ที่มา :
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/710038
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายในงานเปิดสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ และเปิดการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (รอส.) รุ่นที่ 3 พร้อมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "นโยบายการเตรียมความพร้อมของบุคลากรภาครัฐ เพื่อรองรับการก้าวไปสู่ดิจิทัล ไทยแลนด์" ว่า เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าขึ้นมาก แต่ยังมีปัญหาที่ติดขัดบ้าง
ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาบุคลากร และนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาประเทศ พร้อมยอมรับว่ารัฐบาลนี้ทำงานหนัก โดยเฉพาะกระทรวงไอซีที ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนชื่อกระทรวงให้การทำงานมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ดิจิทัล ซึ่งทุกฝ่ายมีความหวังดีต้องการให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้า แต่ยังมีคนบางกลุ่มคอยดึงขาทำให้งานล่าช้าไปบ้าง แต่รัฐบาลก็ได้กำลังใจจากข้าราชการทุกคนในการทำงานต่อไป
เร่งพัฒนาคนรับไทยแลนด์ 4.0
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับการเข้าสู่ประเทศไทย 4.0 คือ การใช้ปัญญาในการพัฒนาด้านต่างๆ และขอให้ช่วยกันสร้างระบบการทำงานใหม่ขึ้นมาให้แก่ประเทศ สร้างความเชื่อมั่นในอนาคต ยอมรับว่าคนไทยยังมีความขัดแย้งอยู่ และยังยึดติดกับสิ่งเดิม ซึ่งเทคโนโลยีช่วยในเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ ข้าราชการต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ช่วยเพิ่มขีดความสามารถสร้างโอกาสทางสังคม มีคุณภาพชีวิตที่ดีพัฒนามนุษย์ และให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมียุทธศาสตร์เพิ่มเติม เช่นการเพิ่มขีดความสามารถประเทศให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยดิจิทัล การปรับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ การพัฒนาหน่วยงานและบุคคลากรของรัฐ
การพัฒนาทุกด้านต้องสอดคล้องแผนสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยุทธศาสต์ชาติ ซึ่งยอมรับว่า หงุดหงิดกับบางเรื่อง โดยเฉพาะกลุ่มรัฐวิสาหกิจ ทั้งบมจ.กสท โทรคมนาคม และบมจ.ทีโอที ที่ยังไม่ร่วมมือ ไม่เปลี่ยนแปลง และเรียกร้องสิทธิประโยชน์
ขู่ยุบ “แคท-ทีโอที” หากประท้วง
ดังนั้นขอเตือนไว้ก่อนว่า อย่าสร้างความขัดแย้ง หรือเดินขบวนประท้วง ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องยุบหน่วยงาน เพราะที่ผ่านมาก็ให้เวลามามากแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกองค์กรต้องร่วมมือซึ่งกันและกัน และฝากให้บุคลากรภาครัฐไปคิดแนวทางในการบริหารที่เดินไปพร้อมกัน โดยไม่ขัดแย้งกับภาครัฐ ให้ประชาชนมีความเข้าใจ และยกระดับขีดความสามารถในระดับภูมิภาค เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้ามายังเมืองใหญ่
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้เดินหน้าทำงานมีคนดึงแข้งดึงขา ทำให้ประเทศเดินหน้าไปช้า รัฐบาลต้องทำงานเร่งเพิ่มขีดความสามารถ สร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้น ต้องระมัดระวังอย่าให้ประชาชนได้รับการชี้นำ ซึ่งการเป็นไทยแลนด์ 4.0 ก็เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ สร้างโอกาสทางสังคม มีคุณภาพชีวิตที่ดี พัฒนามนุษย์และให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ มียุทธศาสตร์เพิ่มเติม เช่น การเพิ่มขีดความสามารถประเทศก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยดิจิทัล การปรับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจการพัฒนาหน่วยงาน และบุคลากรของรัฐ
“ฝากไปถึงแคทกับทีโอทีด้วย ไม่อยากทำไม่อยากเปลี่ยนก็คงเจ๊งหมด รัฐบาลก็ช่วยไม่ได้ รัฐวิสาหกิจอย่ามาประท้วง ประท้วงมีเรื่องกับผมแน่ หัวหน้านั่นแหล่ะตัวดี ไม่ได้ขู่แต่ผมเอาจริง ไม่อย่างนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ในกระทรวง รัฐวิสาหกิจจะล้มละลายอยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว
หวังฝึกข้าราชการผ่านดิจิทัลพันคน
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) และพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงค์ ระหว่างสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน) หรือ สรอ. และหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผนึกกำลังขับเคลื่อนการยกระดับศักยภาพบุคคลากรภาครัฐด้านดิจิทัล ภายใต้สถาบันบุคคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ
นายอุตตม กล่าวว่า สถาบันพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ เปิดการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง เป็นโครงการดิจิทัลกอฟเวอร์เมนท์ อะคาเดมี ให้ข้าราชการสามารถรู้เท่าทันดิจิทัล เทคโนโลยีมีความสำคัญในการใช้งานภาครัฐ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (อี-กอฟเวิร์นเมนท์) โดยในหลักสูตร จะเน้นพัฒนาอบรม เพื่อช่วยข้าราชการให้มีทักษะสูงขึ้น มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอ ที่จะรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยเฟสแรกตั้งเป้าไว้ว่า จะมีข้าราชการผ่านหลักสูตรราว 1,000 คน
"ประยุทธ์" เตือน "ทีโอที-กสทฯ" ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง ขู่ห้ามออกมาประท้วง...
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายในงานเปิดสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ และเปิดการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (รอส.) รุ่นที่ 3 พร้อมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "นโยบายการเตรียมความพร้อมของบุคลากรภาครัฐ เพื่อรองรับการก้าวไปสู่ดิจิทัล ไทยแลนด์" ว่า เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าขึ้นมาก แต่ยังมีปัญหาที่ติดขัดบ้าง
ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาบุคลากร และนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาประเทศ พร้อมยอมรับว่ารัฐบาลนี้ทำงานหนัก โดยเฉพาะกระทรวงไอซีที ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนชื่อกระทรวงให้การทำงานมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ดิจิทัล ซึ่งทุกฝ่ายมีความหวังดีต้องการให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้า แต่ยังมีคนบางกลุ่มคอยดึงขาทำให้งานล่าช้าไปบ้าง แต่รัฐบาลก็ได้กำลังใจจากข้าราชการทุกคนในการทำงานต่อไป
เร่งพัฒนาคนรับไทยแลนด์ 4.0
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับการเข้าสู่ประเทศไทย 4.0 คือ การใช้ปัญญาในการพัฒนาด้านต่างๆ และขอให้ช่วยกันสร้างระบบการทำงานใหม่ขึ้นมาให้แก่ประเทศ สร้างความเชื่อมั่นในอนาคต ยอมรับว่าคนไทยยังมีความขัดแย้งอยู่ และยังยึดติดกับสิ่งเดิม ซึ่งเทคโนโลยีช่วยในเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ ข้าราชการต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ช่วยเพิ่มขีดความสามารถสร้างโอกาสทางสังคม มีคุณภาพชีวิตที่ดีพัฒนามนุษย์ และให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมียุทธศาสตร์เพิ่มเติม เช่นการเพิ่มขีดความสามารถประเทศให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยดิจิทัล การปรับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ การพัฒนาหน่วยงานและบุคคลากรของรัฐ
การพัฒนาทุกด้านต้องสอดคล้องแผนสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยุทธศาสต์ชาติ ซึ่งยอมรับว่า หงุดหงิดกับบางเรื่อง โดยเฉพาะกลุ่มรัฐวิสาหกิจ ทั้งบมจ.กสท โทรคมนาคม และบมจ.ทีโอที ที่ยังไม่ร่วมมือ ไม่เปลี่ยนแปลง และเรียกร้องสิทธิประโยชน์
ขู่ยุบ “แคท-ทีโอที” หากประท้วง
ดังนั้นขอเตือนไว้ก่อนว่า อย่าสร้างความขัดแย้ง หรือเดินขบวนประท้วง ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องยุบหน่วยงาน เพราะที่ผ่านมาก็ให้เวลามามากแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกองค์กรต้องร่วมมือซึ่งกันและกัน และฝากให้บุคลากรภาครัฐไปคิดแนวทางในการบริหารที่เดินไปพร้อมกัน โดยไม่ขัดแย้งกับภาครัฐ ให้ประชาชนมีความเข้าใจ และยกระดับขีดความสามารถในระดับภูมิภาค เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้ามายังเมืองใหญ่
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้เดินหน้าทำงานมีคนดึงแข้งดึงขา ทำให้ประเทศเดินหน้าไปช้า รัฐบาลต้องทำงานเร่งเพิ่มขีดความสามารถ สร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้น ต้องระมัดระวังอย่าให้ประชาชนได้รับการชี้นำ ซึ่งการเป็นไทยแลนด์ 4.0 ก็เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ สร้างโอกาสทางสังคม มีคุณภาพชีวิตที่ดี พัฒนามนุษย์และให้บริการของภาครัฐแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ มียุทธศาสตร์เพิ่มเติม เช่น การเพิ่มขีดความสามารถประเทศก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยดิจิทัล การปรับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจการพัฒนาหน่วยงาน และบุคลากรของรัฐ
“ฝากไปถึงแคทกับทีโอทีด้วย ไม่อยากทำไม่อยากเปลี่ยนก็คงเจ๊งหมด รัฐบาลก็ช่วยไม่ได้ รัฐวิสาหกิจอย่ามาประท้วง ประท้วงมีเรื่องกับผมแน่ หัวหน้านั่นแหล่ะตัวดี ไม่ได้ขู่แต่ผมเอาจริง ไม่อย่างนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ในกระทรวง รัฐวิสาหกิจจะล้มละลายอยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว
หวังฝึกข้าราชการผ่านดิจิทัลพันคน
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) และพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงค์ ระหว่างสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน) หรือ สรอ. และหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผนึกกำลังขับเคลื่อนการยกระดับศักยภาพบุคคลากรภาครัฐด้านดิจิทัล ภายใต้สถาบันบุคคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ
นายอุตตม กล่าวว่า สถาบันพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ เปิดการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง เป็นโครงการดิจิทัลกอฟเวอร์เมนท์ อะคาเดมี ให้ข้าราชการสามารถรู้เท่าทันดิจิทัล เทคโนโลยีมีความสำคัญในการใช้งานภาครัฐ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (อี-กอฟเวิร์นเมนท์) โดยในหลักสูตร จะเน้นพัฒนาอบรม เพื่อช่วยข้าราชการให้มีทักษะสูงขึ้น มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอ ที่จะรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยเฟสแรกตั้งเป้าไว้ว่า จะมีข้าราชการผ่านหลักสูตรราว 1,000 คน