================
ง้อเพราะรัก
================
ที่มา : กระทู้นี้ เลียนแบบ ห้องกลอน
ที่มีการเขียนบทกวี ร้อยกรอง
ตามเพลง
แต่ผมไม่ภนัดบทกวีร้อยกรอง เลย ดัดแปลงเป็นเรื่องสั้น แทนบทกวี ครับ แต่เนื้อหาไม่เกี่ยวกัน ฮา
ผิดพลาดประการใดขออภัย ขอบคุณนักกวีทุกท่าน.... ในห้องกลอน ที่ทำให้ผมได้ไอเดียครับ......^^
เธอชื่อ Flora ไม่....เธอเป็นคนไทย
และไม่...เธอเป็นคนในหัวใจของใครหลายคน ในหลายคนที่ว่าผมพยายามไม่เขี่ยตัวเองออกไปในคำจำกัดความ แต่ก็ไม่พยายามเขี่ยหัวใจตัวเองเข้าไปในคำจำกัดความ
ง่ายดายและไร้การเสแสร้ง เราทะเลาะกัน เรารักกัน เราขัดแย้งกัน และผมกำลังทำในสิ่งที่เรียกว่าพยายามง้อเพราะรัก
ไม่ๆๆๆ......ผมหมายถึงคุณไม่มีวันเข้าใจว่าทำไมผมถึงพยายามง้อเธอ..เพราะผมเองยังไม่เข้าใจ และไม่คิดว่าคนที่ไม่เข้าใจตัวเองยังจะมีคนอื่นมาเข้าใจ อย่างนั้นมันไม่ต่างจากทะเลทรายกำลังรอคอยน้ำใจกำลังกลั่นตัวลงมาเป็นสายธารท่วมท้นหัวใจจนสำลักออกมาทางสายตาและละลายเป็นหนึ่งเดียวกับหัวใจ
ผมรอคอย.. จนกระทั่งปีกม่านของรัตติกาลอ่อนนุ่มคลี่ลงมาปกคลุม ความมืดแวะลงมาคุยกับดวงตะวันผู้กำลังอ่อนล้าโรยแรง ฝูงนกกาบินไล่เรียงรายตัดฟากฟ้าแต่งแต้มสวยงามราวภาพฝันเพริดแพร้วพิสดาร แสงสว่างและความมืดคงปรึกษาหารือกันกับเรื่องนอกเหนือจะจินตนาการ
ดอกไม้ในมือเป็นดอกพลับพลึง
..ไม่ใช่ดอกกุหลาบ เหตุผลเพราะผมชอบเพลง The Lily Of The West โดยไม่มีเหตุผล จึงเลือกดอกพลับพลึงในการ “ง้อเพราะรัก”
ผมรอคอยหน้าบ้านของเธอ ......เพราะอยากจะง้อเธอในบัดดลเมื่อเธอปรากฏตัว หัวใจและร่างกายให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ของหัวใจและความรัก แต่ทำไม่ได้ เรื่องราวบางอย่างควรรอจังหวะและเวลาอันเหมาะสมของมัน
และเมื่อถึงเวลานั้น
เพียงอยากกระซิบสักคำ ...ขอโทษสักครา...หรืออาจจะบอกลาสักนิด
ไฟห้องนอนของเธอเปิดอยู่ ผมควรจะโทรศัพท์หาเธอ แต่ผมคงทำไม่ได้ เพราะรู้ว่าเธอมีคนใหม่แล้ว น่าแปลกใจใช่ไหม...เมื่อเธอมีคนใหม่ผมควรจะลบเลือนตัวเองออกไป ผมควรจะอิจฉาริษยาผู้ชายคนนั้น..คนที่อยู่ข้างกายเธอ ข้างใจเธอ แต่ไม่..เพราะรู้ว่าผมกำลังฝากเธอไว้ชั่วคราวเท่านั้น ขอบคุณไอ้หมอนั่น... ที่มันทำหน้าที่แทนผม...เขาดูแลปกป้องคุณ... ผมควรจะขอบคุณเขาไม่ใช่หรือ ไอ้บ้า...แกโชคดีแล้ว..ควรจะรับผิดชอบในหน้าที่ของแกให้ดี...อย่าให้บกพร่อง รักและดูแลเธอได้เพียงครึ่งหนึ่งที่ฉันคิด ก็เพียงพอแล้ว
ผมนั่งลงหน้าบ้าน รอเธอ เพราะรู้ว่าเธอย่างไรต้องลงมา
ใช่แล้ว ...ฟลอร่าลงมาจากบ้านจริงๆ ผู้ชายคนนั้นคงหลับอยู่กับความฝันหรือไม่ก็ความฝันที่ผสมกับความจริงจนกลายเป็นความไม่แน่ใจ แสงเทียนเล่มเล็กในมือของเธอเป็นจุดเล็กๆ ในความมืดละลายกระจายแสงเต็มหัวใจ
ผมไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่าเธอควรจะเป็นฝ่ายบอกมากกว่า... สายลมอันแสนฉลาดและแสนเหงายามดึกอันเยือกเย็นเหมือนพัดผ่านทรวงอกของร่างอันไร้หัวใจราวปลอบประโลม สายลมพัดผ่านช่องว่างของการไร้หัวใจให้เสียงหวีดหวิวราวเสียงคร่ำครวญหวนไห้
“คุณกลับไปเถอะนะคะ ที่รัก....”
เธอบอกกับผมด้วยน้ำเสียงเหมือนสายลมกระซิบกับหุบเหว สายตาเหมือนหลุมดำในอวกาศของหัวใจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่อ้างว้างสิ้นหวัง ผมพยายามมองหน้าของเธอผ่านสายลม...สายลมที่มีละอองเย็นของน้ำค้างผสมไอน้ำตา
“เพียงแต่ขอเข้าฝันคุณก็ไม่ได้ใช่ไหมครับ”
ผมเหวี่ยงความหวังสุดท้ายออกจากปาก แม้รู้ว่ามันไม่ต่างจากกรวดทรายกำลังถาโถมตัวเองลงสู่อ้อมอกของทะเลกว้างไกล ไกลออกไปยังปลายฝั่งและปลายฝัน คลื่นแห่งความจริงกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างแช่มช้าแต่เลือดเย็น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอละอองแห่งความจริงและความเจ็บปวดกำลังเลื่อนไหลเข้ามาอย่างน่ากลัว
“ลาก่อนฟลอร่าที่รัก...”
มือของเธอยื่นออกมาสัมผัสมือของผม ที่กำลังสัมผัสกับความว่างเปล่า ดอกพลับพลึงในมือกลายเป็นดอกไม้จันทน์และผมกำลังอยู่ในทะเลของสายลมอันแสนอ้างว้างและเยือกเย็น ละอองไอของสายหมอกไม่ต่างจากส่วนที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อนที่สุดของหัวใจและความรู้สึกกำลังกลั่นตัวเป็นสายลมเหนือพัดผ่านไปยังดินแดนแห่งความเจ็บปวดไปแสนไกลจนเกินจะจินตนาการ
ทันใดนั้นเอง ผมก็รู้ขึ้นมาทันทีว่า ความรักจริงๆ มันคืออะไร
ความรักที่แท้จริงผมไม่ต้องวิ่งตามหามัน หรือมันไม่จำเป็นต้องวิ่งตามหาจนรถของผมต้องวิ่งลงข้างทาง หล่นลงไปในหวลึก แยกร่างกายและวิญญาณออกจากกัน ในขณะที่หัวใจของผมกระเด็นออกจากซากรถลอยไปไกลแสนไกล ไปหาเธอเพื่อจะพบว่าความรักคือความว่างเปล่าแต่มีความหมายอยู่ในตัวของมันเอง
ลาก่อนที่รัก
ยิ้มให้กับลมหายใจอันไม่มีอยู่ของตัวเอง แล้วความรู้สึกผมก็มลายสลายตัวเองเป็นธุลีในสายลม พัดผ่านไปยังดินแดนอันแสนไกลแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอ้างว้างเดียวดายเลยสักนิด เพราะรู้ว่าในความว่างเปล่ามีความว่างเปล่าที่มากกว่ารอปลอบใจอยู่เสมอในสายธารของเวลาที่เก็บความฝันและความจริงไว้ในอ้อมแขนของกาลเวลาตลอดไป
ไม่ง้อคุณแล้วนะ......เพียงจะเก็บความรักนั้นอยู่ในวิญาณของผมเท่านั้น
ง้อเพราะรัก
ง้อเพราะรัก
================
ที่มา : กระทู้นี้ เลียนแบบ ห้องกลอน
ที่มีการเขียนบทกวี ร้อยกรอง ตามเพลง
แต่ผมไม่ภนัดบทกวีร้อยกรอง เลย ดัดแปลงเป็นเรื่องสั้น แทนบทกวี ครับ แต่เนื้อหาไม่เกี่ยวกัน ฮา
ผิดพลาดประการใดขออภัย ขอบคุณนักกวีทุกท่าน.... ในห้องกลอน ที่ทำให้ผมได้ไอเดียครับ......^^
เธอชื่อ Flora ไม่....เธอเป็นคนไทย
และไม่...เธอเป็นคนในหัวใจของใครหลายคน ในหลายคนที่ว่าผมพยายามไม่เขี่ยตัวเองออกไปในคำจำกัดความ แต่ก็ไม่พยายามเขี่ยหัวใจตัวเองเข้าไปในคำจำกัดความ
ง่ายดายและไร้การเสแสร้ง เราทะเลาะกัน เรารักกัน เราขัดแย้งกัน และผมกำลังทำในสิ่งที่เรียกว่าพยายามง้อเพราะรัก
ไม่ๆๆๆ......ผมหมายถึงคุณไม่มีวันเข้าใจว่าทำไมผมถึงพยายามง้อเธอ..เพราะผมเองยังไม่เข้าใจ และไม่คิดว่าคนที่ไม่เข้าใจตัวเองยังจะมีคนอื่นมาเข้าใจ อย่างนั้นมันไม่ต่างจากทะเลทรายกำลังรอคอยน้ำใจกำลังกลั่นตัวลงมาเป็นสายธารท่วมท้นหัวใจจนสำลักออกมาทางสายตาและละลายเป็นหนึ่งเดียวกับหัวใจ
ผมรอคอย.. จนกระทั่งปีกม่านของรัตติกาลอ่อนนุ่มคลี่ลงมาปกคลุม ความมืดแวะลงมาคุยกับดวงตะวันผู้กำลังอ่อนล้าโรยแรง ฝูงนกกาบินไล่เรียงรายตัดฟากฟ้าแต่งแต้มสวยงามราวภาพฝันเพริดแพร้วพิสดาร แสงสว่างและความมืดคงปรึกษาหารือกันกับเรื่องนอกเหนือจะจินตนาการ
ดอกไม้ในมือเป็นดอกพลับพลึง
..ไม่ใช่ดอกกุหลาบ เหตุผลเพราะผมชอบเพลง The Lily Of The West โดยไม่มีเหตุผล จึงเลือกดอกพลับพลึงในการ “ง้อเพราะรัก”
ผมรอคอยหน้าบ้านของเธอ ......เพราะอยากจะง้อเธอในบัดดลเมื่อเธอปรากฏตัว หัวใจและร่างกายให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ของหัวใจและความรัก แต่ทำไม่ได้ เรื่องราวบางอย่างควรรอจังหวะและเวลาอันเหมาะสมของมัน
และเมื่อถึงเวลานั้น
เพียงอยากกระซิบสักคำ ...ขอโทษสักครา...หรืออาจจะบอกลาสักนิด
ไฟห้องนอนของเธอเปิดอยู่ ผมควรจะโทรศัพท์หาเธอ แต่ผมคงทำไม่ได้ เพราะรู้ว่าเธอมีคนใหม่แล้ว น่าแปลกใจใช่ไหม...เมื่อเธอมีคนใหม่ผมควรจะลบเลือนตัวเองออกไป ผมควรจะอิจฉาริษยาผู้ชายคนนั้น..คนที่อยู่ข้างกายเธอ ข้างใจเธอ แต่ไม่..เพราะรู้ว่าผมกำลังฝากเธอไว้ชั่วคราวเท่านั้น ขอบคุณไอ้หมอนั่น... ที่มันทำหน้าที่แทนผม...เขาดูแลปกป้องคุณ... ผมควรจะขอบคุณเขาไม่ใช่หรือ ไอ้บ้า...แกโชคดีแล้ว..ควรจะรับผิดชอบในหน้าที่ของแกให้ดี...อย่าให้บกพร่อง รักและดูแลเธอได้เพียงครึ่งหนึ่งที่ฉันคิด ก็เพียงพอแล้ว
ผมนั่งลงหน้าบ้าน รอเธอ เพราะรู้ว่าเธอย่างไรต้องลงมา
ใช่แล้ว ...ฟลอร่าลงมาจากบ้านจริงๆ ผู้ชายคนนั้นคงหลับอยู่กับความฝันหรือไม่ก็ความฝันที่ผสมกับความจริงจนกลายเป็นความไม่แน่ใจ แสงเทียนเล่มเล็กในมือของเธอเป็นจุดเล็กๆ ในความมืดละลายกระจายแสงเต็มหัวใจ
ผมไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่าเธอควรจะเป็นฝ่ายบอกมากกว่า... สายลมอันแสนฉลาดและแสนเหงายามดึกอันเยือกเย็นเหมือนพัดผ่านทรวงอกของร่างอันไร้หัวใจราวปลอบประโลม สายลมพัดผ่านช่องว่างของการไร้หัวใจให้เสียงหวีดหวิวราวเสียงคร่ำครวญหวนไห้
“คุณกลับไปเถอะนะคะ ที่รัก....”
เธอบอกกับผมด้วยน้ำเสียงเหมือนสายลมกระซิบกับหุบเหว สายตาเหมือนหลุมดำในอวกาศของหัวใจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่อ้างว้างสิ้นหวัง ผมพยายามมองหน้าของเธอผ่านสายลม...สายลมที่มีละอองเย็นของน้ำค้างผสมไอน้ำตา
“เพียงแต่ขอเข้าฝันคุณก็ไม่ได้ใช่ไหมครับ”
ผมเหวี่ยงความหวังสุดท้ายออกจากปาก แม้รู้ว่ามันไม่ต่างจากกรวดทรายกำลังถาโถมตัวเองลงสู่อ้อมอกของทะเลกว้างไกล ไกลออกไปยังปลายฝั่งและปลายฝัน คลื่นแห่งความจริงกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างแช่มช้าแต่เลือดเย็น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอละอองแห่งความจริงและความเจ็บปวดกำลังเลื่อนไหลเข้ามาอย่างน่ากลัว
“ลาก่อนฟลอร่าที่รัก...”
มือของเธอยื่นออกมาสัมผัสมือของผม ที่กำลังสัมผัสกับความว่างเปล่า ดอกพลับพลึงในมือกลายเป็นดอกไม้จันทน์และผมกำลังอยู่ในทะเลของสายลมอันแสนอ้างว้างและเยือกเย็น ละอองไอของสายหมอกไม่ต่างจากส่วนที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อนที่สุดของหัวใจและความรู้สึกกำลังกลั่นตัวเป็นสายลมเหนือพัดผ่านไปยังดินแดนแห่งความเจ็บปวดไปแสนไกลจนเกินจะจินตนาการ
ทันใดนั้นเอง ผมก็รู้ขึ้นมาทันทีว่า ความรักจริงๆ มันคืออะไร
ความรักที่แท้จริงผมไม่ต้องวิ่งตามหามัน หรือมันไม่จำเป็นต้องวิ่งตามหาจนรถของผมต้องวิ่งลงข้างทาง หล่นลงไปในหวลึก แยกร่างกายและวิญญาณออกจากกัน ในขณะที่หัวใจของผมกระเด็นออกจากซากรถลอยไปไกลแสนไกล ไปหาเธอเพื่อจะพบว่าความรักคือความว่างเปล่าแต่มีความหมายอยู่ในตัวของมันเอง
ลาก่อนที่รัก
ยิ้มให้กับลมหายใจอันไม่มีอยู่ของตัวเอง แล้วความรู้สึกผมก็มลายสลายตัวเองเป็นธุลีในสายลม พัดผ่านไปยังดินแดนอันแสนไกลแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอ้างว้างเดียวดายเลยสักนิด เพราะรู้ว่าในความว่างเปล่ามีความว่างเปล่าที่มากกว่ารอปลอบใจอยู่เสมอในสายธารของเวลาที่เก็บความฝันและความจริงไว้ในอ้อมแขนของกาลเวลาตลอดไป
ไม่ง้อคุณแล้วนะ......เพียงจะเก็บความรักนั้นอยู่ในวิญาณของผมเท่านั้น