Justin Lin แกมีของ ไอเดียแกก็ดีด้วย อย่างเช่น
การผูกเรื่อง - เอาตัวละครที่คิดว่าตายไปแล้วกลับมาใหม่ อย่างฮาน ที่คิดว่าตายไปแล้วในภาค 3 ก็เอากลับมาในภาคสี่ ทำเป็น Timeline ก่อนหน้าภาค 3 ใหม่ ให้คนดูได้พอรู้ที่มาที่ไประหว่าง ดอม และ ฮาน และตัวละครอื่นๆ ก็โยงกันไป โยงกันมา ใน Timeline หนังชุดนี้
การกระจายบทตัวละคร - สังเกตุได้ว่า ภาค 5 ตัวละครเยอะมากๆ เยอะกว่าภาค 7 ด้วยซ้ำ แต่ผกก.ก็แทบจะทำให้แต่ละตัวละครมีซีนเป็นของตัวเอง แต่ละตัวละคร ก็โดดเด่น ไม่ค่อยขโมยซีนกันเอง
เซอร์ไพรส์ - อย่างเช่นเรื่องเล็ตตี้ ที่คิดว่าตายไปแล้ว ก็วางบท วางปมไว้ในท้ายภาค 5 แล้วมาสานต่อในภาค 6 แล้ว เด็คการ์ด ชอว์ อีกคนที่วางปมไว้ตอนท้ายภาค 6 น่าเสียดายที่ไม่ได้ทำสานต่อในภาค 7
ไม่ลืมตัวละครเก่าๆ - อย่างบราก้า บอสในภาค 4 ที่คิดว่าจะไม่มีบทแล้ว ก็ยังมีเอี่ยวในภาค 6 อีก และตัวละครของอีวา แมนเดส จากภาค 2 ที่โผล่มาให้หายคิดถึงในตอนท้ายของภาค 5 คู่หูบราซิลที่ช่วยดอมปล้นน้ำมันในภาค 4 ก็มีบทในภาค 5
ธีมหนังยกระดับขึ้นเรื่อยๆ - จากภาค 3 ที่ดริ๊ฟท์รถกับแก๊งค์ยากูซ่า ภาค 4 ที่เป็นแนว FBI กับแก๊งค์ค้ายา ภาค 5 หนังโจรกรรมกับเจ้าพ่อริโอ และภาค 6 ทีมอาชญากรรมต้องมาเฉือนคมกันเอง มันยกระดับพีคขึ้นเรื่อยๆ
เดินเรื่องรวดเร็ว กระชับ เข้าใจง่าย - ตัวละครเยอะ โยงเรื่อง ผูกเรื่องไปมาระหว่างหลายภาค แต่หนังไม่ซับซ้อนเลย ดูสนุก เข้าใจง่าย
ตอนแรกที่มีข่าวว่าแกถอนตัวจากโปรเจ็คนี้ ผมนี่เสียดายมาก อารมณ์แบบที่ผกก.J.J. Abrams ถอนตัวจาก Star Trek ภาค 3 เลย คือเหมือน Justin Lin เป็นคนปลุก แฟรนไชนส์ FAST ให้กลับมาฮิตและดังระเบิดอีกครั้ง ก็อยากให้แกทำต่อไปอีกเรื่อยๆ เพราะผมเชื่อว่า Justin Lin แกยังมีของอีกเยอะครับ ไอเดียการเล่าเรื่อง การผูกเรื่อง น่าจะทำได้เนียน ดูสนุก ตามมาตรฐาน และด้วยความที่ไม่ค่อยไว้เนื้อเชื่อใจผกก.James Wan ซักเท่าไหร่ด้วยแหละครับ เพราะก่อนหน้านี้แกทำแต่หนังสยองขวัญ เรื่องฝีมือการกำกับหนังสยองขวัญนี่ผมไม่เถียงเลยครับ ฝีมือแกดีมากจริงๆ แต่ให้แกเปลี่ยนแนวมาทำแอคชั่น มันเลยรู้สึกว่าจะทำเสียของรึป่าว
ภาค 7 ล่าสุดนี้ที่ James Wan เป็นผกก.จะว่าสนุก มันก็ดูสนุกนะครับ ฉากแอคชั่นเนี่ยมันส์จนแทบลืมหายใจ แต่บทมันแหม่งๆแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ มันไม่เชื่อมโยง ไม่ต่อเนื่อง หลายๆฉากที่มันขัดตาขัดใจ เช่นตัวละคร เด็คการ์ด ชอว์ นี่ก็เก่งเกินไป ทั้งๆที่ตัวคนเดียว ไม่มีทีมเลย ทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมด หาดอมเจอหมดไม่ว่าอยู่ที่ไหน แต่ฉากสุดท้ายต้องพึ่งตาเทพซะงั้น ก่อนหน้านี้เจอด้วยตัวเองเฉยเลย อย่างฉากที่ต้องสู้กับดอมก็เอาเหล็กมาฟาดกันเป็นคมแฝกเลย ถ้าสู้กันแบบหมัดต่อหมัด ผมว่าน่าจะอินกว่านี้ เหมือนที่ฮอปบ์สู้กับดอมในภาค 5 มันดูสมจริงมาก กำปั้นแลกกำปั้น ดูแล้วอินมาก ลุ้นมาก ส่วนเด็คการ์ด ชอว์ ทั้งๆที่เป็นตัวร้ายหลัก กลับดูไม่เด่นเท่าที่ควร เหมือนโดนคนอื่นกลบๆยังไงก็ไม่รู้
และตัวละคร Mr.Nobody นี่ก็แปลกๆ ดูขาดๆ เกินๆ นึกจะมาก็มา นึกจะเทพก็เทพ ไม่มีที่มาที่ไป อย่างฉากที่ไปล้อมจับ ชอว์ แล้วไฟดับ พี่แกก็เอาแว่นอินฟาเรดมาใส่แล้วโชว์เทพเฉยเลย อย่างกะพระเอกหนังสายลับ ไม่รู้ว่าจะมีบทในภาคต่อไปรึป่าว
ทั้งหมดทั้งมวลในภาค 7 อาจเป็นแอคชั่นเต็มตัวเรื่องแรกของ James Wan ก็ได้ครับ ที่ทำให้หนังยังขาดๆ เกินๆ หรืออาจจะต้องเปลี่ยนบทกระทันหันเพราะเรื่องของพอลด้วย แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ยังชอบและอยากให้ผกก.Justin Lin มากำกับต่อมากกว่า เพราะงานมันดูสนุกมากกว่าจริงๆ
FAST7 ผมว่าถ้า Justin Lin เป็นผกก.เหมือนเดิม หนังจะดูสนุกกว่าของ James Wan อีกนะครับ
การผูกเรื่อง - เอาตัวละครที่คิดว่าตายไปแล้วกลับมาใหม่ อย่างฮาน ที่คิดว่าตายไปแล้วในภาค 3 ก็เอากลับมาในภาคสี่ ทำเป็น Timeline ก่อนหน้าภาค 3 ใหม่ ให้คนดูได้พอรู้ที่มาที่ไประหว่าง ดอม และ ฮาน และตัวละครอื่นๆ ก็โยงกันไป โยงกันมา ใน Timeline หนังชุดนี้
การกระจายบทตัวละคร - สังเกตุได้ว่า ภาค 5 ตัวละครเยอะมากๆ เยอะกว่าภาค 7 ด้วยซ้ำ แต่ผกก.ก็แทบจะทำให้แต่ละตัวละครมีซีนเป็นของตัวเอง แต่ละตัวละคร ก็โดดเด่น ไม่ค่อยขโมยซีนกันเอง
เซอร์ไพรส์ - อย่างเช่นเรื่องเล็ตตี้ ที่คิดว่าตายไปแล้ว ก็วางบท วางปมไว้ในท้ายภาค 5 แล้วมาสานต่อในภาค 6 แล้ว เด็คการ์ด ชอว์ อีกคนที่วางปมไว้ตอนท้ายภาค 6 น่าเสียดายที่ไม่ได้ทำสานต่อในภาค 7
ไม่ลืมตัวละครเก่าๆ - อย่างบราก้า บอสในภาค 4 ที่คิดว่าจะไม่มีบทแล้ว ก็ยังมีเอี่ยวในภาค 6 อีก และตัวละครของอีวา แมนเดส จากภาค 2 ที่โผล่มาให้หายคิดถึงในตอนท้ายของภาค 5 คู่หูบราซิลที่ช่วยดอมปล้นน้ำมันในภาค 4 ก็มีบทในภาค 5
ธีมหนังยกระดับขึ้นเรื่อยๆ - จากภาค 3 ที่ดริ๊ฟท์รถกับแก๊งค์ยากูซ่า ภาค 4 ที่เป็นแนว FBI กับแก๊งค์ค้ายา ภาค 5 หนังโจรกรรมกับเจ้าพ่อริโอ และภาค 6 ทีมอาชญากรรมต้องมาเฉือนคมกันเอง มันยกระดับพีคขึ้นเรื่อยๆ
เดินเรื่องรวดเร็ว กระชับ เข้าใจง่าย - ตัวละครเยอะ โยงเรื่อง ผูกเรื่องไปมาระหว่างหลายภาค แต่หนังไม่ซับซ้อนเลย ดูสนุก เข้าใจง่าย
ตอนแรกที่มีข่าวว่าแกถอนตัวจากโปรเจ็คนี้ ผมนี่เสียดายมาก อารมณ์แบบที่ผกก.J.J. Abrams ถอนตัวจาก Star Trek ภาค 3 เลย คือเหมือน Justin Lin เป็นคนปลุก แฟรนไชนส์ FAST ให้กลับมาฮิตและดังระเบิดอีกครั้ง ก็อยากให้แกทำต่อไปอีกเรื่อยๆ เพราะผมเชื่อว่า Justin Lin แกยังมีของอีกเยอะครับ ไอเดียการเล่าเรื่อง การผูกเรื่อง น่าจะทำได้เนียน ดูสนุก ตามมาตรฐาน และด้วยความที่ไม่ค่อยไว้เนื้อเชื่อใจผกก.James Wan ซักเท่าไหร่ด้วยแหละครับ เพราะก่อนหน้านี้แกทำแต่หนังสยองขวัญ เรื่องฝีมือการกำกับหนังสยองขวัญนี่ผมไม่เถียงเลยครับ ฝีมือแกดีมากจริงๆ แต่ให้แกเปลี่ยนแนวมาทำแอคชั่น มันเลยรู้สึกว่าจะทำเสียของรึป่าว
ภาค 7 ล่าสุดนี้ที่ James Wan เป็นผกก.จะว่าสนุก มันก็ดูสนุกนะครับ ฉากแอคชั่นเนี่ยมันส์จนแทบลืมหายใจ แต่บทมันแหม่งๆแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ มันไม่เชื่อมโยง ไม่ต่อเนื่อง หลายๆฉากที่มันขัดตาขัดใจ เช่นตัวละคร เด็คการ์ด ชอว์ นี่ก็เก่งเกินไป ทั้งๆที่ตัวคนเดียว ไม่มีทีมเลย ทำทุกอย่างด้วยตัวเองหมด หาดอมเจอหมดไม่ว่าอยู่ที่ไหน แต่ฉากสุดท้ายต้องพึ่งตาเทพซะงั้น ก่อนหน้านี้เจอด้วยตัวเองเฉยเลย อย่างฉากที่ต้องสู้กับดอมก็เอาเหล็กมาฟาดกันเป็นคมแฝกเลย ถ้าสู้กันแบบหมัดต่อหมัด ผมว่าน่าจะอินกว่านี้ เหมือนที่ฮอปบ์สู้กับดอมในภาค 5 มันดูสมจริงมาก กำปั้นแลกกำปั้น ดูแล้วอินมาก ลุ้นมาก ส่วนเด็คการ์ด ชอว์ ทั้งๆที่เป็นตัวร้ายหลัก กลับดูไม่เด่นเท่าที่ควร เหมือนโดนคนอื่นกลบๆยังไงก็ไม่รู้
และตัวละคร Mr.Nobody นี่ก็แปลกๆ ดูขาดๆ เกินๆ นึกจะมาก็มา นึกจะเทพก็เทพ ไม่มีที่มาที่ไป อย่างฉากที่ไปล้อมจับ ชอว์ แล้วไฟดับ พี่แกก็เอาแว่นอินฟาเรดมาใส่แล้วโชว์เทพเฉยเลย อย่างกะพระเอกหนังสายลับ ไม่รู้ว่าจะมีบทในภาคต่อไปรึป่าว
ทั้งหมดทั้งมวลในภาค 7 อาจเป็นแอคชั่นเต็มตัวเรื่องแรกของ James Wan ก็ได้ครับ ที่ทำให้หนังยังขาดๆ เกินๆ หรืออาจจะต้องเปลี่ยนบทกระทันหันเพราะเรื่องของพอลด้วย แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ยังชอบและอยากให้ผกก.Justin Lin มากำกับต่อมากกว่า เพราะงานมันดูสนุกมากกว่าจริงๆ