ภาคที่ 3 ของ Star Trek เวอร์ชั่น reboot กลับมาพร้อมกับการเปลี่ยนตัวผู้กำกับจาก J.J. Abrams เป็น Justin Lin (โดย Abrams ทำหน้าที่อำนวยการสร้างเพียงอย่างเดียว เพราะน่าจะติดงานกำกับ Star Wars)
สิ่งที่ Abrams เห็นในตัว Lin คงไม่ใช่ความสามารถในการกำกับหนัง action เพียงอย่างเดียว แต่น่าจะเป็น
ความสามารถในการเล่าเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างตัวละครที่ดูแล้วอบอุ่นจนกลายเป็นมิตรภาพระหว่างตัวละครและผู้ชมไปด้วย รวมถึง
ความสามารถในการกระจายบทบาทความสำคัญของตัวละครในหนังที่มีตัวละครมากมายได้อย่างทั่วถึง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือจุดเด่นของ Fast Five ผลงานการกำกับของ Lin ที่ทำให้หนังเป็นความสำเร็จมหาศาล (ด้วยรายได้รวมทั่วโลกมากกว่าภาคก่อนหน้าเกือบ 2 เท่า และได้คำวิจารณ์ดีที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่น) จนสามารถต่ออายุ Fast & Furious franchise ให้กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง (แม้หลายคนจะบอกว่าหนังทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นหนังแข่งรถ กลายมาเป็นหนังอาชญากรรมแบบ Ocean’s Eleven ก็ตาม)
ใน Star Trek Beyond เราจะเห็นสิ่งที่คล้ายกันนี้ใน Fast Five นั่นคือหนังมีการกระจายบทบาทตัวละครหลักได้อย่างทั่วถึง และเต็มไปด้วยอารมณ์ความอบอุ่นของมิตรภาพของตัวละคร
เช่นเดียวกัน ผู้ชมอาจรู้สึกว่ารูปแบบของหนัง ต่างจาก 2 ภาคก่อนหน้าในเวอร์ชั่น reboot ไปพอสมควร
(ไม่ใช่แฟนหนัง Star Trek แต่ส่วนตัวคิดว่า แม้ภาคนี้จะต่างไปจาก 2 ภาคแรกของเวอร์ชั่น reboot แต่กลับรู้สึกว่าภาคนี้เป็นการกลับไปหาเนื้อเรื่องตามรูปแบบของเวอร์ชั่นเก่าๆมากกว่า)
[CR] <<< วิเคราะห์-วิจารณ์ *** Star Trek Beyond *** สำรวจจักรวาล สำรวจตัวตน >>> (ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
สิ่งที่ Abrams เห็นในตัว Lin คงไม่ใช่ความสามารถในการกำกับหนัง action เพียงอย่างเดียว แต่น่าจะเป็น ความสามารถในการเล่าเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างตัวละครที่ดูแล้วอบอุ่นจนกลายเป็นมิตรภาพระหว่างตัวละครและผู้ชมไปด้วย รวมถึง ความสามารถในการกระจายบทบาทความสำคัญของตัวละครในหนังที่มีตัวละครมากมายได้อย่างทั่วถึง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือจุดเด่นของ Fast Five ผลงานการกำกับของ Lin ที่ทำให้หนังเป็นความสำเร็จมหาศาล (ด้วยรายได้รวมทั่วโลกมากกว่าภาคก่อนหน้าเกือบ 2 เท่า และได้คำวิจารณ์ดีที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่น) จนสามารถต่ออายุ Fast & Furious franchise ให้กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง (แม้หลายคนจะบอกว่าหนังทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นหนังแข่งรถ กลายมาเป็นหนังอาชญากรรมแบบ Ocean’s Eleven ก็ตาม)
ใน Star Trek Beyond เราจะเห็นสิ่งที่คล้ายกันนี้ใน Fast Five นั่นคือหนังมีการกระจายบทบาทตัวละครหลักได้อย่างทั่วถึง และเต็มไปด้วยอารมณ์ความอบอุ่นของมิตรภาพของตัวละคร
เช่นเดียวกัน ผู้ชมอาจรู้สึกว่ารูปแบบของหนัง ต่างจาก 2 ภาคก่อนหน้าในเวอร์ชั่น reboot ไปพอสมควร
(ไม่ใช่แฟนหนัง Star Trek แต่ส่วนตัวคิดว่า แม้ภาคนี้จะต่างไปจาก 2 ภาคแรกของเวอร์ชั่น reboot แต่กลับรู้สึกว่าภาคนี้เป็นการกลับไปหาเนื้อเรื่องตามรูปแบบของเวอร์ชั่นเก่าๆมากกว่า)