สวัสดีชาวบลูครับ กระทู้ไปฮ่องกงครั้งนี้ ไม่มีเรื่องช้อปปิ้ง ไหว้พระ ตลุยกินอย่างรีวิวอื่นๆ เป็นทริปกระทันหันที่สุด จขกทติสแตก เช้าFail บ่ายลาพักร้อน เย็นซื้อตั๋ว เช้าอีกวันบินเลย ตอนไปถึงก็ยังไม่รู้ว่ามาทำอะไร นึกขึ้นได้ว่ามีสถานที่ที่หนึ่งอยากไปแต่ยังไม่มีโอกาส เลยเป็นจุดเริ่มต้นของกระทู้นี้ครับ
*สำหรับใครที่ชอบปีนเขา วิวแบบพาโนราม่า รับรองไม่ผิดหวัง จะพยายามลงรายละเอียดให้มากที่สุด ภาพที่ถ่ายทั้งหมดมาจากกล้อง Note5 อาจมีเบลอบ้างต้องขออภัย
รายละเอียดทริปนี้ จขกทซื้อตั๋วผ่านเว็ปของการบินไทย แต่ไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์สนามบินสุวรรณภูมิ
- ขาไป BKK-HKG ไฟล์ท 08:00-11:45 TG600 เครื่อง Boeing 747-400 HS-TGO "บวรรังสี"
- ขากลับ HKG-BKK ไฟล์ท 14:10-15:50 TG629 เครื่อง Airbus A330 HS-TBG "สมุทรปราการ"
ราคา 8,500 บาท
*สำหรับใครอยากบินเครื่องA350 มีของคาเธ่ย์ทำการบินอยู่ครับ รู้สึกว่าไฟล์ท 11 โมง แพงกว่าเจ้าป้านิดหน่อย(ไป-กลับ เก้าพันกว่าบาท)
-ที่พัก Shamrock Hotel ย่านจอร์แดนครับ 2 คืน 1,386 HKD(6,514บาท)
วันแรก 06:09 @Suvarnabhumi Airport
เกทที่ออก C10 อยู่ปลายสุดด้านขวามือของ Concourses C ครับ
เจ้าป้ามารอตั้งแต่เมื่อคืน
เจ็ดโมงครึ่งก็เรียกขึ้นเครื่องครับ ไฟล์ทนี้คนน้อยมาก(ไม่ถึงครึ่ง) สามเบาะนั่งคนเดียวกับฟ้าสวยๆ
อาหารเช้ามีให้เลือกระหว่างไส้กรอก แฮม ไข่ กับข้าวต้มปลา
รสชาติโอเคครับ
10:40 @Hong Kong ท้องฟ้าเคลียร์มาก เหงาไปอีก...
เครื่องจอดเกท 40 เราก็ลงด้านล่างต่อรถไฟไป Immigration
สำหรับวิธีเข้าเมืองจขกทเลือกMTR เหมือนเดิมครับ นั่งบัส S1 ไปลงสถานี Tung Chung(Citygate Outlets)
จากรีวิวฮ่องกงครั้งที่แล้วมีคนถามเรื่องล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าที่ซิตี้เกทมาพอสมควร เลยขอเอามาบอกอีกรอบครับ
จากป้ายที่เราลง ก็เดินมาตรงทางเข้าห้าง(สังเกตุร้านสตาร์บัค) เดินตรงเข้าไปหาบันไดเลื่อนทางลงชั้นล่าง จะอยู่ตรงร้านSwatch
เดินตรงไปลงชั้นจอดรถใต้ดินครับ(อยู่ตรงTASTE)
ตู้ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าจะอยู่ด้านซ้ายมือ ฝากไซส์เล็กได้ 20 ใบ ใหญ่ 10 ใบ ช่วงเช้าตู้จะว่าง สายๆหน่อยจะเต็มแล้ว
เราสามารถจ่ายเงินสดหรือใช้บัตรปลาหมึกก็ได้ครับ ค่าบริการก็ตามภาพเลย วิธีใช้ก็เริ่มเลือกภาษา>ขนาด>จ่ายเงิน>รับโค๊ดไว้สแกนตอนมาเอากระเป๋า ส่วนต่างของชั่วโมง เราค่อยมาจ่ายทีหลัง
12:20 - 13:45 @Shamrock Hotel
จากสถานีMTR "Tung Chung" สายสีส้ม(Tung Chung Line) นั่งยาวมาลงสถานี "Central" แล้วเดินต่อทางเชื่อมเพื่อเปลี่ยนไปสายสีแดง(Tsuen Wan Line)จาก Central ไปลงสถานี "Jordan" ออกExit C1ก็จะเจอโรงแรมครับ ครั้งที่แล้วจขกทมาพักตอนเดือนมิถุนา มีการปรับปรุงทาสีด้านนอกใหม่ ผ่านมาเดือนกว่าๆก็ยังคงทาสีอยู่เช่นเดิม
ห้องเตียงคู่จะใหญ่กว่าห้องเตียงเดี่ยว ครั้งนี้โชคดีได้ห้องใหญ่สุด ผสมโชคร้ายห้องมีกลิ่นสี เอิ่มมมม..
เช็คอิน เก็บของเรียบร้อยก็ออกไปหาอะไรรองท้องกับร้านโจ๊กสุดโปรด "Sea View Congee" ย่านมงก๊ก
การเดินทางง่ายนิดเดียวครับ นั่งMTR Jordan ไปลง Mong Kok(สถานีที่สอง) ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที
มื้อนี้ไม่ถึง 70 เหรียญ(200กว่าบาท)
15:57 @Victoria Habour
เพิ่งเข้าใจว่าทำไมคนถึงชอบมานั่งกันที่นี่ มันเหมาะมากกับการนั่งคิด คิด คิดว่าจะไปทิ้งเรื่องแย่ๆไว้ที่ไหน
Dragon's Back เริ่มต้นที่นี่ละครับ ว่าแล้วก็หาข้อมูลการเดินทางในบัดดล กลับโรงแรมไปอ่านรีวิว เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้
การเดินทางไปยัง Drogon's Back เริ่มจาก MTR สถานีไหนก็ได้ไปลง "Shau Kei Wan" แล้วต่อรถบัสสาย 9 (มี 2 ทางเลือก) คือไปลงป้าย "Cape Collinson" (Shek O Country Park) หรือจะก็นั่งถัดไปอีกสองป้ายลงที่ "To Tei Wan"
จุดขึ้นหลัก)ครับ
วันที่ 2 06:00 @"Cape Collinson" Bus Station
จขกทออกจากโรงแรมแต่เช้า(กลัวจะร้อน) เพราะอุปกรณ์ป้องกันไม่มีสักอย่างนอกจากครีมกันแดด(ซื้อจากSASAเมื่อคืน- -!) ถ้าใครมีแพลนว่าจะมาปีนล่วงหน้าแนะนำเสื้อแขนยาว หมวก แว่นกันแดด เสบียงให้พร้อม น้ำดื่ม(สำคัญมาก) รองเท้าผ้าใบ(พื้นนุ่มหน่อยจะดีมาก)
สำหรับหลังมังกร DRAGON'S BACK อยู่บนพื้นที่อุทยาน Shek O มีเส้นทางให้ได้เดิน ปีน ปั่นจักรยาน รวมระยะทางกว่า 8 กิโล ส่วนที่เป็นหลังมังกรจะเป็นเหมือนแหลมยื่นไปในทะเล มีเส้นทางผ่านป่า(60%)และสันเขา(40%) เลือกได้ว่าจะขึ้นทางไหนตามข้อมูลด้านบน ระยะเวลาเดินจากทางขึ้น(Cape Collinson)จนถึงจุด Check Point Dragon's Back(Shek O Peak ความสูง 284 เมตร) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ(ระยะทาง3กิโลเมตร) + ขาลงอีก 2 กิโล(เดินประมาณชั่วโมง) แวะพักถ่ายรูปบ้าง รวมๆก็ร่วม 3 ชั่วโมง กับระยะทาง 5 กิโลเมตร
พอถึงสถานี Shau Kei Wan เราออก Exit A3 ขึ้นมาก็จะเจอท่ารถบัสเลยครับ
จุดจอดบัสหมายเลข 9 ตามนี้
รอประมาณ 10 นาที รถก็ออกครับ
สำหรับใครที่กลัวลงไม่ถูกป้าย ให้จำแยกนี้ไว้ ถึงแล้วรถจะเลี้ยวซ้าย ก็เตรียมกดออดได้เลย(ป้ายCape Collinson) หรือไปขึ้นที่จุดสตาร์ทปกติก็นับไปป้ายที่ 3(To Tei Wan) หลังจากรถเลี้ยวครับ(ดูภาพประกอบถัดไป)
ป้าย"Cape Collinson" (Shek O Country Park) จุดเริ่มต้นที่จขกทเดิน(แต่คนส่วนใหญ่จะเริ่มจากทางTo Tei Wanซ่ะมากกว่า)
เห็นแค่ทางขึ้นก็สนุกแล้ว
ป้ายนี้ยังเป็นทางเข้าทัณฑสถาน Tai Tam Gap Correctional Institution
07:11
เดินขึ้นมาก็เลี้ยวขวา ตามป้ายไปเลย ต้องเดินไปอีกประมาณ 100 เมตรถึงทางเข้า
ป้ายเส้นทางการเดินท่องเที่ยวบริเวณทางเข้า มีทั้งทางไปชายหาด(Big Wave Bay Beach) หมู่บ้านชาวประมง จุดตั้งแคมป์ปิ้ง และระบุพิกัดจีพีเอสบอกเป็นระยะ เราสามารถเช็คจากมือถือได้เลยว่าถึงตรงไหนแล้ว(สัญญาณดีมาก จขกทซื้อซิมCLS ในป่าก็ยังใช้ได้ดีครับ)
ทางเดินช่วงแรกจะเลาะแนวภูเขา เป็นป่าโปร่ง ดินแข็งสลับหินก้อนเล็กๆ เดินสูดอากาศเพลินๆ ไม่เหนื่อยเท่าไร
ถ้าเข้าหน้าฝนอาจจะเละกว่านี้
จะมีจุดที่ดูอันตรายนิดหน่อย ถ้าคนที่ชอบแนวนี้อยู่แล้วไม่น่าเป็นห่วงครับ แต่ให้ดีควรมีบัดดี้ เพราะนานๆๆๆจะมีคนผ่านมา เกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือได้ทัน
มีไต่หินพอประมาณหึๆ
ทางเดินในป่าจะมีทางน้ำอยู่หลายจุด หน้าฝนอาจจะลื่นและเดินลำบาก
ป้ายบอกพิกัด
ผ่าน 30 นาที ได้เห็นวิวแรก อดคิดไม่ได้ว่าข้างบนจะสวยขนาดไหน เดินไปก็คิดเรื่องต่างๆไป ฟังเพลงไปเรื่อยๆ(ตอนแรกคิดว่ามาเดินป่าจะมาใส่หูฟังทำไม ฟังเสียงนกเสียงแมลงซิ๊ แต่หนทางมันยาวไกลจริงๆ)
07:55 @ตรงไหนไม่รู้ของ..Shek O Country Park
ตอนนี้เช็คจากจีพีเอส เราอยู่ครึ่งทางก็จะถึงจุดCheck Point ลุ้นแล้วลุ้นอีกว่าจะหลุดออกจากป่าเมื่อไร ไต่สูงขึ้นมาเรื่อยๆจนเจอป้ายเลี้ยวซ้ายตรงขั้นบันได ใกล้แล้ว
ต่อจากนี้จะเข้าโหมดแอ็ดวานซ์ ใครมาถึงเตรียมเกร็งน่องวอร์มข้อเท้าได้เลย แต่ถ้าสวนขึ้นอีกทางก็เป็นทางลงแทนครับ ความชันระดับ3(จาก5)
ขึ้นมาได้ไม่เท่าไรขั้นบันไดหาย! จากตรงนี้ถึงที่ราบด้านบนระยะประมาณ 30 เมตร แต่ก็หอบเอาเรื่องครับ
เจอคุณลุงคุณป้าเเดินสวนลงมา แข็งแรงมาก
ต่อด้านล่างครับ
[CR] ติสกระทันหัน HK "DRAGON'S BACK" เอาเรื่องแย่ๆไปทิ้งที่หลังมังกร
สวัสดีชาวบลูครับ กระทู้ไปฮ่องกงครั้งนี้ ไม่มีเรื่องช้อปปิ้ง ไหว้พระ ตลุยกินอย่างรีวิวอื่นๆ เป็นทริปกระทันหันที่สุด จขกทติสแตก เช้าFail บ่ายลาพักร้อน เย็นซื้อตั๋ว เช้าอีกวันบินเลย ตอนไปถึงก็ยังไม่รู้ว่ามาทำอะไร นึกขึ้นได้ว่ามีสถานที่ที่หนึ่งอยากไปแต่ยังไม่มีโอกาส เลยเป็นจุดเริ่มต้นของกระทู้นี้ครับ
*สำหรับใครที่ชอบปีนเขา วิวแบบพาโนราม่า รับรองไม่ผิดหวัง จะพยายามลงรายละเอียดให้มากที่สุด ภาพที่ถ่ายทั้งหมดมาจากกล้อง Note5 อาจมีเบลอบ้างต้องขออภัย
รายละเอียดทริปนี้ จขกทซื้อตั๋วผ่านเว็ปของการบินไทย แต่ไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์สนามบินสุวรรณภูมิ
- ขาไป BKK-HKG ไฟล์ท 08:00-11:45 TG600 เครื่อง Boeing 747-400 HS-TGO "บวรรังสี"
- ขากลับ HKG-BKK ไฟล์ท 14:10-15:50 TG629 เครื่อง Airbus A330 HS-TBG "สมุทรปราการ"
ราคา 8,500 บาท
*สำหรับใครอยากบินเครื่องA350 มีของคาเธ่ย์ทำการบินอยู่ครับ รู้สึกว่าไฟล์ท 11 โมง แพงกว่าเจ้าป้านิดหน่อย(ไป-กลับ เก้าพันกว่าบาท)
-ที่พัก Shamrock Hotel ย่านจอร์แดนครับ 2 คืน 1,386 HKD(6,514บาท)
วันแรก 06:09 @Suvarnabhumi Airport
เกทที่ออก C10 อยู่ปลายสุดด้านขวามือของ Concourses C ครับ
เจ้าป้ามารอตั้งแต่เมื่อคืน
เจ็ดโมงครึ่งก็เรียกขึ้นเครื่องครับ ไฟล์ทนี้คนน้อยมาก(ไม่ถึงครึ่ง) สามเบาะนั่งคนเดียวกับฟ้าสวยๆ
อาหารเช้ามีให้เลือกระหว่างไส้กรอก แฮม ไข่ กับข้าวต้มปลา
รสชาติโอเคครับ
10:40 @Hong Kong ท้องฟ้าเคลียร์มาก เหงาไปอีก...
เครื่องจอดเกท 40 เราก็ลงด้านล่างต่อรถไฟไป Immigration
สำหรับวิธีเข้าเมืองจขกทเลือกMTR เหมือนเดิมครับ นั่งบัส S1 ไปลงสถานี Tung Chung(Citygate Outlets)
จากรีวิวฮ่องกงครั้งที่แล้วมีคนถามเรื่องล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าที่ซิตี้เกทมาพอสมควร เลยขอเอามาบอกอีกรอบครับ
จากป้ายที่เราลง ก็เดินมาตรงทางเข้าห้าง(สังเกตุร้านสตาร์บัค) เดินตรงเข้าไปหาบันไดเลื่อนทางลงชั้นล่าง จะอยู่ตรงร้านSwatch
เดินตรงไปลงชั้นจอดรถใต้ดินครับ(อยู่ตรงTASTE)
ตู้ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าจะอยู่ด้านซ้ายมือ ฝากไซส์เล็กได้ 20 ใบ ใหญ่ 10 ใบ ช่วงเช้าตู้จะว่าง สายๆหน่อยจะเต็มแล้ว
เราสามารถจ่ายเงินสดหรือใช้บัตรปลาหมึกก็ได้ครับ ค่าบริการก็ตามภาพเลย วิธีใช้ก็เริ่มเลือกภาษา>ขนาด>จ่ายเงิน>รับโค๊ดไว้สแกนตอนมาเอากระเป๋า ส่วนต่างของชั่วโมง เราค่อยมาจ่ายทีหลัง
12:20 - 13:45 @Shamrock Hotel
จากสถานีMTR "Tung Chung" สายสีส้ม(Tung Chung Line) นั่งยาวมาลงสถานี "Central" แล้วเดินต่อทางเชื่อมเพื่อเปลี่ยนไปสายสีแดง(Tsuen Wan Line)จาก Central ไปลงสถานี "Jordan" ออกExit C1ก็จะเจอโรงแรมครับ ครั้งที่แล้วจขกทมาพักตอนเดือนมิถุนา มีการปรับปรุงทาสีด้านนอกใหม่ ผ่านมาเดือนกว่าๆก็ยังคงทาสีอยู่เช่นเดิม
ห้องเตียงคู่จะใหญ่กว่าห้องเตียงเดี่ยว ครั้งนี้โชคดีได้ห้องใหญ่สุด ผสมโชคร้ายห้องมีกลิ่นสี เอิ่มมมม..
เช็คอิน เก็บของเรียบร้อยก็ออกไปหาอะไรรองท้องกับร้านโจ๊กสุดโปรด "Sea View Congee" ย่านมงก๊ก
การเดินทางง่ายนิดเดียวครับ นั่งMTR Jordan ไปลง Mong Kok(สถานีที่สอง) ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที
มื้อนี้ไม่ถึง 70 เหรียญ(200กว่าบาท)
15:57 @Victoria Habour
เพิ่งเข้าใจว่าทำไมคนถึงชอบมานั่งกันที่นี่ มันเหมาะมากกับการนั่งคิด คิด คิดว่าจะไปทิ้งเรื่องแย่ๆไว้ที่ไหน
Dragon's Back เริ่มต้นที่นี่ละครับ ว่าแล้วก็หาข้อมูลการเดินทางในบัดดล กลับโรงแรมไปอ่านรีวิว เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้
การเดินทางไปยัง Drogon's Back เริ่มจาก MTR สถานีไหนก็ได้ไปลง "Shau Kei Wan" แล้วต่อรถบัสสาย 9 (มี 2 ทางเลือก) คือไปลงป้าย "Cape Collinson" (Shek O Country Park) หรือจะก็นั่งถัดไปอีกสองป้ายลงที่ "To Tei Wan"จุดขึ้นหลัก)ครับ
วันที่ 2 06:00 @"Cape Collinson" Bus Station
จขกทออกจากโรงแรมแต่เช้า(กลัวจะร้อน) เพราะอุปกรณ์ป้องกันไม่มีสักอย่างนอกจากครีมกันแดด(ซื้อจากSASAเมื่อคืน- -!) ถ้าใครมีแพลนว่าจะมาปีนล่วงหน้าแนะนำเสื้อแขนยาว หมวก แว่นกันแดด เสบียงให้พร้อม น้ำดื่ม(สำคัญมาก) รองเท้าผ้าใบ(พื้นนุ่มหน่อยจะดีมาก)
สำหรับหลังมังกร DRAGON'S BACK อยู่บนพื้นที่อุทยาน Shek O มีเส้นทางให้ได้เดิน ปีน ปั่นจักรยาน รวมระยะทางกว่า 8 กิโล ส่วนที่เป็นหลังมังกรจะเป็นเหมือนแหลมยื่นไปในทะเล มีเส้นทางผ่านป่า(60%)และสันเขา(40%) เลือกได้ว่าจะขึ้นทางไหนตามข้อมูลด้านบน ระยะเวลาเดินจากทางขึ้น(Cape Collinson)จนถึงจุด Check Point Dragon's Back(Shek O Peak ความสูง 284 เมตร) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ(ระยะทาง3กิโลเมตร) + ขาลงอีก 2 กิโล(เดินประมาณชั่วโมง) แวะพักถ่ายรูปบ้าง รวมๆก็ร่วม 3 ชั่วโมง กับระยะทาง 5 กิโลเมตร
พอถึงสถานี Shau Kei Wan เราออก Exit A3 ขึ้นมาก็จะเจอท่ารถบัสเลยครับ
จุดจอดบัสหมายเลข 9 ตามนี้
รอประมาณ 10 นาที รถก็ออกครับ
สำหรับใครที่กลัวลงไม่ถูกป้าย ให้จำแยกนี้ไว้ ถึงแล้วรถจะเลี้ยวซ้าย ก็เตรียมกดออดได้เลย(ป้ายCape Collinson) หรือไปขึ้นที่จุดสตาร์ทปกติก็นับไปป้ายที่ 3(To Tei Wan) หลังจากรถเลี้ยวครับ(ดูภาพประกอบถัดไป)
ป้าย"Cape Collinson" (Shek O Country Park) จุดเริ่มต้นที่จขกทเดิน(แต่คนส่วนใหญ่จะเริ่มจากทางTo Tei Wanซ่ะมากกว่า)
เห็นแค่ทางขึ้นก็สนุกแล้ว
ป้ายนี้ยังเป็นทางเข้าทัณฑสถาน Tai Tam Gap Correctional Institution
07:11
เดินขึ้นมาก็เลี้ยวขวา ตามป้ายไปเลย ต้องเดินไปอีกประมาณ 100 เมตรถึงทางเข้า
ป้ายเส้นทางการเดินท่องเที่ยวบริเวณทางเข้า มีทั้งทางไปชายหาด(Big Wave Bay Beach) หมู่บ้านชาวประมง จุดตั้งแคมป์ปิ้ง และระบุพิกัดจีพีเอสบอกเป็นระยะ เราสามารถเช็คจากมือถือได้เลยว่าถึงตรงไหนแล้ว(สัญญาณดีมาก จขกทซื้อซิมCLS ในป่าก็ยังใช้ได้ดีครับ)
ทางเดินช่วงแรกจะเลาะแนวภูเขา เป็นป่าโปร่ง ดินแข็งสลับหินก้อนเล็กๆ เดินสูดอากาศเพลินๆ ไม่เหนื่อยเท่าไร
ถ้าเข้าหน้าฝนอาจจะเละกว่านี้
จะมีจุดที่ดูอันตรายนิดหน่อย ถ้าคนที่ชอบแนวนี้อยู่แล้วไม่น่าเป็นห่วงครับ แต่ให้ดีควรมีบัดดี้ เพราะนานๆๆๆจะมีคนผ่านมา เกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือได้ทัน
มีไต่หินพอประมาณหึๆ
ทางเดินในป่าจะมีทางน้ำอยู่หลายจุด หน้าฝนอาจจะลื่นและเดินลำบาก
ป้ายบอกพิกัด
ผ่าน 30 นาที ได้เห็นวิวแรก อดคิดไม่ได้ว่าข้างบนจะสวยขนาดไหน เดินไปก็คิดเรื่องต่างๆไป ฟังเพลงไปเรื่อยๆ(ตอนแรกคิดว่ามาเดินป่าจะมาใส่หูฟังทำไม ฟังเสียงนกเสียงแมลงซิ๊ แต่หนทางมันยาวไกลจริงๆ)
07:55 @ตรงไหนไม่รู้ของ..Shek O Country Park
ตอนนี้เช็คจากจีพีเอส เราอยู่ครึ่งทางก็จะถึงจุดCheck Point ลุ้นแล้วลุ้นอีกว่าจะหลุดออกจากป่าเมื่อไร ไต่สูงขึ้นมาเรื่อยๆจนเจอป้ายเลี้ยวซ้ายตรงขั้นบันได ใกล้แล้ว
ต่อจากนี้จะเข้าโหมดแอ็ดวานซ์ ใครมาถึงเตรียมเกร็งน่องวอร์มข้อเท้าได้เลย แต่ถ้าสวนขึ้นอีกทางก็เป็นทางลงแทนครับ ความชันระดับ3(จาก5)
ขึ้นมาได้ไม่เท่าไรขั้นบันไดหาย! จากตรงนี้ถึงที่ราบด้านบนระยะประมาณ 30 เมตร แต่ก็หอบเอาเรื่องครับ
เจอคุณลุงคุณป้าเเดินสวนลงมา แข็งแรงมาก
ต่อด้านล่างครับ