“เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการเปลี่ยนจากตัวเราเอง มิใช่การจะไปเปลี่ยนคนรอบข้าง”
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะเปลี่ยนตัวเอง ไม่อยากเป็นหรือทำแล้วงานประจำ จำเจต้องตื่นนอนแต่เช้า เข้างาน8 โมงเช้า เอาแรง+เวลา8 ชม หรือมากกว่านั้นไป แลก กับเงินเดือน 15000หรือ 2 หมื่น หรือมากกว่านั้นก็ว่ากันไป แต่คุณเองเบื่อแล้วกับวิถีชีวิตแบบนี้
แต่การจะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับบางคน แต่บางคนกลับเป็นเรื่องที่ง่ายดาย คุณรู้ไหมว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่เปลี่ยนตัวเองได้ยาก?
1
ความขี้เกียจ ความขี้เกียจมันมีอยู่บนตัวมนุษย์ทุกคนแต่มันอยู่ที่คุณจะสามารถเอาชนะมันได้หรือไม่นั้นเองยกตัวอย่างว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอยากจะลดน้ำหนักตัวเอง และตั้งใจว่าทุกเช้าจะรีบตื่นมาเพื่อออกกำลังกายวันละ 45นาที แต่ถะว่า ตกกลางคืนทำงานดึก พอตอนเช้ามา ไม่อยากไปออกกำลังกายละเพราะ เหนื่อยจากการทำงาน พอจะตื่นก็ไม่ไหว ผลัดไปเรื่อย แล้วบ่นว่าอยากผอม แต่ตัวเอง เกิดความขี้เกียจเอง นั้นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม ผู้หญิงดังกล่าวจึงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้
2
ไม่มีความมีวินัย แน่นอนการจะเปลี่ยนตัวเองคุณต้องมีความมีวินัยในตัวเองสูงอยู่พอสมควรเพราะหากคนที่มีไม่มีความมีวินัยก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ หากคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองความมีวินัยเป็นสิ่งแรกที่คุณสมควรที่จะมีมัน
3
ไม่มีความอยากที่จะเปลี่ยนจริงๆ คือหลายคนส่วนใหญ่อยากเปลี่ยนตัวเองแต่ทำไปแล้วซัก 3 สัปดาห์ก็จบ พอแล้ว หมดกำลังใจทำเท่าไรก็ไม่ได้ซักที นั้นคือความอยากคุณยังไม่พอไง สมมุตว่าออกกำลังกายอยากได้ซิกแพค ออกกำลังกายไป 3 สัปดาห์ ก็แล้ว 6 สัปดาห์ก็แล้วมันก็ยังไม่ขั้น 1เดือน อีกก็แล้ว ทำไปทำมา หยุดไม่ทำอีกเลย…….. เพราะคุณไม่มีความอยากจริงๆไงที่อยากจะสุขภาพดี หุ่นดี เพราะฉะนั้นจงเติมความอยากให้มันสุ่มอยู่ในใจคุณเสมอไม่ว่าคุณจะทำอะไรบางอย่างก็ตาม
4
คิดว่าเราทำไม่ได้ (คิดไปก่อนทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือทำ) คนส่วนใหญ่ยอมแพ้กับเป้าหมายตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า ไม่มีหลอกคำว่าทำไม่ได้ มีแต่คนที่ไม่ทำ เท่านั้นที่พูดแบบนี้ ความคิดเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนที่อยากจะเปลี่ยนตัวเอง คุณต้องคิดและเชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ ถ้าคุณไม่คิดว่าตัวเองทำได้ และยังสงสัยในตัวเอง แล้วใครกันละ จะคิดว่าคุณทำได้ จริงหรือไม่? คุณต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าดูถูกตัวเองว่าคุณมันด้อย มันง่อยค่ามาก
นั้นไม่จริง มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ย่อมมีจุดเด่นและจุดด้อยล้วนทั้งสิ้น ถ้าคุณรู้ว่าตัวเองด้อยอะไรก็หมั่นเติมจุดที่คิดว่าคุณด้อยเข้าไปสิ ศึกษา หาความรู้ เพราะทุกคนบนโลกล้วนเชื่อว่าไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ทุกคนที่ทำได้ก็ได้มากจากการเล่าเรียน ศึกษา หรือจากประสบการณ์
“ผู้ใดอยากจะบินได้ ต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะยืน เดิน วิ่ง ปีน และเต้นรำก่อน เพราะไม่มีใครสามารถบินได้ในทันที” ฟรีดริช วิลเฮล์ม นิทเช่ (นักนิรุกติศาสตร์และนักปรัชญาชาวเยอรมัน)
5
ไม่มีเป้าหมายชีวิต ทำงานเพื่อให้ผ่านไปวันๆ ความฝันเป็นสิ่งสวยงามเสมอ เป้าหมายก็เปรียบเสมือนความฝัน ฝันอยากจะมีครอบครัวดีๆ มีบ้านสวยๆหลังใหญ่ๆ รถดีๆขับ เป้าหมายหรือความฝันนี้ ไม่มีใครสามารถสร้างให้ใครได้ ถ้าหากไม่เริ่มด้วยตัวของคุณเอง
ความฝันมันไม่เสียตัง ความฝันถ้าฝันได้ก็ฝันไปไม่ผิด เสียงนี้เปร่งออกมาจากลำคอของผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่ง ค่อยย้ำเตือนใจฉันเสมอมา ตอนนั้นฉันไม่มีความฝันเพราะคิดว่าฝันไปก็ทำไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เป็นจริงไม่ได้ เพราะการที่เรามี
ความฝันจะทำให้คุณเกิดแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่เพื่อไปสู่ความฝันที่เป็นจริงได้เสมอ เพราะถ้าคุณลงมือทำไปวันละนิดวันละหน่อยคุณก็จะสามารถเข้าใกล้ความฝันนั้นเรื่อยๆ ลองเปรียบเทียบกับคนไม่มีฝันคุณจะรู้ว่า เขาก็ทำงานไปวันๆหนึ่งเพื่อให้ผ่านไป ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรต่อในชีวิต หรือเหมือนคนกำลังหมดไฟ
ขอแนะนำสำหรับคนที่กำลังหมดไฟและอยากเปลี่ยนตัวเองสิ่งที่คุณควรจะทำคือ ตั้งเป้าหมายใหม่ซะ และให้ใหญ่กว่าเดิม และพยายามเดินไปให้ถึง เท่านั้นคุณก็จะสามารถเริ่มมีไฟลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
เพราะคนที่ประสบความสำเร็จ ความมั่นคงทางการเงิน อิสรภาพทางด้านเวลา พวกเขาเหล่านั้นก็ล้วนแต่เป็นนักฝันที่ยิ่งใหญ่มาก่อนทั้งสิ้น
และนี่ก็เป็นเหตุผลตัวอย่างเท่านั้นที่คนส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ แต่เหตุผลหลักๆเลย ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนจากมนุษย์เงินเดือน ไปเป็นผู้ประกอบการหรืออาชีพ อิสระ หรืออาจจะเปลี่ยนตัวเอง เพื่อให้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
หรือแม้กระทั้งเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่แล้ว ไม่อยากเปลี่ยนหลอก แต่แค่อยากจะมีความมั่นคงทางการเงินที่ดีกว่าเดิม สิ่งแรกที่ต้องคิดตามคือ
ความคิด
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากรวยขึ้นมีเงินมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ คุณต้องคิดแตกต่างจากคนอื่น เพราะอย่างที่บอกสิ่งสำคัญที่สุด คือความคิด ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองต้องเอาจริงไม่ใช่แค่คิดแต่ไม่ลงมือทำ
ความรู้คือพลัง
การจะมีความมั่นคงทางด้านเงินได้นั้น แนะนำเลยว่า นากจากคุณจะทำงานได้ E และ S อยู่แล้วควรศึกษาหาความรู้ ด้าน B และด้าน I ไว้ด้วย (หากใครสงสัย การทำเงิน 4 ด้าน ด้าน E S B I คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความ นี้ได้
https://indychannel.wordpress.com/2016/07/16/เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ยัง/)
การมีความมั่นใจในทั้ง 2 ฝั่งของเงิน 4ด้าน จะทำให้รู้สึกมั่นคงขึ้นแม้จะมีเงินน้อยก็ตาม ความรู้คือพลัง เมื่อโอกาสมาถึง เราก็พร้อมจะคว้ามันด้วยความมั่นใจ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมี 2 ขา ถ้าเรามีขาเดียวเราจะรู้สึกโซซัดโซเซ และไม่มั่นคงอยู่ตลอดเวลา การมีความรู้ของเงิน 2 ฝั่งของเงินสี่ด้านทั่งซ้ายและขวา จะทำให้รู้สึกมั่นคง
คนที่รู้แต่เรื่องงานหรือวิชาชีพของตัวเองก็เหมือนคนที่มีขาเดียว เมื่อใดก็ตามที่สายลมแห่งเศรษฐกิจพัดมา พวกเขาก็มีโอการที่จะถูกพัดพาไปได้ง่ายกว่าคนที่มี 2 ขานั่นเอง
“ให้ความรู้แก่สมอง โดยที่หัวใจปราศจากการเรียนรู้ มีค่าเท่ากับการไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย.”อริสโตเติล
เส้นทางที่เลือกเดิน
แบบแผนที่แตกต่างกันมักขึ้นอยู่กับเส้นทางการเงินที่แต่ละคนเลือก โชคไม่ดีที่คนส่วนใหญ่เลือกเส้นทางความมั่นคงในหน้าที่การงาน พอเศรษฐกิจเริ่มจะสั่นคลอน พวกเขาก็ยิ่งต้องเน้นงานที่มั่นคงมากขึ้นกว่าเดิม และวิ่งไล่ไขว่คว้ามันไปตลอดชีวิต
อย่างน้อยที่สุดแนะนำให้คุณศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งหมายถึงการรู้สึกมั่นใจในหน้าที่การงานและมั่นใจในความสามารถที่จะลงทุนทั้งในช่วงเวลาที่แย่และช่วงเวลาที่ดี
ความลับสำคัญก็คือ นักลุงทุนที่แท้จริงมักจะทำเงินได้ดีในช่วงที่ตลาดแย่
พวกเขาทำเงินได้เพราะนักลงทุนตัวปลอมต่างหากที่พากันตื่นตระหนกและขาย ทั้งๆที่เป็นเวลาที่สมควรจะซื้อ ไม่กลัวหลอกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพราะการเปลี่ยนแปลงหมายถึงการโอนถ่ายความมั่นคงจากคนหนึ่งมาสู่อีกคนหนึ่งเสมอ
หัวหน้าไม่ได้ทำให้คุณรวยได้หลอก
ความจริงก็คือเจ้านายคุณไม่ได้มีหน้าที่ทำให้คุณรวยหน้าที่ของเขาคือ ทำให้แน่ใจว่าคุณได้รับเงินตรงเวลา ถ้าคุณอยากรวยมันเป็นหน้าที่ของคุณ และหน้าที่นั้นมันเริ่มตั้งแต่คุณได้รับเงินเดือน
ถ้าคุณบริหารเงินไม่เป็น เงินมีเท่าไรก็ช่วยคุณไม่ได้ ถ้าคุณจัดการเงินของคุณอย่างชาญฉลาด และเรียนรู้เกี่ยวกับด้านB และด้านI คุณกำลังเดินทางไปสู่โชคลาภ อันยิ่งใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โชคลาภที่มีชื่อว่า อิสรภาพ
“เราก้าวเดินไปข้างหน้า เปิดประตูบานใหม่ๆ และทำในสิ่งใหม่ๆ เพราะคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยากรู้อยากเห็น
และเจ้าความอยากรู้อยากเห็นนี่เองที่นำพาเราไปสู่หนทางใหม่ๆ.”วอลท์ ดิสนีย์
สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งใจกับตัวเอง และลงมือทำ Epictetus (55-135 C.E.)
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ฟังหลอกว่าใครจะมาบอกให้เปลี่ยนอะไรในตัวเอง ในเมื่อฉันไม่อยากเปลี่ยน ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนเราได้ ความหมายที่ฉันจะสื่อคือ สิ่งที่ฉันมาเสนอแนะวันนี้ มันจะไม่เกิดผล ถ้าคุณเองไม่คิดอยากจะเปลี่ยน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้กล่าวมาถ้าหากท่านใดเห็นประโยชน์ก็นำไปปรับใช้หรือประยุกต์ใช้กับตนเอง แต่ถ้าใครไม่เห็นประโยชน์ คุณก็แค่ปล่อยมันเลยผ่านไป ดังกับสายลม ที่พัดผ่านไปหนแล้วหนเล่า เพราะดิฉันเชื่อว่า คนต่างพ่อต่างแม่ ต่างความคิด แต่จะมีซักกี่คนที่คิดต่าง
“Great minds discuss ideas; Average minds discuss events;
Small minds discuss people.”
จิตใจที่ยิ่งใหญ่วิพากย์วิจารณ์ความคิด จิตใจสามัญวิพากวิจารณ์เหตุการณ์ แต่จิตใจที่ต่ำต้อยนั้นวิจารณ์เพียงผู้คน
—Anonymous –
ถ้าคุณเห็นว่า บทความนี้เป็นบทความที่มีประโยชน์ เป็นความรู้ใหม่ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ทำไมคุณไม่ให้เพื่อน ญาติพีน้องคุณรู้บทความนี้ด้วยละ
มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากถ้าเราช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยการแบ่งปันความรู้ไปสู่เยาวชนรุ่มใหม่ เพียงแค่คุณแชร์ บอกต่อ นั้นก็นับว่าเป็นจิตสาธารณะที่ดีค่ะ
บทความต้นฉบับ
https://indychannel.wordpress.com/2016/07/26/เปลี่ยนที่-1-เปลี่ยนตัวเ/#more-258
CR Robert Kiyosaki
อยากเปลี่ยนตัวเอง………. จากการเป็นมนุษย์เงินเดือน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะเปลี่ยนตัวเอง ไม่อยากเป็นหรือทำแล้วงานประจำ จำเจต้องตื่นนอนแต่เช้า เข้างาน8 โมงเช้า เอาแรง+เวลา8 ชม หรือมากกว่านั้นไป แลก กับเงินเดือน 15000หรือ 2 หมื่น หรือมากกว่านั้นก็ว่ากันไป แต่คุณเองเบื่อแล้วกับวิถีชีวิตแบบนี้
แต่การจะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับบางคน แต่บางคนกลับเป็นเรื่องที่ง่ายดาย คุณรู้ไหมว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่เปลี่ยนตัวเองได้ยาก?
1 ความขี้เกียจ ความขี้เกียจมันมีอยู่บนตัวมนุษย์ทุกคนแต่มันอยู่ที่คุณจะสามารถเอาชนะมันได้หรือไม่นั้นเองยกตัวอย่างว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอยากจะลดน้ำหนักตัวเอง และตั้งใจว่าทุกเช้าจะรีบตื่นมาเพื่อออกกำลังกายวันละ 45นาที แต่ถะว่า ตกกลางคืนทำงานดึก พอตอนเช้ามา ไม่อยากไปออกกำลังกายละเพราะ เหนื่อยจากการทำงาน พอจะตื่นก็ไม่ไหว ผลัดไปเรื่อย แล้วบ่นว่าอยากผอม แต่ตัวเอง เกิดความขี้เกียจเอง นั้นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม ผู้หญิงดังกล่าวจึงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้
2 ไม่มีความมีวินัย แน่นอนการจะเปลี่ยนตัวเองคุณต้องมีความมีวินัยในตัวเองสูงอยู่พอสมควรเพราะหากคนที่มีไม่มีความมีวินัยก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ หากคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองความมีวินัยเป็นสิ่งแรกที่คุณสมควรที่จะมีมัน
3 ไม่มีความอยากที่จะเปลี่ยนจริงๆ คือหลายคนส่วนใหญ่อยากเปลี่ยนตัวเองแต่ทำไปแล้วซัก 3 สัปดาห์ก็จบ พอแล้ว หมดกำลังใจทำเท่าไรก็ไม่ได้ซักที นั้นคือความอยากคุณยังไม่พอไง สมมุตว่าออกกำลังกายอยากได้ซิกแพค ออกกำลังกายไป 3 สัปดาห์ ก็แล้ว 6 สัปดาห์ก็แล้วมันก็ยังไม่ขั้น 1เดือน อีกก็แล้ว ทำไปทำมา หยุดไม่ทำอีกเลย…….. เพราะคุณไม่มีความอยากจริงๆไงที่อยากจะสุขภาพดี หุ่นดี เพราะฉะนั้นจงเติมความอยากให้มันสุ่มอยู่ในใจคุณเสมอไม่ว่าคุณจะทำอะไรบางอย่างก็ตาม
4 คิดว่าเราทำไม่ได้ (คิดไปก่อนทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือทำ) คนส่วนใหญ่ยอมแพ้กับเป้าหมายตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า ไม่มีหลอกคำว่าทำไม่ได้ มีแต่คนที่ไม่ทำ เท่านั้นที่พูดแบบนี้ ความคิดเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนที่อยากจะเปลี่ยนตัวเอง คุณต้องคิดและเชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ ถ้าคุณไม่คิดว่าตัวเองทำได้ และยังสงสัยในตัวเอง แล้วใครกันละ จะคิดว่าคุณทำได้ จริงหรือไม่? คุณต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าดูถูกตัวเองว่าคุณมันด้อย มันง่อยค่ามาก
นั้นไม่จริง มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ย่อมมีจุดเด่นและจุดด้อยล้วนทั้งสิ้น ถ้าคุณรู้ว่าตัวเองด้อยอะไรก็หมั่นเติมจุดที่คิดว่าคุณด้อยเข้าไปสิ ศึกษา หาความรู้ เพราะทุกคนบนโลกล้วนเชื่อว่าไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ทุกคนที่ทำได้ก็ได้มากจากการเล่าเรียน ศึกษา หรือจากประสบการณ์
5 ไม่มีเป้าหมายชีวิต ทำงานเพื่อให้ผ่านไปวันๆ ความฝันเป็นสิ่งสวยงามเสมอ เป้าหมายก็เปรียบเสมือนความฝัน ฝันอยากจะมีครอบครัวดีๆ มีบ้านสวยๆหลังใหญ่ๆ รถดีๆขับ เป้าหมายหรือความฝันนี้ ไม่มีใครสามารถสร้างให้ใครได้ ถ้าหากไม่เริ่มด้วยตัวของคุณเอง
ความฝันมันไม่เสียตัง ความฝันถ้าฝันได้ก็ฝันไปไม่ผิด เสียงนี้เปร่งออกมาจากลำคอของผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่ง ค่อยย้ำเตือนใจฉันเสมอมา ตอนนั้นฉันไม่มีความฝันเพราะคิดว่าฝันไปก็ทำไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เป็นจริงไม่ได้ เพราะการที่เรามี
ความฝันจะทำให้คุณเกิดแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่เพื่อไปสู่ความฝันที่เป็นจริงได้เสมอ เพราะถ้าคุณลงมือทำไปวันละนิดวันละหน่อยคุณก็จะสามารถเข้าใกล้ความฝันนั้นเรื่อยๆ ลองเปรียบเทียบกับคนไม่มีฝันคุณจะรู้ว่า เขาก็ทำงานไปวันๆหนึ่งเพื่อให้ผ่านไป ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรต่อในชีวิต หรือเหมือนคนกำลังหมดไฟ
ขอแนะนำสำหรับคนที่กำลังหมดไฟและอยากเปลี่ยนตัวเองสิ่งที่คุณควรจะทำคือ ตั้งเป้าหมายใหม่ซะ และให้ใหญ่กว่าเดิม และพยายามเดินไปให้ถึง เท่านั้นคุณก็จะสามารถเริ่มมีไฟลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
เพราะคนที่ประสบความสำเร็จ ความมั่นคงทางการเงิน อิสรภาพทางด้านเวลา พวกเขาเหล่านั้นก็ล้วนแต่เป็นนักฝันที่ยิ่งใหญ่มาก่อนทั้งสิ้น
และนี่ก็เป็นเหตุผลตัวอย่างเท่านั้นที่คนส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ แต่เหตุผลหลักๆเลย ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนจากมนุษย์เงินเดือน ไปเป็นผู้ประกอบการหรืออาชีพ อิสระ หรืออาจจะเปลี่ยนตัวเอง เพื่อให้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
หรือแม้กระทั้งเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่แล้ว ไม่อยากเปลี่ยนหลอก แต่แค่อยากจะมีความมั่นคงทางการเงินที่ดีกว่าเดิม สิ่งแรกที่ต้องคิดตามคือ
ความคิด
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากรวยขึ้นมีเงินมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ คุณต้องคิดแตกต่างจากคนอื่น เพราะอย่างที่บอกสิ่งสำคัญที่สุด คือความคิด ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองต้องเอาจริงไม่ใช่แค่คิดแต่ไม่ลงมือทำ
ความรู้คือพลัง
การจะมีความมั่นคงทางด้านเงินได้นั้น แนะนำเลยว่า นากจากคุณจะทำงานได้ E และ S อยู่แล้วควรศึกษาหาความรู้ ด้าน B และด้าน I ไว้ด้วย (หากใครสงสัย การทำเงิน 4 ด้าน ด้าน E S B I คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความ นี้ได้ https://indychannel.wordpress.com/2016/07/16/เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ยัง/)
การมีความมั่นใจในทั้ง 2 ฝั่งของเงิน 4ด้าน จะทำให้รู้สึกมั่นคงขึ้นแม้จะมีเงินน้อยก็ตาม ความรู้คือพลัง เมื่อโอกาสมาถึง เราก็พร้อมจะคว้ามันด้วยความมั่นใจ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมี 2 ขา ถ้าเรามีขาเดียวเราจะรู้สึกโซซัดโซเซ และไม่มั่นคงอยู่ตลอดเวลา การมีความรู้ของเงิน 2 ฝั่งของเงินสี่ด้านทั่งซ้ายและขวา จะทำให้รู้สึกมั่นคง
คนที่รู้แต่เรื่องงานหรือวิชาชีพของตัวเองก็เหมือนคนที่มีขาเดียว เมื่อใดก็ตามที่สายลมแห่งเศรษฐกิจพัดมา พวกเขาก็มีโอการที่จะถูกพัดพาไปได้ง่ายกว่าคนที่มี 2 ขานั่นเอง
“ให้ความรู้แก่สมอง โดยที่หัวใจปราศจากการเรียนรู้ มีค่าเท่ากับการไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย.”อริสโตเติล
เส้นทางที่เลือกเดิน
แบบแผนที่แตกต่างกันมักขึ้นอยู่กับเส้นทางการเงินที่แต่ละคนเลือก โชคไม่ดีที่คนส่วนใหญ่เลือกเส้นทางความมั่นคงในหน้าที่การงาน พอเศรษฐกิจเริ่มจะสั่นคลอน พวกเขาก็ยิ่งต้องเน้นงานที่มั่นคงมากขึ้นกว่าเดิม และวิ่งไล่ไขว่คว้ามันไปตลอดชีวิต
อย่างน้อยที่สุดแนะนำให้คุณศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งหมายถึงการรู้สึกมั่นใจในหน้าที่การงานและมั่นใจในความสามารถที่จะลงทุนทั้งในช่วงเวลาที่แย่และช่วงเวลาที่ดี
ความลับสำคัญก็คือ นักลุงทุนที่แท้จริงมักจะทำเงินได้ดีในช่วงที่ตลาดแย่
พวกเขาทำเงินได้เพราะนักลงทุนตัวปลอมต่างหากที่พากันตื่นตระหนกและขาย ทั้งๆที่เป็นเวลาที่สมควรจะซื้อ ไม่กลัวหลอกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพราะการเปลี่ยนแปลงหมายถึงการโอนถ่ายความมั่นคงจากคนหนึ่งมาสู่อีกคนหนึ่งเสมอ
หัวหน้าไม่ได้ทำให้คุณรวยได้หลอก
ความจริงก็คือเจ้านายคุณไม่ได้มีหน้าที่ทำให้คุณรวยหน้าที่ของเขาคือ ทำให้แน่ใจว่าคุณได้รับเงินตรงเวลา ถ้าคุณอยากรวยมันเป็นหน้าที่ของคุณ และหน้าที่นั้นมันเริ่มตั้งแต่คุณได้รับเงินเดือน
ถ้าคุณบริหารเงินไม่เป็น เงินมีเท่าไรก็ช่วยคุณไม่ได้ ถ้าคุณจัดการเงินของคุณอย่างชาญฉลาด และเรียนรู้เกี่ยวกับด้านB และด้านI คุณกำลังเดินทางไปสู่โชคลาภ อันยิ่งใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โชคลาภที่มีชื่อว่า อิสรภาพ
และเจ้าความอยากรู้อยากเห็นนี่เองที่นำพาเราไปสู่หนทางใหม่ๆ.”วอลท์ ดิสนีย์
สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งใจกับตัวเอง และลงมือทำ Epictetus (55-135 C.E.)
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ฟังหลอกว่าใครจะมาบอกให้เปลี่ยนอะไรในตัวเอง ในเมื่อฉันไม่อยากเปลี่ยน ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนเราได้ ความหมายที่ฉันจะสื่อคือ สิ่งที่ฉันมาเสนอแนะวันนี้ มันจะไม่เกิดผล ถ้าคุณเองไม่คิดอยากจะเปลี่ยน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้กล่าวมาถ้าหากท่านใดเห็นประโยชน์ก็นำไปปรับใช้หรือประยุกต์ใช้กับตนเอง แต่ถ้าใครไม่เห็นประโยชน์ คุณก็แค่ปล่อยมันเลยผ่านไป ดังกับสายลม ที่พัดผ่านไปหนแล้วหนเล่า เพราะดิฉันเชื่อว่า คนต่างพ่อต่างแม่ ต่างความคิด แต่จะมีซักกี่คนที่คิดต่าง
—Anonymous –
ถ้าคุณเห็นว่า บทความนี้เป็นบทความที่มีประโยชน์ เป็นความรู้ใหม่ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ทำไมคุณไม่ให้เพื่อน ญาติพีน้องคุณรู้บทความนี้ด้วยละ
มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากถ้าเราช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยการแบ่งปันความรู้ไปสู่เยาวชนรุ่มใหม่ เพียงแค่คุณแชร์ บอกต่อ นั้นก็นับว่าเป็นจิตสาธารณะที่ดีค่ะ
บทความต้นฉบับ https://indychannel.wordpress.com/2016/07/26/เปลี่ยนที่-1-เปลี่ยนตัวเ/#more-258
CR Robert Kiyosaki