พอดีเมื่อวันศุกร์ไกล้ๆค่ำ น้องที่บ้าน line มาบอก ป้า ... เสียแล้ว ( ป้าไม่ใช้ป้าในสายเลือดแต่เนืองจากครอบครัวของเราได้เกื่อกันมาเกือบสามชั่วอายุกับผมและพื่น้องป้าถือได้ว่ามีบุญคุณ ) ครั้งหนึ่งสามสิบกว่าปีที่แล้วป้าเคยมีทรัพย์สินน่าจะอยู่ประมาณเจ็ดหรือแปดหลักต้นๆ จากการทำมาหากินของป้าทำกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ครอบครัวป้ามีความรุ่งเรืองมากโดยเฉพาะลูกๆทั้งสี่คนทุกคนมีหน้าตาตามฐานะ คนในสังคมต่างยกยอเชิญชูป้ามากต่างให้ความสำคัญยกย่องเชิญไปตามงานต่างๆตามสังคม
ยามเรารุ่งเรื่องหลายครั้งที่สังเกตุเห็นคือเราจะลืมนึกถึงว่าเมื่อมีขึ้นย่อมมีลง เมื่อลุกคนโตป้าเป็นนายตำรวจยศและตำแหน่ง ณ ขณะนั้นพูดได้เลยว่ากำลังทะยานไกลแต่พลิกผันแค่วันเดียวเมื่อไปรับตำแหน่งต่างท้องที่แล้วเกิดเหตุปัจจุปันต้องเสียชืวิตลงอย่างที่ครอบครัวตั้งตัวไม่ทัน หลังเหตุการณ์นี้ชีวิตของป้าที่เคยรุ่งเรื่องก็เริ่มลดระดับลงตามลำดับ สามีป้าเป็นข้าราชการเกษียญก็เสียชีวิตลงด้วยโรคที่รุ่มเล้า การทรุดลงของฐานะการเงินก็ทรุดลงตามลำดับอันเนื่องมาจากธุรกิจที่ป้าไปทำร่วมกับผู้อื่นแล้วโดนเอาเปลียบจนสภาพคล่องเรื่มหมดที่ๆเคยสะสมก็เริ่มต้องทยอยขาย ลูกป้าคนที่สามก็เขามาช่วยครอบครัวแต่ก็ต้องมาเสียชีวิตอีกคนจากเรื่องการขัดผลประโยชน์ จะเหลือแค่ลุกสาวป้าคนที่สองและลูกชายคนสุดท้องที่เรียนไม่ได้จบอะไรและก็ทำอะไรไม่เป็นเพราะตอนที่เฟื่องฟูคงคิดว่าจะไม่มีวันที่ชีวิตจะเป็นแบบนี้ ป้าแกก็ต้องดิ้นในธุรกิจของแกตามประสาลูกสาวก็ทำทีว่ามาช่วยแต่ก็บังคับให้แกโอนทรัพย์สินให้ แกก็ทำแต่สิ่งที่ลูกเวรคนนี้ทำคือเอาทรัพย์สินที่มีที่ป้ายกให้ขายและจำนองเอาเงินที่ได้หายไปไม่เคยกลับมาดูแลไดๆ สุดท้ายสมบัติที่เป็นชื่อของแกก็โดนยึดจนหมดจนไม่มีบ้านจะอยู่แกก็ไม่ได้อะไรกับชืวิตมากมายก็ไปขออยู่วัดกินข้าววัดช่วยวัดทำงานตามประสาที่คนสูงอายุจะทำได้
ผมได้มาเจอกับแกหลังจากต้องออกจากบ้านมากว่ายี่สิบปีได้ข่าวแกบ้างแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากจนมาเจอแกจังๆเมื่อเหตุพ่อผมเสียเมื่อสี่ปีทีแล้วป้าก็ดูปกติแตกต่างตรงที่สังขารมันถดถ้อยได้คุยบ้างแกชวนแม่ผม(แม่ผมสนิทกันกับแกโตมาด้วยกัน)ไปอยู่กับแกที่วัดผมเจอก็ถามแกว่าเป็นยังไงก็ชมแกว่าดีที่มาถือศีลและแข็งแรงแกบอกว่าชีวิตตอนนี้สงบมีความสุขมากไม่มีอะไรให้ยึดไม่มีอะไรที่ต้องคิดมากจะมีห่วงก็กับลูกคนเล็กที่อายุน่าจะ50 เพราะทำอะไรไม่เป็น ผมก็ได้คุยแค่นั้นและหลังจากนั้นเวลากลับบ้านถ้าพบหรือนึกได้แต่ส่วนใหญ่จะลืมเพราะเวลาได้กลับบ้านจะจดจ่อกับการให้เวลากับแม่ที่เหลืออีกไม่น่าจะนาน โดยจะฝากเงินไปให้แก200-500ตามกำลัง จนเมื่อวันศุกร์ก็ได้ทราบว่าแกเสียแต่สิ่งที่คาดไม่ถีงคือน้องสาวบอกสวดวันแรกแต่ไม่ได้ใส่โลงก็สงสัยเลยถามได้ความว่าญาติรอติดต่อรับโลงบริจาก วันนั้นอารมณ์ผมขึ้นเลยเพราะด้วยความที่อยู่ต่างจังหวัดและทำอะไรเองไม่ได้ ก็บอกที่บ้านผมไปว่าซื้อให้แกเลยเงินค่อยว่ากันทีหลังเพราะหากแม่ผมยังแข็งแรงหรือพ่อยังมีชีวิตแกต้องคงไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เราจึงรวบรวมเงิน พี่ผมจึงไปจัดการมาร่วมทั้งสิ่งขาดเหลือ วันนี้วันนี้ร่างป้ากำลังจะสลายผมไม่ได้ไปแต่ฟังข่าวที่พี่น้องผมเล่าคือลูกไม่มางานศพแม่ หลานในสายเลือดไม่มาคนอีกหลายคนที่แกเคยชุบเลี่ยงไม่เห็นเงา จะมีแค่หลานลูกของพี่น้องของป้า พี่น้องบ้านผมและคงเป็นเพื่อนชาวบ้านที่เคยรู้จักกัน ที่เล่ามาแค่อยากให้เป็นอุหรณ์ว่าทุกวันนี้ยังคงเป็นรื่องจริงว่าไม่ใช้แค่ในนิยายที่จะมีชิงิตแบบนี้ ใครที่ยังมีแม่คิดถึงกันบ้าง นึกถึงกันนึกถึงครอบครัว และที่สำคัญอย่าประมาท
เกือบลืม เท่าที่จำได้ป้าแกไม่เคยทอดทิ้งพ่อแม่แกนะ
เรื่องเล่า เป็นชีวิตจริงที่ไม่ใช้นิยาย
ยามเรารุ่งเรื่องหลายครั้งที่สังเกตุเห็นคือเราจะลืมนึกถึงว่าเมื่อมีขึ้นย่อมมีลง เมื่อลุกคนโตป้าเป็นนายตำรวจยศและตำแหน่ง ณ ขณะนั้นพูดได้เลยว่ากำลังทะยานไกลแต่พลิกผันแค่วันเดียวเมื่อไปรับตำแหน่งต่างท้องที่แล้วเกิดเหตุปัจจุปันต้องเสียชืวิตลงอย่างที่ครอบครัวตั้งตัวไม่ทัน หลังเหตุการณ์นี้ชีวิตของป้าที่เคยรุ่งเรื่องก็เริ่มลดระดับลงตามลำดับ สามีป้าเป็นข้าราชการเกษียญก็เสียชีวิตลงด้วยโรคที่รุ่มเล้า การทรุดลงของฐานะการเงินก็ทรุดลงตามลำดับอันเนื่องมาจากธุรกิจที่ป้าไปทำร่วมกับผู้อื่นแล้วโดนเอาเปลียบจนสภาพคล่องเรื่มหมดที่ๆเคยสะสมก็เริ่มต้องทยอยขาย ลูกป้าคนที่สามก็เขามาช่วยครอบครัวแต่ก็ต้องมาเสียชีวิตอีกคนจากเรื่องการขัดผลประโยชน์ จะเหลือแค่ลุกสาวป้าคนที่สองและลูกชายคนสุดท้องที่เรียนไม่ได้จบอะไรและก็ทำอะไรไม่เป็นเพราะตอนที่เฟื่องฟูคงคิดว่าจะไม่มีวันที่ชีวิตจะเป็นแบบนี้ ป้าแกก็ต้องดิ้นในธุรกิจของแกตามประสาลูกสาวก็ทำทีว่ามาช่วยแต่ก็บังคับให้แกโอนทรัพย์สินให้ แกก็ทำแต่สิ่งที่ลูกเวรคนนี้ทำคือเอาทรัพย์สินที่มีที่ป้ายกให้ขายและจำนองเอาเงินที่ได้หายไปไม่เคยกลับมาดูแลไดๆ สุดท้ายสมบัติที่เป็นชื่อของแกก็โดนยึดจนหมดจนไม่มีบ้านจะอยู่แกก็ไม่ได้อะไรกับชืวิตมากมายก็ไปขออยู่วัดกินข้าววัดช่วยวัดทำงานตามประสาที่คนสูงอายุจะทำได้
ผมได้มาเจอกับแกหลังจากต้องออกจากบ้านมากว่ายี่สิบปีได้ข่าวแกบ้างแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากจนมาเจอแกจังๆเมื่อเหตุพ่อผมเสียเมื่อสี่ปีทีแล้วป้าก็ดูปกติแตกต่างตรงที่สังขารมันถดถ้อยได้คุยบ้างแกชวนแม่ผม(แม่ผมสนิทกันกับแกโตมาด้วยกัน)ไปอยู่กับแกที่วัดผมเจอก็ถามแกว่าเป็นยังไงก็ชมแกว่าดีที่มาถือศีลและแข็งแรงแกบอกว่าชีวิตตอนนี้สงบมีความสุขมากไม่มีอะไรให้ยึดไม่มีอะไรที่ต้องคิดมากจะมีห่วงก็กับลูกคนเล็กที่อายุน่าจะ50 เพราะทำอะไรไม่เป็น ผมก็ได้คุยแค่นั้นและหลังจากนั้นเวลากลับบ้านถ้าพบหรือนึกได้แต่ส่วนใหญ่จะลืมเพราะเวลาได้กลับบ้านจะจดจ่อกับการให้เวลากับแม่ที่เหลืออีกไม่น่าจะนาน โดยจะฝากเงินไปให้แก200-500ตามกำลัง จนเมื่อวันศุกร์ก็ได้ทราบว่าแกเสียแต่สิ่งที่คาดไม่ถีงคือน้องสาวบอกสวดวันแรกแต่ไม่ได้ใส่โลงก็สงสัยเลยถามได้ความว่าญาติรอติดต่อรับโลงบริจาก วันนั้นอารมณ์ผมขึ้นเลยเพราะด้วยความที่อยู่ต่างจังหวัดและทำอะไรเองไม่ได้ ก็บอกที่บ้านผมไปว่าซื้อให้แกเลยเงินค่อยว่ากันทีหลังเพราะหากแม่ผมยังแข็งแรงหรือพ่อยังมีชีวิตแกต้องคงไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เราจึงรวบรวมเงิน พี่ผมจึงไปจัดการมาร่วมทั้งสิ่งขาดเหลือ วันนี้วันนี้ร่างป้ากำลังจะสลายผมไม่ได้ไปแต่ฟังข่าวที่พี่น้องผมเล่าคือลูกไม่มางานศพแม่ หลานในสายเลือดไม่มาคนอีกหลายคนที่แกเคยชุบเลี่ยงไม่เห็นเงา จะมีแค่หลานลูกของพี่น้องของป้า พี่น้องบ้านผมและคงเป็นเพื่อนชาวบ้านที่เคยรู้จักกัน ที่เล่ามาแค่อยากให้เป็นอุหรณ์ว่าทุกวันนี้ยังคงเป็นรื่องจริงว่าไม่ใช้แค่ในนิยายที่จะมีชิงิตแบบนี้ ใครที่ยังมีแม่คิดถึงกันบ้าง นึกถึงกันนึกถึงครอบครัว และที่สำคัญอย่าประมาท
เกือบลืม เท่าที่จำได้ป้าแกไม่เคยทอดทิ้งพ่อแม่แกนะ