต่อตาของพวกเรา ไม่ทันการแล้ว พวกเราต้องรีบหนีก่อนที่ประตูบานนั้นจะพังลงมา โครม ตึง เสียงดังสนั่นไปทั่วเป็นเสียงเหล็กดัดของประตูกระทบกับพื้นถนนที่เป็นคอนกรีต ตอนนี้ประตูบานใหญ่ได้พังลงมาเสียแล้ว นี่เรากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับพวกมันอีกครั้งแล้วเหรอนี่พวกมันมีมากเกินไป มากจนที่สามารถพังประตูใหญ่ได้ มากสำหรับที่จะต้องเผชิญหน้าในสภาวะเช่นนี้ และอาจมากเกินไปสำหรับที่จะหนีไปจากที่นี่ให้ได้อีกด้วย
…ย้อนไปเมื่อ 14 วันก่อน
"ศาสตราจารย์วิทย์ครับ ศาสตราจารย์วิทย์ครับ รบกวนมาดูอะไรนี่หน่อยครับ "
" มีอะไรเหรอ ดอกเตอร์ "
" นี่ไงครับ ผลงานวิจัยของทีมเรา ยารักษาโรคพิษสุนัขบ้า ยานี้จะรักษาโรคพิษสุนัขบ้าให้หายได้ในเข็มเดียว โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้หมด โดยคุณสมบัติของมัน คือจะล้อมตัวเชื้อเอาไว้ แล้วกัดกินตัวเชื้อ ไม่ว่าจะโดนสุนัขกัดที่ไหน ยานี้จะสามารถกำจัดเชื้อไวรัสก่อโรคได้ทั้งหมดครับ "
" ถ้ามันดีขนาดนี้ คุณแน่ใจนะ ว่ามันจะไม่เป็นอันตรายกับคนที่ได้รับยาน่ะ "
" คำถามของศาตราจารย์ข้อนี้ คือสิ่งที่ผมกำลังจะทดลองวันนี้ไงล่ะครับ
" เอาล่ะ ถ้าคุณคิดว่า ผลงานนี้มันจะสร้างประโยชน์ให้กับวงการวิทยาศาสตร์ สร้างชื่อเสียงให้มหาลัย ให้ทีมงาน และที่สำคัญคือกับตัวคุณ ผมก็ขออวยพรให้คุณทำมันให้สำเร็จก็แล้วกันนะดอกเตอร์พล
" ครับ ผมจะตั้งใจทำมันออกมาให้ดีที่สุดครับ "
" เอาล่ะ วันนี้ผมคงอยู่ช่วยงานคุณไม่ได้นะ เพราะผมต้องรีบเดินทาง มีธุระที่ต้องไปทำที่ต่างจังหวัดด่วน เป็นงานของภาควิชา ผมอาจจะไปสัก 2-3 วัน ฝากทางนี้ด้วยแล้วกันนะ
" ครับ ศาสตราจารย์ "
หลังสิ้นสุดบทสนทนา ศาตราจารย์วิทย์ ในเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ ผูกเน็กไทต์สีชา สวมแว่นตาหนาเตอะ ผมสีขาวที่บางเต็มที หน้าตาที่ดูเหมือนคนจีนแก่ๆคนนึง ก็เดินออกจากห้องทดลองไปพร้อมกับเอกสารวิจัยอีกเป็นปึก ที่แกหอบหิ้วไปอ่านด้วย ทิ้งไว้แต่ดอกเตอร์หนุ่มที่ยังนั่งชื่นชมอยู่กับผลงานชิ้นโบแดงของตัวเอง ชายหนุ่มวัยสัก 30 ต้นๆ รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาดูดีสะอาดสะอ้าน นักศึกษาเกียรตินิยมอันดับ 1 ดีกรีนักเรียนนอก ได้เริ่มเข้ามาช่วยงานศาตราจารย์วิทย์เมื่อปีที่แล้ว ด้วยความที่ดอกเตอร์พลเป็นคนเก่ง และเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง เขาเลยมักจะคิดค้นงานวิจัยอะไรใหม่ๆมาอยู่เสมอ จนทำให้มหาลัยและทีมวิจัยได้รับรางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกันที่เขาจะต้องคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองให้ได้ เพราะเป็นรางวัลใหญ่ รางวัลพระราชทาน แถมถ้าใครได้รับรางวัลนี้ บางทีอาจจะได้มีชื่อเข้าชิงถึงโนเบลก็เป็นได้ ซึ่งนั่นมันคือความฝันสูงสุดของนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย รวมถึงดอกเตอร์หนุ่มคนนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนที่จะก้าวไปถึงขั้นนั้น การทดลองของเขาในวันนี้ต้องเสร็จสมบูรณ์เสียก่อน เขาหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนฝาผนังหน้าห้อง ขณะนั้นเวลาเกือบเที่ยงคืน สภาวะรอบตัว รวมถึงภายนอกดูเงียบสงัด ดอกเตอร์หนุ่มเดินไปเปิดมู่ลี่ตรงกระจกบริเวณด้านข้างห้องซึ่งติดอยู่กับโต๊ะของเขา แล้วมองลงไปยังเบื้องล่างจากชั้น 2 เห็นยามคนหนึ่งกำลังถือกระบอกไฟฉายเดินตรวจตราเป็นกิจวัตร ภายใต้ความมืดที่ปกคลุมบริเวณรอบๆตึกวิทยาศาสตร์ ยังเต็มไปด้วยโคมไฟที่คอยให้แสงสว่างในยามค่ำคืน เราต้องรีบทำงานให้เสร็จเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว คิดพลาง หลังจากนั้น ดอกเตอร์หนุ่มก็เริ่มเตรียมการทดสอบงานวิจัยของตนขึ้น ห้องทดลองกลางขนาดใหญ่ของมหาลัย บัดนี้ไฟทุกดวงในห้องได้เปิดออกอย่างสว่างไสวทั่วห้อง โต๊ะขนาดใหญ่บริเวณกลางห้องมีการจัดเตรียมเครื่องมือเพื่อเตรียมปฏิบัติการ หนึ่งในเครื่องมือวิจัยนั้น คือกล่องที่เป็นกระจกรอบด้านทั้งสี่ด้าน มีหนูตัวใหญ่สีขาวตาสีแดงอยู่ในนั้น มันคือสัตว์ทดลอง ที่ต้องรับชะตากรรมที่มนุษย์ยัดเยียดให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บัดนี้ดอกเตอร์หนุ่มได้สวมเสื้อปฏิบัติการสีขาว แขนยาว ลักษณะของเสื้อยาวลงไปถึงบริเวณเข่า ติดกระดุมเรียงบริเวณด้านหน้าราว 5 เม็ด ด้านซ้ายของเสื้อมีป้ายชื่อสีขาวขนาดเล็กเขียนด้วยอักษรสีดำว่า ดอกเตอร์ภัครพล รัชนากูล ด้านขวาของเสื้อมีกระเป๋าขนาดเล็กที่เย็บติดอยู่บนเสื้อปฏิบัติการ กระเป๋านั้นมีตราของมหาวิทยาลัยอยู่ พร้อมกับใส่ถุงมือ รวมทั้งใส่หน้ากากอนามัยและแว่นตาปฏิบัติการขนาดใหญ่ที่ดูไปคล้ายกับนักประดาน้ำ ทุกอย่างเตรียมพร้อม ทั้งยารักษาโรคพิษสุนัขบ้าที่ตนเองพึ่งคิดค้น รวมถึงไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าสกัดที่ถูกเตรียมมาในหลอดทดลองเป็นอย่างดี เพื่อการวิจัยครั้งนี้ เขาใช้เข็มขนาดเล็กที่เพิ่งถูกแกะออกมาอย่างระมัดระวัง และค่อยๆดึงลูกสูบขึ้นเพื่อดูดเอาน้ำใสๆ ในหลอดนั้นออกมา มันคือเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าสกัด จากนั้นเขาก็ใช้อีกมือที่ยังคงว่างอยู่เปิดกล่องกระจกบริเวณด้านบนออก แล้วใช้มือจับหนูทดลองตัวนั้นที่กำลังดิ้นตะเกียกตะกายหมายจะเอาชีวิตรอดให้หยุดอยู่นิ่งๆ อนิจจามันไม่สามารถฝืนชะตาตัวเองได้ เข็มฉีดยานั้นได้ทิ่มแทงไปที่ร่างของหนูโชคร้ายตัวนั้น มันร้องจิ๊ดๆ ด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บยังไม่ทันบรรเทา สักพักมันก็ถูกเข็มฉีดยาอีกเข็มที่เตรียมไว้อยู่แล้วนั้น ทิ่มลงมา อีกครั้งมันคือยารักษาโรคพิษสุนัขบ้า หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการดอกเตอร์หนุ่มก็ปิดกล่องกระจกลง แล้วคอยเฝ้าดูอากัปปฎิกริยาของหนูตัวนั้นอย่างใจจดใจจ่อ ฉันเชื่อว่ามันต้องสำเร็จ ยานี้รักษาโรคพิษสุนัขบ้าให้หายได้ และหนูตัวนี้จะไม่เป็นไรแน่ๆ บัดนี้ หนูผู้เคราะห์ร้ายได้นอนคว่ำอยู่นิ่งๆ ผ่านไปไม่กี่นาที ร่างของมันเริ่มโงนเงน ยืนอยู่นิ่งๆไม่ได้ ร่างนั้นค่อยๆ เอียงแล้วเซถลาล้มลง ในท่านอนตะเเคง จากนั้นร่างนั้นค่อยๆเกร็งแล้วนอนหงายท้องทันที แล้วเริ่มมีอาการกระตุกอย่างรุนแรงแล้วจึงนอนแน่นิ่งไป
" นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ฟื้นสิเจ้าหนูน้อย ไม่ ฉันต้องตรวจสอบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ " ว่าแล้ว ดอกเตอร์ก็เปิดกระจกออก แล้วใช้มือของตนจะเข้าไปคว้าร่างของหนูตัวนั้นออกมาด้วยความหัวเสีย แต่ยังไม่ทันพ้นกระจกพลันเจ้าหนูตัวนั้นก็ลืมตาขึ้นแล้วใช้ปากกัดไปที่นิ้วชี้ของดอกเตอร์พลอย่างจัง โอ้ย เสียงของดอกเตอร์พลร้องดังลั่นห้อง พร้อมกับปล่อยเจ้าหนูตัวนั้น ตกลงไปในกล่องกระจกเหมือนเดิมแล้วใช้มืออีกข้างปิดกล่องทันที
" ไอ้หนูบ้าเอ้ยย เจ็บชะมัดเลย”
ถุงมือสีขาว บัดนี้มีเลือดไหลซิบๆออกมา โดยเฉพาะบริเวณนิ้วชี้ที่โดนกัด เขารีบถอดถุงมือออก
" โอ้ย นี่มันเลือดนี่นา "
เจ้าหนูตัวใหญ่สีขาวนั้นใช้ฟันคมๆของมัน กัดนิ้วของเขาโดยกัดทะลุถุงมือเป็นรูเข้ามา ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ เขารีบทำความสะอาดแผล โดยใช้น้ำล้าง และเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ เราโดนกัดครั้งนี้ แผลจะมีเชื้อโรคอะไรรึเปล่าเนี่ย เราต้องรีบไปเช็คดูสักหน่อยแล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรต่อ เขารู้สึกมึนหัว เหมือนทุกอย่างรอบตัวดูหมุนเร็วกว่าปกติ เขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาดูเอนเอียงๆ เขาเริ่มทรงตัวไม่ได้ สายตาเริ่มพร่ามัวลง เขามีความรู้สึกว่า ไฟในห้องทดลองที่สว่างไสวค่อยๆริบหรี่ลง เขาใช้มือข้างนึงแตะที่ผนังไว้ แต่ก็ไร้ประโยชน์ ร่างของเขาทรุดลงไปนอนกับพื้น พร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ดับวูบลงไป ร่างกายของเขาเริ่มมีอาการเหยียดเกร็งอย่างรุนแรง มือทั้ง 2 ข้าง งองุ้มเข้าหากัน ร่างที่ตกลงไปกับพื้น เริ่มมีอาการกระตุก อย่างรุนแรง ใบหน้าเหยเก ดวงตาเบิกโพลง บัดนี้ร่างของเขาเหมือนกับหนูทดลองสีขาวอย่างไงอย่างงั้นไม่มีผิดเพี้ยน สักพักร่างที่กระตุกอย่างรุนแรงก็สงบลง ร่างนั้นนอนแน่นิ่ง ดวงตาที่เบิกโพลงนั้นค่อยๆหรี่ลงจนปิดสนิท สถานการณ์ทุกอย่างสงบลงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
ด้านล่างของตึกวิทยาศาสตร์
เสียงมอเตอร์ไซค์ดังมาแต่ไกล ปรากฏร่างชายวัยกลางคนในชุดยาม ผิวคมเข้ม ไว้หนวดเครา ชายผู้นี้ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่ที่หน้าป้อมคณะวิทยาศาสตร์ พร้อมกับเรียกเพื่อนยามที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับการเล่นโทรศัพท์
“ เฮ้ย ทำไรอยู่วะ”
ชายร่างผอม หน้าตอบ โหนกแก้มใหญ่ คล้ายคนอีสานในชุด รปภ.เงยหน้าขึ้น ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ แล้วตอบไปทันควัน
“โอ๊ย ไอ้แหลม ข้าตกใจหมด”
พร้อมกับถามเพื่อนต่อว่า
“เฮ้ย ไอ้แหลม ปกติพวกดอกเตอร์ พวกอาจารย์ นี่ทำงานกันจนดึกจนดื่นขนาดนี้เลยเหรอ นี่ก็ปาไปตึหนึ่งกว่าแล้วนะเว้ย ข้ามองขึ้นไป ไอห้องกระจกใหญ่ๆที่มี เครื่องมือเยอะๆ ชั้น สองไฟยังเปิดอยู่เลยหว่า”
“ก็ไม่นี่หว่า ปกติวันไหนที่ข้ามาเข้าเวรที่นี่ พวกอาจารย์แกจะออกมากันประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ แต่จะว่าไปวันนี้มันก็น่าแปลกจริง ทำไมถึงได้ดึกขนาดนี้เนี่ย”
มือใหม่หัดแต่งนิยาย ลองเข้ามาอ่านกันดูนะเจ้าค่ะ
ปอลิง. ติได้ บ่นได้ ด่าได้ แต่อย่าแรงนะค่ะ(เสียงสู๊ง) 55
ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น
ณ ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว สับสน ฉันไม่รู้เลยว่า จริงๆแล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รู้เพียงแต่ว่า มันได้เกิดขึ้นมาแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงไปง่ายๆ เพื่อนของฉัน คนรอบตัวของฉันได้กลายเป็นพวกมันไปเสียหมด ฉันไม่รู้เลยว่าฉันควรจะทำอย่างไรดี ควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองและพวกคนที่เหลืออยู่รอด ฉันยืนมองผู้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉัน ระหว่างฉันและพวกเขามีเพียงประตูบานใหญ่ 2 บานที่ขณะนี้ถูกปิดเข้าหากัน โดยฉันและเพื่อนของฉันที่ช่วยกันปิดมันไว้ พร้อมกับใช้โซ่เส้นเล็กที่นำมาจากร้านซุปเปอร์มารเกสคล้องระหว่างที่จับของประตูทั้ง 2บานเพื่อให้มันปิดติดกันสนิท พวกเราทำอย่างทุลักทุเลและเร่งรีบ เพราะคิดว่ามันอาจจะช่วยถ่วงเวลาไว้สักพักเพื่อให้พวกเราหนีไปได้ไกลพอสมควร ประตูบานใหญ่เหล็กดัดที่เคยมีลวดลายตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่สวยงามสีขาว มีริ้วสีทองตามขอบ บัดนี้ได้เต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรัง พร้อมกับพวกมันอีกนับร้อย นับพัน ยืนออ เบียดกันอยู่ยาวสุดลูกหูลูกตาคล้ายกับคนเดินขบวนอย่างไงอย่างงั้น พวกมันทำทีท่าเหมือนอยากจะพังประตูออกมาเสียให้ได้ พวกมันที่อยู่หน้าสุดใช้มือกำตรงช่องว่างระหว่างเหล็กดัดแล้วเขย่าประตูใหญ่ที่มีโซ่เล็กๆของพวกเราคล้องอยู่ ประตูบานใหญ่แทบจะล้มตึงพังลงมาต่อหน้า ตาของพวกมันจ้องเขม็งมาที่พวกเรา พร้อมกับขยับปาก กัดกรามกรอดๆ เหมือนเสืออยากจะขย้ำเหยื่อ เสียงครางคำรามในลำคอดังเป็นระยะ ฉันไม่รู้ว่าผู้คนเหล่านั้นเป็นอะไรกันไปหมด รู้แต่ว่าพวกมันอยากจะทำร้ายพวกเรา อยากที่จะฉีกเนื้อพวกเราออกเป็นชิ้นๆ และถ้าลองพวกมันได้กัดใครเข้าแล้ว คนๆนั้นก็จะเปลี่ยนไปกลายเป็นพวกมันอีกทันที ซึ่งตอนนี้สภาพคนที่ฉันรู้จัก บางคนแทบจำสภาพเดิมไม่ได้ สภาพหน้าที่เละเต็มไปด้วยเลือด บ้างก็มีรอยถูกกัด ลูกตาโถลนออกมานอกเบ้า ไส้ทะลักห้อยระโยงระยางออกมานอกท้อง ผิวหนังเหี่ยวย่นเน่าเฟะ กลิ่นเหม็นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คราบเลือดเกรอะกรัง ปากฉีกขาดวิ่นยาวไปจนถึงหู จน เห็นรากฟันลึกและกระดูกข้างแก้มเป็นสันนูนโผล่ออกมา ช่างเป็นภาพที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับซากศพที่ร่างกายผุพัง แต่ทว่าเป็นซากศพที่เดินได้ราวกับยังมีชีวิต เหมือนปีศาจ อสุรกายหรือ ผีดิบในนิยายที่พวกเราเคยอ่านกัน เหมือนหนังหรือซี่รี่ย์ที่พวกเราเคยดูอย่างไม่มีผิดเพี้ยน มีความอยาก มีความกระหายเลือด เนื้อ มีความกระหายที่จะฆ่าและทำลายล้าง ฉันแทบอยากจะเป็นบ้าเสียให้ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นจริงในชีวิตของพวกเรา ใช่แล้วทางเดียวที่จะทำให้พวกเราไม่กลายไปเป็นพวกมันอีก นั่นคือฉันและคนที่เหลือต้องหนี พวกเรากำลังจะหนีไป ไปที่ไหนก็ได้ ไปให้ไกลๆ ในที่ที่ไม่มีพวกมันอยู่ นี่คือเรากำลังจะหาทางหนีจากความจริง พวกเรากำลังหลอกตัวเองว่าหนทางข้างหน้าจะมีแต่พวกเรา มีเพื่อน มีครอบครัวที่ใช้ชีวิตอย่างสงบแบบที่แล้วมา ขณะที่พวกเรากำลังหันหลังให้กับประตูบานใหญ่นั้น พลันก็ต้องสะดุ้งโหยง เพราะประตูบานใหญ่นั้น กำลังจะพังลงมาต่อหน้าต่อตาของพวกเรา ไม่ทันการแล้ว พวกเราต้องรีบหนีก่อนที่ประตูบานนั้นจะพังลงมา โครม ตึง เสียงดังสนั่นไปทั่วเป็นเสียงเหล็กดัดของประตูกระทบกับพื้นถนนที่เป็นคอนกรีต ตอนนี้ประตูบานใหญ่ได้พังลงมาเสียแล้ว นี่เรากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับพวกมันอีกครั้งแล้วเหรอนี่พวกมันมีมากเกินไป มากจนที่สามารถพังประตูใหญ่ได้ มากสำหรับที่จะต้องเผชิญหน้าในสภาวะเช่นนี้ และอาจมากเกินไปสำหรับที่จะหนีไปจากที่นี่ให้ได้อีกด้วย
…ย้อนไปเมื่อ 14 วันก่อน
"ศาสตราจารย์วิทย์ครับ ศาสตราจารย์วิทย์ครับ รบกวนมาดูอะไรนี่หน่อยครับ "
" มีอะไรเหรอ ดอกเตอร์ "
" นี่ไงครับ ผลงานวิจัยของทีมเรา ยารักษาโรคพิษสุนัขบ้า ยานี้จะรักษาโรคพิษสุนัขบ้าให้หายได้ในเข็มเดียว โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ก็สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้หมด โดยคุณสมบัติของมัน คือจะล้อมตัวเชื้อเอาไว้ แล้วกัดกินตัวเชื้อ ไม่ว่าจะโดนสุนัขกัดที่ไหน ยานี้จะสามารถกำจัดเชื้อไวรัสก่อโรคได้ทั้งหมดครับ "
" ถ้ามันดีขนาดนี้ คุณแน่ใจนะ ว่ามันจะไม่เป็นอันตรายกับคนที่ได้รับยาน่ะ "
" คำถามของศาตราจารย์ข้อนี้ คือสิ่งที่ผมกำลังจะทดลองวันนี้ไงล่ะครับ
" เอาล่ะ ถ้าคุณคิดว่า ผลงานนี้มันจะสร้างประโยชน์ให้กับวงการวิทยาศาสตร์ สร้างชื่อเสียงให้มหาลัย ให้ทีมงาน และที่สำคัญคือกับตัวคุณ ผมก็ขออวยพรให้คุณทำมันให้สำเร็จก็แล้วกันนะดอกเตอร์พล
" ครับ ผมจะตั้งใจทำมันออกมาให้ดีที่สุดครับ "
" เอาล่ะ วันนี้ผมคงอยู่ช่วยงานคุณไม่ได้นะ เพราะผมต้องรีบเดินทาง มีธุระที่ต้องไปทำที่ต่างจังหวัดด่วน เป็นงานของภาควิชา ผมอาจจะไปสัก 2-3 วัน ฝากทางนี้ด้วยแล้วกันนะ
" ครับ ศาสตราจารย์ "
หลังสิ้นสุดบทสนทนา ศาตราจารย์วิทย์ ในเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ ผูกเน็กไทต์สีชา สวมแว่นตาหนาเตอะ ผมสีขาวที่บางเต็มที หน้าตาที่ดูเหมือนคนจีนแก่ๆคนนึง ก็เดินออกจากห้องทดลองไปพร้อมกับเอกสารวิจัยอีกเป็นปึก ที่แกหอบหิ้วไปอ่านด้วย ทิ้งไว้แต่ดอกเตอร์หนุ่มที่ยังนั่งชื่นชมอยู่กับผลงานชิ้นโบแดงของตัวเอง ชายหนุ่มวัยสัก 30 ต้นๆ รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาดูดีสะอาดสะอ้าน นักศึกษาเกียรตินิยมอันดับ 1 ดีกรีนักเรียนนอก ได้เริ่มเข้ามาช่วยงานศาตราจารย์วิทย์เมื่อปีที่แล้ว ด้วยความที่ดอกเตอร์พลเป็นคนเก่ง และเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง เขาเลยมักจะคิดค้นงานวิจัยอะไรใหม่ๆมาอยู่เสมอ จนทำให้มหาลัยและทีมวิจัยได้รับรางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกันที่เขาจะต้องคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองให้ได้ เพราะเป็นรางวัลใหญ่ รางวัลพระราชทาน แถมถ้าใครได้รับรางวัลนี้ บางทีอาจจะได้มีชื่อเข้าชิงถึงโนเบลก็เป็นได้ ซึ่งนั่นมันคือความฝันสูงสุดของนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย รวมถึงดอกเตอร์หนุ่มคนนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนที่จะก้าวไปถึงขั้นนั้น การทดลองของเขาในวันนี้ต้องเสร็จสมบูรณ์เสียก่อน เขาหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนฝาผนังหน้าห้อง ขณะนั้นเวลาเกือบเที่ยงคืน สภาวะรอบตัว รวมถึงภายนอกดูเงียบสงัด ดอกเตอร์หนุ่มเดินไปเปิดมู่ลี่ตรงกระจกบริเวณด้านข้างห้องซึ่งติดอยู่กับโต๊ะของเขา แล้วมองลงไปยังเบื้องล่างจากชั้น 2 เห็นยามคนหนึ่งกำลังถือกระบอกไฟฉายเดินตรวจตราเป็นกิจวัตร ภายใต้ความมืดที่ปกคลุมบริเวณรอบๆตึกวิทยาศาสตร์ ยังเต็มไปด้วยโคมไฟที่คอยให้แสงสว่างในยามค่ำคืน เราต้องรีบทำงานให้เสร็จเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว คิดพลาง หลังจากนั้น ดอกเตอร์หนุ่มก็เริ่มเตรียมการทดสอบงานวิจัยของตนขึ้น ห้องทดลองกลางขนาดใหญ่ของมหาลัย บัดนี้ไฟทุกดวงในห้องได้เปิดออกอย่างสว่างไสวทั่วห้อง โต๊ะขนาดใหญ่บริเวณกลางห้องมีการจัดเตรียมเครื่องมือเพื่อเตรียมปฏิบัติการ หนึ่งในเครื่องมือวิจัยนั้น คือกล่องที่เป็นกระจกรอบด้านทั้งสี่ด้าน มีหนูตัวใหญ่สีขาวตาสีแดงอยู่ในนั้น มันคือสัตว์ทดลอง ที่ต้องรับชะตากรรมที่มนุษย์ยัดเยียดให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บัดนี้ดอกเตอร์หนุ่มได้สวมเสื้อปฏิบัติการสีขาว แขนยาว ลักษณะของเสื้อยาวลงไปถึงบริเวณเข่า ติดกระดุมเรียงบริเวณด้านหน้าราว 5 เม็ด ด้านซ้ายของเสื้อมีป้ายชื่อสีขาวขนาดเล็กเขียนด้วยอักษรสีดำว่า ดอกเตอร์ภัครพล รัชนากูล ด้านขวาของเสื้อมีกระเป๋าขนาดเล็กที่เย็บติดอยู่บนเสื้อปฏิบัติการ กระเป๋านั้นมีตราของมหาวิทยาลัยอยู่ พร้อมกับใส่ถุงมือ รวมทั้งใส่หน้ากากอนามัยและแว่นตาปฏิบัติการขนาดใหญ่ที่ดูไปคล้ายกับนักประดาน้ำ ทุกอย่างเตรียมพร้อม ทั้งยารักษาโรคพิษสุนัขบ้าที่ตนเองพึ่งคิดค้น รวมถึงไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าสกัดที่ถูกเตรียมมาในหลอดทดลองเป็นอย่างดี เพื่อการวิจัยครั้งนี้ เขาใช้เข็มขนาดเล็กที่เพิ่งถูกแกะออกมาอย่างระมัดระวัง และค่อยๆดึงลูกสูบขึ้นเพื่อดูดเอาน้ำใสๆ ในหลอดนั้นออกมา มันคือเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าสกัด จากนั้นเขาก็ใช้อีกมือที่ยังคงว่างอยู่เปิดกล่องกระจกบริเวณด้านบนออก แล้วใช้มือจับหนูทดลองตัวนั้นที่กำลังดิ้นตะเกียกตะกายหมายจะเอาชีวิตรอดให้หยุดอยู่นิ่งๆ อนิจจามันไม่สามารถฝืนชะตาตัวเองได้ เข็มฉีดยานั้นได้ทิ่มแทงไปที่ร่างของหนูโชคร้ายตัวนั้น มันร้องจิ๊ดๆ ด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บยังไม่ทันบรรเทา สักพักมันก็ถูกเข็มฉีดยาอีกเข็มที่เตรียมไว้อยู่แล้วนั้น ทิ่มลงมา อีกครั้งมันคือยารักษาโรคพิษสุนัขบ้า หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการดอกเตอร์หนุ่มก็ปิดกล่องกระจกลง แล้วคอยเฝ้าดูอากัปปฎิกริยาของหนูตัวนั้นอย่างใจจดใจจ่อ ฉันเชื่อว่ามันต้องสำเร็จ ยานี้รักษาโรคพิษสุนัขบ้าให้หายได้ และหนูตัวนี้จะไม่เป็นไรแน่ๆ บัดนี้ หนูผู้เคราะห์ร้ายได้นอนคว่ำอยู่นิ่งๆ ผ่านไปไม่กี่นาที ร่างของมันเริ่มโงนเงน ยืนอยู่นิ่งๆไม่ได้ ร่างนั้นค่อยๆ เอียงแล้วเซถลาล้มลง ในท่านอนตะเเคง จากนั้นร่างนั้นค่อยๆเกร็งแล้วนอนหงายท้องทันที แล้วเริ่มมีอาการกระตุกอย่างรุนแรงแล้วจึงนอนแน่นิ่งไป
" นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ฟื้นสิเจ้าหนูน้อย ไม่ ฉันต้องตรวจสอบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ " ว่าแล้ว ดอกเตอร์ก็เปิดกระจกออก แล้วใช้มือของตนจะเข้าไปคว้าร่างของหนูตัวนั้นออกมาด้วยความหัวเสีย แต่ยังไม่ทันพ้นกระจกพลันเจ้าหนูตัวนั้นก็ลืมตาขึ้นแล้วใช้ปากกัดไปที่นิ้วชี้ของดอกเตอร์พลอย่างจัง โอ้ย เสียงของดอกเตอร์พลร้องดังลั่นห้อง พร้อมกับปล่อยเจ้าหนูตัวนั้น ตกลงไปในกล่องกระจกเหมือนเดิมแล้วใช้มืออีกข้างปิดกล่องทันที
" ไอ้หนูบ้าเอ้ยย เจ็บชะมัดเลย”
ถุงมือสีขาว บัดนี้มีเลือดไหลซิบๆออกมา โดยเฉพาะบริเวณนิ้วชี้ที่โดนกัด เขารีบถอดถุงมือออก
" โอ้ย นี่มันเลือดนี่นา "
เจ้าหนูตัวใหญ่สีขาวนั้นใช้ฟันคมๆของมัน กัดนิ้วของเขาโดยกัดทะลุถุงมือเป็นรูเข้ามา ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ เขารีบทำความสะอาดแผล โดยใช้น้ำล้าง และเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ เราโดนกัดครั้งนี้ แผลจะมีเชื้อโรคอะไรรึเปล่าเนี่ย เราต้องรีบไปเช็คดูสักหน่อยแล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรต่อ เขารู้สึกมึนหัว เหมือนทุกอย่างรอบตัวดูหมุนเร็วกว่าปกติ เขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเขาดูเอนเอียงๆ เขาเริ่มทรงตัวไม่ได้ สายตาเริ่มพร่ามัวลง เขามีความรู้สึกว่า ไฟในห้องทดลองที่สว่างไสวค่อยๆริบหรี่ลง เขาใช้มือข้างนึงแตะที่ผนังไว้ แต่ก็ไร้ประโยชน์ ร่างของเขาทรุดลงไปนอนกับพื้น พร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ดับวูบลงไป ร่างกายของเขาเริ่มมีอาการเหยียดเกร็งอย่างรุนแรง มือทั้ง 2 ข้าง งองุ้มเข้าหากัน ร่างที่ตกลงไปกับพื้น เริ่มมีอาการกระตุก อย่างรุนแรง ใบหน้าเหยเก ดวงตาเบิกโพลง บัดนี้ร่างของเขาเหมือนกับหนูทดลองสีขาวอย่างไงอย่างงั้นไม่มีผิดเพี้ยน สักพักร่างที่กระตุกอย่างรุนแรงก็สงบลง ร่างนั้นนอนแน่นิ่ง ดวงตาที่เบิกโพลงนั้นค่อยๆหรี่ลงจนปิดสนิท สถานการณ์ทุกอย่างสงบลงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น.
ด้านล่างของตึกวิทยาศาสตร์
เสียงมอเตอร์ไซค์ดังมาแต่ไกล ปรากฏร่างชายวัยกลางคนในชุดยาม ผิวคมเข้ม ไว้หนวดเครา ชายผู้นี้ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่ที่หน้าป้อมคณะวิทยาศาสตร์ พร้อมกับเรียกเพื่อนยามที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับการเล่นโทรศัพท์
“ เฮ้ย ทำไรอยู่วะ”
ชายร่างผอม หน้าตอบ โหนกแก้มใหญ่ คล้ายคนอีสานในชุด รปภ.เงยหน้าขึ้น ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ แล้วตอบไปทันควัน
“โอ๊ย ไอ้แหลม ข้าตกใจหมด”
พร้อมกับถามเพื่อนต่อว่า
“เฮ้ย ไอ้แหลม ปกติพวกดอกเตอร์ พวกอาจารย์ นี่ทำงานกันจนดึกจนดื่นขนาดนี้เลยเหรอ นี่ก็ปาไปตึหนึ่งกว่าแล้วนะเว้ย ข้ามองขึ้นไป ไอห้องกระจกใหญ่ๆที่มี เครื่องมือเยอะๆ ชั้น สองไฟยังเปิดอยู่เลยหว่า”
“ก็ไม่นี่หว่า ปกติวันไหนที่ข้ามาเข้าเวรที่นี่ พวกอาจารย์แกจะออกมากันประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ แต่จะว่าไปวันนี้มันก็น่าแปลกจริง ทำไมถึงได้ดึกขนาดนี้เนี่ย”