สวัสดีค่ะ >>>>>>เจอกันอีกเเล้วนะค่ะกับกระทู้ที่2ของการท่องไปในดินเเดนกาฬทวีป(หรือ เเอฟริกา)    ทวีปที่เต็มไปด้วยมลเสน่ห์ไม่รู้ลืมของดิฉันที่จะต้องหาโอกาสกลับไปแล้วกลับไปอีกเป็นประจำทุกปี    เเละสำหรับทริปนี้ เรียกได้ว่าเป็นทริปที่ยาวนานที่สุดเลยก็ว่าได้ของดิฉันในการโดยสารรถไฟผ่านประเทศต่างๆในเเอฟริกา โดยเริ่มจากทางตอนใต้ขึ้นมาเรื่อยๆ จนไปบรรจบถึงประเทศเเทนซาเนีย    ใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสไปเที่ยวเเอฟริกา คงอดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพเเอฟริกาเป็นสถานที่ๆยากจน ..อันตราย กันดานเเละน่ากลัว ด้วยภาพเเอฟริกาที่คุณได้เห็นตามสื่อต่างๆ มักที่จะถ่ายทอดถึงสิ่งเหล่านี้ .......เเต่ในทางกลับกัน เเอฟริกายังมีอีกด้านของความสวยงามเเอบซุกซ่อนอยู่ ทั้ง ทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงาม ตลอดจนวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆให้ชวนติดตาม..เเละในกระทู้นี้จะนำคุณไปรู้จักถึง ความเป็นเเอฟริกาให้มากขึ้น กับการถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน..ทางรถไฟสายเเอฟริกา ที่เริ่มต้นจาก ประเทศ เเอฟริกาใต้-ซิมบับเว้-เเซมเเบีย-เเทนซาเนีย
                                                                                                                                                                                              
  จุดเริ่มต้นของทริปนี้อยู่ที่ประเทศเเอฟริกาใต้ค่ะ ซึ่งหลังจากเเวะเที่ยวในเเอฟริกาใต้จนจบทริปแล้ว ดิฉันได้ออกเดินทางต่อสู่ประเทศที่สองต่อทางรถไฟมุ่งหน้าสู่ประเทศซิมบับเว้ ใช้เวลาในการเดินทางสองวันเต็มค่ะ จากกรุงโจฮันเนสเบริกซึ่งเป็นเเบบ Over night train สามารถนอนหลับในรถไฟเเบบข้ามคืนได้เลย อาจจะไม่สะดวกสบายสักเท่าไหร่เเต่ถ้าดูวิวสองข้างทางไปด้วยก็ทำให้จะหายเซงได้   เมืองเเรกในซิมบัวเว้ที่เรามาถึงก่อนในตอนเช้าชื่อเมือง Bulawayo ค่ะ เป็นเมืองที่จะข้ามผ่านไปยังน้ำตกวิคตอเรียได้        จาก Bulawayo จะต้องนั่งรถไฟต่อไปอีก15 ชม.นะค่ะ เรียกได้ว่าลืมเดือนลืมตะวันกันไปเลย สภาพรถไฟก็ทุรักทุเล อย่างที่เห็นในภาพนี่เเหละค่ะ    ส่วนนั่งนานๆเเบบนี้ถ้าหิว ของกินก็เรียกหาตามข้างทางได้ เพราะตามสถานีต่างๆก็จะมีพ่อค้าเเม่ค้าเร่มาขายของกันตลอดไม่ขาดสาย เรื่องของห้องน้ำไม่ต้องพูดถึงนะค่ะ เพราะบนรถไฟเป็นส้วมเเบบระบายปล่อยตรงถึงรางรถไฟเลย น้ำก็อย่าหวังที่จะมีไว้ล้างมือ เราควรที่จะพกขวดน้ำเปล่าติดมือขึ้นไปบนรถไฟด้วย ทั้งสำหรับใช้ดื่ม, ล้างมือ,ล้างหน้าเเละเเปรงฟัน......อีกทั้งตอนกลางคืนด้วยเเล้ว ไฟฉายส่วนตัวควรที่จะมีไว้พกติดตัวไว้ของใครของมัน เพราะบนรถไฟนั้นไม่มีไฟฟ้าใช้

เพื่อนร่วมโบกี้สายที่จะเดินทางไปน้ำตกวิคตอเรียนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวค่ะ มีทั้งชาวต่างชาติเเละชาวเเอฟริกัน(คนดำ)ด้วยกัน  เพราะน้ำตกวิตอเรียนี้เป็นน้ำตกที่โด่งดังมากเป็นน้ำตกโลกที่ใหญ่เเละสวยงามไม่เเพ้กับไนเเองการ่าของสหรัฐอเมริกา เเละอีกัวซูของอาเจนติน่า  เเต่เดี้ยวเราจะมีรูปมาบอกเล่าถึงน้ำตกเเห่งนี้ช่วงท้ายนะค่ะ  

นี่เป็นสภาพบนรถไฟในตอนเช้าค่ะ  ในส่วนนี้จะเป็นห้องรับทานอาหาร คือทุกคนจะมานั่วร่วมตัวกันเพื่อพูดคุยพบปะสังสรรค์ เปรียบเสมือนสภากาเเฟขนาดย่อม โดยจะเป็น ชาวเเอฟริกันหรือคนท้องที่สะเป็นส่วนใหญ่ในภาพนี้   ส่วนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆส่วนใหญ่ที่ตื่นเเล้วก็มักที่จะทำกิจกรรมอื่นๆ เช่นการเเปรงฟันกันตรงหน้าต่างรถไฟ หรือจะยืนชมบรรยากาศวิวสองข้างทางในยามเช้า

มีรูปดิฉันขณะนั่งกินอาหารเช้าร่วมกันกับคนอื่นด้วย เขามีเเซนวิชขายบนรถไฟด้วยนะค่ะ เเต่อย่าคาดหวังเกี่ยวกับคุณภาพของเเซนวิสที่นี่มาก เเค่เอาขนมบังมาประกบกับเศษๆของเเฮมเเค่นั้น คือเรียกว่ามีให้กินก็บุญเท่าไหร่เเล้วก็พอ

เพื่อนร่วมโบกี้ชาวออสเตรเลียสุดหล่อค่ะ ลืมชื่อไปแล้วด้วยว่าชื่ออะไร บุกป่าฝ่าดงด้วยกันมาตั้งเเต่โจฮันเนสเบริก คือขอเล่าสักนิดเกี่ยวกับความทรงจำดีๆของหนุ่มน้อยคนนี้ คือรู้จักกันตั้งเเต่บนรถบัสที่นั่งมา   ซึ่งในรถทั้งคันผู้โดยสารที่นั่งมาจะเป็นคนดำเเอฟริกันทั้งหมด  มีเเค่ดิฉันที่เป็นคนเอเชียกับฝรั่งเเค่คนเดียวนั่นก็คือเขา ต่างคนต่างนั่งประสานสายตากัน ....ในใจก็ต่างคิด เรามีจุดหมายปลายทางเดียวกันเเน่เพราะเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน เอาว่ะ ...คืนนี้ มันนี่เเหละที่จะเอามาเป็นบัดดี้ในขบวบโบกี้รถไฟ เกือบยี่สิบชั่วโมงของฉัน สรุปเเล้วเราสองคนก็กลับกลายมาเป็นเพื่อนร่วมเดินทางกันไปโดยปริยาย ที่มีจุดหมายเดียวกันคือ " น้ำตกวิคตอเรีย "                                                                                                                                              
บรรยากาศรอบๆตามสถานีรถไฟนะค่ะ คนเเอฟริกันผู้หญิงที่นี่จะนิยมเเบกของไว้บนศีรษะ เเละของก็ไม่หล่นลงพื้นด้วยเรียกว่าการทรงตัวนี่ดีสุดๆ

ประเทศซิมบับเว้ นะค่ะ ยังจัดได้ว่าเป็นประเทศที่ยากจนเกือบที่สุดในทวีปเเอฟริกา ด้วยสาเหตุหลักในอดีตกับสภาวะเงินเฟ้อ การคอร์รัปชั่นของรัฐบาลซึ่งมีผลกระทบทำให้เศรษฐกิจของประเทศในยุคของมูกาเบซบเซา  ด้วยการปกครองของผู้นำประเทศมีการขับไล่คนผิวขาวออกเเละควบคุมระบบเศรษฐกิจภายใต้คนดำเเอฟริกาเกือบทั้งหมด เเละนับได้ว่าเงินเฟ้อช่วงปี2006 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจซบเซามากซึ่งรองจากเงินเฟ้อในฮังการี ปัจจุบันเงินสกุลซิมบับเว้ไม่ได้ใช้เเล้ว เเต่ได้นำเงินยูเอสดอลล่าร์มาใช้เเทนที่                                                                                                                                                
ตลาดของประเทศซิมบับเวในเมือง Bulawayoค่ะ เเม่ค้าเอาของมานั่งขายข้างทางตลอดเเนวยาว ส่วนใหญ่เป็นผักที่คนในท้องที่ปลูกขายกันเอง โดยช่วงที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในประเทศนี้เเทบจะไม่เคยได้พบเห็นเงินธนบัตตรของยูเอสดอลล่ารืที่เป็นเเบงค์ใหญ่ๆเช่น เเบงค์ร้อย หรือเเบงค์ห้าสิบเลย เพราะของที่นี่ถูกมาก สัมผัสถึงความย่ำเเย่ของเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน

* ***เป็นสุลเงินของประเทศซิมบับเวในสมัยก่อนที่ปัจจุบันได้ทำการยกเลิกไปเเล้ว ดิฉันซื้อมาจากเด็กที่มาเดินขายของตามสถานีรถไฟ *****        
Welcome to Victoria falls ถึงสักที ......2วันการเดินทางบนรถไฟที่เเสนจะยาวนานเเละทรมาน จากเเอฟริกาใต้ ผู้โดยสารกลุ่มใหญ่โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างพากันตื่นเต้นที่เพราะกำลังจะถึงจุดหมายปลายทางสักที .....เห็นป้ายน้ำตกมา รัว รัว .....                                                                                                      
เสียงก้องสะท้านของน้ำตกสายใหญ่เเห่งเเอฟริกา ทำให้ดิฉันหายเหนื่อยเป็นปริดทิ้งจากการเดินทางที่เเสนทรหด ธรรมชาติที่งดงามเเละยิ่งใหญ่สอนให้รู้ว่า " ธรรมชาติย่อมเป็นสิ่งที่อยู่เหนือมนุษย์ "   เเละธรรมชาติเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถจะควบคุมธรรมชาติได้ถึงมนุษย์จะพยายามสักเเค่ไหนก็ไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้   เเละน้ำตกวิคตอเรียนี้เกิดจากเเม่นาเเซมเบซี ที่ไหลลงสู่หน้าผาสูง108เมตร ซ่งอยู่ระหว่างประเทศซิมบับเว้ กับ ประเทศเเซมเบีย น้ำตกวิคตอเรียนั้นยังถูกจัดอันดับให้เป็นมรดกโลกร่วมกันระหว่างสองประเทศอีกด้วย

ตามประวัติศาสตร์ที่ค้นพบน้ำตกวิตอเรีย ทำให้รู้ว่าทวีปแอฟริกานั้นไม่ได้เป็นเพียงเเต่ทะเลทราย เเต่ยังคงมีความชุ่มชื่นเเละสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่มากที่มีทั้งป่าเเละน้ำมากพอสมควร เเละการเกิดขึ้นของน้ำตกเเห่งนี้ได้เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อ150ล้านปีก่อน จนกระทั่งทำให้พื้นเเผ่นดินบริเวณนี้เเยกออกจากกันเป็นสองส่วน ที่มาของชื่อน้ำตกเเห่งนี้ ผู้คนพบได้ตั้งชื่อน้ำตกเเห่งนี้ให้เป็นเกียรติเเก่ พระราชินีวิคตอเรีย ของอังกฤษ อีกด้วย

ฟากทางด้านน้ำตกวิตอเรียในฝั่งประเทศเเซมเบียหากมองดูเเล้วถึงจะมีขนาดเล็กกว่าฝั่งของประเทศซิมบับเวอยู่มากเเต่ความสวยงามของน้ำตกนั้นก็ยังคงมีความโดดเด่นอยู่ ด้วยความยาวกว่าสองกิโลเมตรได้ครอบคลุมสองประเทศเอาไว้ด้วยกันสายน้ำที่ไหลลงสู่เเม่น้ำเเซมเบซีที่เชี่ยวกรากทำให้ช่วงหน้าฝนจะมีน้ำทลักออกมาเป็นจำนวนมากจนทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องสะท้านดุจเสียงสัตว์ป่า เเละส่วนที่ลึกๆลงไปถึง180เมตร เลยทีเดียว

เป็นหนังม้าลายพื้นโตถ่ายจากร้านขายของที่ระลึกประเทศเเซมเบียค่ะ พื้นนี้ราคาจะตกอยู่ที่1000 USDหรือสามหมื่นกว่าบาทไทย ซึ่งเเพงมากเลยทีเดียว เเต่ยังไม่เเน่ใจว่าถ้าหิ้วเข้ามาในประเทศไทยเเล้วจะต้องเสียค่าอะไรเพิ่มไหม เเต่ตอนที่ซื้อทุกครั้งพ่อค้าจะให้ใบกำกับสินค้ามาด้วยเพื่อรับรองว่าหนังสัตว์ป่าที่เราซื้อตัวนี้ถูกต้องได้รับอนุญาติเเล้ว ปัจจุบันหนังสัตว์ป่าในเเอฟริกานะค่ะ ได้มีการซื้อขายอย่างถูกต้องเห็นได้จากร้านขายของที่ระลึก เพราะสัตว์บางชนิดมีให้ล้นป่า จึงจำเป็นที่จะต้องถูกล่าให้ลดจำนวนลงไปบ้าง

เนื้อสัตว์ในเเอฟริกามีขายกันอย่างเเพร่หลายตามข้างทาง ชาวบ้านในเเอฟริกานั้นนิยมเลี้ยงสัตว์เพื่อมาทำเป็นอาหาร * ภาพนี้ถ่ายได้จากรถไฟจากประเทศเเซมเบียมุ่งหน้าสู่ชายเเดนเข้าเเทนซาเนีย ***

ร้านค้าในเขตฝั่งของประเทศเเทนซาเนีย เริ่มเห็นร้านขายของที่ระลึก เห็นชาวมาไซ่ในเขตชนบทเเถวนั้นด้วย สังเกตุได้จากผ้าของชาวเผ่าพื้นเมืองมาไซดังภาพ

ภาพสุดท้ายที่จะนำมาปิดกระทู้นะค่ะ ตอนนี้เดินทางมาถึงเเทนซาเนียเเล้ว เป็นภาพคู่กับหญิงชนเผ่ามาไซในเเทนซาเนีย เผ่ามาไซเป็นชนเผ่าทางเเอฟริกาที่ยังคงรักษาความเป็นอยู่ดั้งเดิมอย่างเเท้จริงไว้ .........ขอปิดท้ายกระทู้ไว้เเค่นี้ก่อนนะค่ะ เอาไว้โอกาสหน้าะนำสาระดีๆมาฝากเพื่อนๆในพันทิปอีกนะค่ะ