สวัสดีค่ะ ไม่ได้มารีวิวซะนานเลย สำหรับกระทู้นี้ก็ใช้เวลาเขียนหลายอาทิตย์เลยค่ะ
ขอขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะสำหรับทุกคนที่แวะเข้ามาคอมเม้น แชร์ หรือแม้แต่อ่านเฉยๆก็ตาม
อยากทำรูป cover สวยๆ แนว hipster เหมือนคนอื่นเค้าบ้างแต่ทำได้แค่นี้ค่ะ 555
ทริปโตเกียวนี้ก็เต็มไปด้วยของกินอีกแล้ว ถ้าใครตาม IG หรือ FB อยู่ก็คงจะเคยเห็นรีวิวไปตั้งแต่เดือนกุมภาฯแล้วค่ะ
เพื่อความสะดวกของผู้อ่านก็จะรวมเป็นกระทู้เดียวและรีวิวให้กระชับขึ้นค่ะ
สำหรับคนที่ไม่อยากอ่านยาวก็จะมีสรุปให้ในท้ายรีวิวของแต่ละร้านด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครสนใจติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Instagram: FoodPastel https://www.instagram.com/foodpastel/
Facebook Fanpage: FoodPastel https://www.facebook.com/foodpastel
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอผ่านการเตรียมตัวพวกจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ฯลฯ นะคะ เพราะกระทู้นี้จะเน้นแต่อาหาร
สำหรับคนที่อยากทราบขั้นตอนการจองก็เริ่มต้นจากการหาร้านที่อยากทานค่ะ
เมื่อหลายๆปีก่อนใช้จองตาม Michelin Guide แต่รู้สึกมันไม่ตรงเท่าไหร่ หลายร้านก็เฟลค่ะ
ช่วงหลังๆก็ตามรีวิวคนอื่นบ้าง หาเองบ้างจาก tabelog ซึ่งก็เป็นเหมือนเว็บ wongnai ของญี่ปุ่นค่ะ
ส่วนตัวว่าไม่แม่นยำ 100% แต่ก็ดีมากๆค่ะ ยิ่งตอนนี้มีภาษาอังกฤษด้วย (มีเฉพาะข้อมูลร้าน ไม่รวมรีวิวจากคนญี่ปุ่นที่เป็นภาษาเค้า)
ขั้นตอนการหาร้านจาก tabelog
1. เปิดเว็บ http://tabelog.com/en/
หน้าตาจะประมาณนี้ค่ะ เสร็จแล้วก็กดเลือกเมือง เช่นรอบนี้จะเป็นโตเกียว
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. กดดูเรียงตามลำดับคะแนน
หรือจะเลื่อนลงมาเลือกตามหมวดหมู่ก็ได้เช่น เทมปุระ โซบะ โอโคโนมิยากิ สเต็ก ฯลฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ปรับให้เป็น overall ranking
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. ดูข้อมูลร้าน
สมมุติกดมาร้านนึง สังเกตอย่างแรกคือราคาค่ะว่าประมาณเท่าไหร่ ถ้าไม่เกินงบก็โอเค
แล้วก็มาดูรายละเอียดว่าร้านเปิด-ปิดกี่โมง หยุดวันไหน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าทุกอย่างโอเคก็ทำตารางได้ค่ะ เช่นรอบนี้ที่จะไปก็มี
Day 1 - Sushi Sho (Sushi)
Day 2 - Fukamachi (Tempura) , Seizan (Kaiseki)
Day 3 - Hiyama (Sukiyaki) , Toriki (Yakitori)
Day 4 - Sawada (Sushi) , Jumbo (Yakiniku)
Day 5 - Kani Doraku (Crab) , Fukuji (Fugu)
Day 6 - Narikura (Tonkatsu) , Nakahara (Yakiniku)
Day 7 - Menya Kissou (Ramen)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. ให้โรงแรมจองให้
พอได้ตารางมาก็ส่งเมล์ให้โรงแรมจองให้ได้เลยค่ะ (ต้องจองโรงแรมก่อน)
ปกติแล้วจะไม่สามารถจองล่วงหน้าได้เกิน 2 เดือน แต่บางร้านถ้าจองได้ก็ดีไป ถือว่าไม่ต้องกังวลมาก
ซึ่งตารางที่เห็นข้างบนก็ผ่านการปรับเปลี่ยนไปเยอะเพราะหลายร้านก็จองไม่ได้ค่ะ
ส่วนใหญ่ถ้าคนที่มีประสบการณ์การตระเวนกินที่ญี่ปุ่นจะทราบดีว่าร้านดังมากๆเช่น Saito จะแทบไม่มีทางจองได้
เหตุผลก็เพราะบางร้านไม่รับลูกค้าใหม่หรือถ้าอยากทานก็ต้องหาลูกค้าประจำพาไปและนั่งทานด้วย
อีกอย่างก็คือบางร้านจองเต็มกันล่วงหน้า 6 เดือนหรือบางร้านข้ามปีก็มี (เช่น Sushi Masato บ้านเรานี่ก็คิวยาวถึงปีหน้าแล้ว)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
6. เตรียมตัวเดินทาง
สำหรับการจองร้านก็มีเพียงเท่านี้ค่ะ ไม่มีอะไรยาก
หลังจากนี้ก็เตรียมเงินไป อย่าลืมเช็คว่าร้านไหนไม่รับบัตรเครดิตด้วยนะคะ
พร้อมแล้วก็เริ่มได้เลยค่ะ
[CR] Tokyo Food Trip - เที่ยวญี่ปุ่น 7 วัน หมดกับค่าอาหารไป 340,000 เยน [by FoodPastel]
ขอขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะสำหรับทุกคนที่แวะเข้ามาคอมเม้น แชร์ หรือแม้แต่อ่านเฉยๆก็ตาม
อยากทำรูป cover สวยๆ แนว hipster เหมือนคนอื่นเค้าบ้างแต่ทำได้แค่นี้ค่ะ 555
ทริปโตเกียวนี้ก็เต็มไปด้วยของกินอีกแล้ว ถ้าใครตาม IG หรือ FB อยู่ก็คงจะเคยเห็นรีวิวไปตั้งแต่เดือนกุมภาฯแล้วค่ะ
เพื่อความสะดวกของผู้อ่านก็จะรวมเป็นกระทู้เดียวและรีวิวให้กระชับขึ้นค่ะ
สำหรับคนที่ไม่อยากอ่านยาวก็จะมีสรุปให้ในท้ายรีวิวของแต่ละร้านด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครสนใจติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอผ่านการเตรียมตัวพวกจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ฯลฯ นะคะ เพราะกระทู้นี้จะเน้นแต่อาหาร
สำหรับคนที่อยากทราบขั้นตอนการจองก็เริ่มต้นจากการหาร้านที่อยากทานค่ะ
เมื่อหลายๆปีก่อนใช้จองตาม Michelin Guide แต่รู้สึกมันไม่ตรงเท่าไหร่ หลายร้านก็เฟลค่ะ
ช่วงหลังๆก็ตามรีวิวคนอื่นบ้าง หาเองบ้างจาก tabelog ซึ่งก็เป็นเหมือนเว็บ wongnai ของญี่ปุ่นค่ะ
ส่วนตัวว่าไม่แม่นยำ 100% แต่ก็ดีมากๆค่ะ ยิ่งตอนนี้มีภาษาอังกฤษด้วย (มีเฉพาะข้อมูลร้าน ไม่รวมรีวิวจากคนญี่ปุ่นที่เป็นภาษาเค้า)
ขั้นตอนการหาร้านจาก tabelog
1. เปิดเว็บ http://tabelog.com/en/
หน้าตาจะประมาณนี้ค่ะ เสร็จแล้วก็กดเลือกเมือง เช่นรอบนี้จะเป็นโตเกียว
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. กดดูเรียงตามลำดับคะแนน
หรือจะเลื่อนลงมาเลือกตามหมวดหมู่ก็ได้เช่น เทมปุระ โซบะ โอโคโนมิยากิ สเต็ก ฯลฯ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ปรับให้เป็น overall ranking
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. ดูข้อมูลร้าน
สมมุติกดมาร้านนึง สังเกตอย่างแรกคือราคาค่ะว่าประมาณเท่าไหร่ ถ้าไม่เกินงบก็โอเค
แล้วก็มาดูรายละเอียดว่าร้านเปิด-ปิดกี่โมง หยุดวันไหน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าทุกอย่างโอเคก็ทำตารางได้ค่ะ เช่นรอบนี้ที่จะไปก็มี
Day 1 - Sushi Sho (Sushi)
Day 2 - Fukamachi (Tempura) , Seizan (Kaiseki)
Day 3 - Hiyama (Sukiyaki) , Toriki (Yakitori)
Day 4 - Sawada (Sushi) , Jumbo (Yakiniku)
Day 5 - Kani Doraku (Crab) , Fukuji (Fugu)
Day 6 - Narikura (Tonkatsu) , Nakahara (Yakiniku)
Day 7 - Menya Kissou (Ramen)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. ให้โรงแรมจองให้
พอได้ตารางมาก็ส่งเมล์ให้โรงแรมจองให้ได้เลยค่ะ (ต้องจองโรงแรมก่อน)
ปกติแล้วจะไม่สามารถจองล่วงหน้าได้เกิน 2 เดือน แต่บางร้านถ้าจองได้ก็ดีไป ถือว่าไม่ต้องกังวลมาก
ซึ่งตารางที่เห็นข้างบนก็ผ่านการปรับเปลี่ยนไปเยอะเพราะหลายร้านก็จองไม่ได้ค่ะ
ส่วนใหญ่ถ้าคนที่มีประสบการณ์การตระเวนกินที่ญี่ปุ่นจะทราบดีว่าร้านดังมากๆเช่น Saito จะแทบไม่มีทางจองได้
เหตุผลก็เพราะบางร้านไม่รับลูกค้าใหม่หรือถ้าอยากทานก็ต้องหาลูกค้าประจำพาไปและนั่งทานด้วย
อีกอย่างก็คือบางร้านจองเต็มกันล่วงหน้า 6 เดือนหรือบางร้านข้ามปีก็มี (เช่น Sushi Masato บ้านเรานี่ก็คิวยาวถึงปีหน้าแล้ว)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
6. เตรียมตัวเดินทาง
สำหรับการจองร้านก็มีเพียงเท่านี้ค่ะ ไม่มีอะไรยาก
หลังจากนี้ก็เตรียมเงินไป อย่าลืมเช็คว่าร้านไหนไม่รับบัตรเครดิตด้วยนะคะ
พร้อมแล้วก็เริ่มได้เลยค่ะ