ไม่ทราบจังหวัดอื่นๆนี่เขาจะเดือดร้อนเรื่องแรงงานชาวพม่าเหมือนๆเราหรือเปล่าก็ไม่รู้
นี่ก็ขาดแรงงานมาหลายเดือนแล้ว รถต้องผ่อน ลูกไปโรงเรียน ต้องกินต้องใช้ เฮ้อออออ......
เมื่อ 11 ปีที่แล้วเรามีเงินมีทองเอามาซื้อที่ดินหมด สร้างสวนยาง เพิ่งเปิดกรีดได้ 3-4 ปี
ช่วงนั้นยางราคาดีมาก เราตั้งตัวได้ผ่านมา 3 ปีจนถึงปัจจุบัน ยางราคาลดลงเรื่อยๆ แต่เราก็พออยู่ได้
แต่ปัญหาคือ มีสวนยาง แต่ไม่มีคนกรีดยาง ปาล์มก็เช่นกัน ทั้งหมดต้องอาศัยแรงานพม่า
เพราะคนไทยเขาไม่ทำงานแบบนี้ เราทำเองก็ทำไม่ได้ ไม่ไหว
เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ปีที่แล้วตั้งแต่พม่าเปลี่ยนการปกครอง พม่าอพยพกลับบ้านกลับเมืองกันหมด
พอมาปีนี้หาแรงงานตัดยางตัดปาล์มนี่ ยากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด สวนยางว่างไม่รู้ตั้งเท่าไร่
สำหรับของเรา ตอนนี้เหลือแรงงานอยู่แค่คนเดียว รายได้หลักก็มาจากสวนยางจะทำไงดีหล่ะเนี่ย
มีที่ดิน มีสวน แต่ไม่มีคนงาน เหมือนกับทิ้งเงินไปวันนึงไม่รู้ตั้งกี่พัน
ขนาดนั่งรถเข้าในเมืองกับแฟน ไป-กลับ ร้อยกว่าโล ยังคุยกับแฟนว่าไม่เจอรถป้ายแดงสักคน
ไม่เหมือนเมื่อก่อน ป้ายแดงสวนกันเป็นว่าเล่น เมื่อวานจ้างพม่ามาทาสีบ้าน อยู่มานานจนพูดไทยคล่อง
เราก็ไปนั่งคุยกับเขา เขาบอกว่า บ้านเมืองเขาตอนนี้สบายแล้ว อยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อน
พม่าจึงกลับบ้านกันหมด ไปอยู่บ้านตัวเองดีกว่า โรงงานก็เกิดขึ้นเยอะ ไปทำงานบ้านเขา
ได้อยู่ไกล้ญาติพี่น้องด้วย ค่าแรงก็ไม่หนีกันเท่าไร ตีเป็นเงินไทยก็ 250-270 บาท อยู่เมืองไทยก็ลำบาก
ทางการก็เข้มงวด ต้องทำบัตรแรงงาน 6500 บาท และ บัตรทหารสีชมพูอีก 6500 บาท เงินก็ไม่เหลือ
แล้วเดี๋ยวนี้พม่าเขาไม่ตัดยางเมืองไทยแล้ว เขาไปตัดยางที่จีนกัน ประเทศจีน รัฐบาลเขาไม่เรื่องมาก
มีแค่วีซ่าอย่างเดียวก็ไปทำงานได้แล้วค่าแรงก็ได้เยอะกว่า อย่างเมืองไทยตอนนี้
ทำงานรับจ้างวันละ 300-350 แต่จีนได้ 600-700 บาท ส่วนเรื่องกรีดยางก็ได้ 50:50 เหมือนกัน
พม่าจึงเริ่มเข้าไปในจีนเยอะ แล้วพม่าก็มีน้ำอดน้ำทน ค่าแรง พม่า 350 คนไทย 500 แต่พม่าโดนด่าได้
คนไทยโดนด่าก็โกรธ คนไทยขี้เกียจ ชอบอู้งาน งานไม่ดีก็ไม่ทำ
ตัวเขาเองเดี๋ยววีซ่าหมดอายุ ปี 2018 ก็จะกลับไปอยู่บ้านเมือนกัน
ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจ แล้วต้องคิดมองหาลู่ทาง หาอาชีพใหม่ไว้รองรับ
ถ้าจะหวังกับเรื่องสวนยาง สวนปาล์มคงจะยาก ตอนนี้ก็เหมือนสวนร้างเต็มที
อนาคตเรามีหวังอดตายแน่ๆ เพราะขาดแรงงานต่างด้าว
นี่ก็ขาดแรงงานมาหลายเดือนแล้ว รถต้องผ่อน ลูกไปโรงเรียน ต้องกินต้องใช้ เฮ้อออออ......
เมื่อ 11 ปีที่แล้วเรามีเงินมีทองเอามาซื้อที่ดินหมด สร้างสวนยาง เพิ่งเปิดกรีดได้ 3-4 ปี
ช่วงนั้นยางราคาดีมาก เราตั้งตัวได้ผ่านมา 3 ปีจนถึงปัจจุบัน ยางราคาลดลงเรื่อยๆ แต่เราก็พออยู่ได้
แต่ปัญหาคือ มีสวนยาง แต่ไม่มีคนกรีดยาง ปาล์มก็เช่นกัน ทั้งหมดต้องอาศัยแรงานพม่า
เพราะคนไทยเขาไม่ทำงานแบบนี้ เราทำเองก็ทำไม่ได้ ไม่ไหว
เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ปีที่แล้วตั้งแต่พม่าเปลี่ยนการปกครอง พม่าอพยพกลับบ้านกลับเมืองกันหมด
พอมาปีนี้หาแรงงานตัดยางตัดปาล์มนี่ ยากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด สวนยางว่างไม่รู้ตั้งเท่าไร่
สำหรับของเรา ตอนนี้เหลือแรงงานอยู่แค่คนเดียว รายได้หลักก็มาจากสวนยางจะทำไงดีหล่ะเนี่ย
มีที่ดิน มีสวน แต่ไม่มีคนงาน เหมือนกับทิ้งเงินไปวันนึงไม่รู้ตั้งกี่พัน
ขนาดนั่งรถเข้าในเมืองกับแฟน ไป-กลับ ร้อยกว่าโล ยังคุยกับแฟนว่าไม่เจอรถป้ายแดงสักคน
ไม่เหมือนเมื่อก่อน ป้ายแดงสวนกันเป็นว่าเล่น เมื่อวานจ้างพม่ามาทาสีบ้าน อยู่มานานจนพูดไทยคล่อง
เราก็ไปนั่งคุยกับเขา เขาบอกว่า บ้านเมืองเขาตอนนี้สบายแล้ว อยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อน
พม่าจึงกลับบ้านกันหมด ไปอยู่บ้านตัวเองดีกว่า โรงงานก็เกิดขึ้นเยอะ ไปทำงานบ้านเขา
ได้อยู่ไกล้ญาติพี่น้องด้วย ค่าแรงก็ไม่หนีกันเท่าไร ตีเป็นเงินไทยก็ 250-270 บาท อยู่เมืองไทยก็ลำบาก
ทางการก็เข้มงวด ต้องทำบัตรแรงงาน 6500 บาท และ บัตรทหารสีชมพูอีก 6500 บาท เงินก็ไม่เหลือ
แล้วเดี๋ยวนี้พม่าเขาไม่ตัดยางเมืองไทยแล้ว เขาไปตัดยางที่จีนกัน ประเทศจีน รัฐบาลเขาไม่เรื่องมาก
มีแค่วีซ่าอย่างเดียวก็ไปทำงานได้แล้วค่าแรงก็ได้เยอะกว่า อย่างเมืองไทยตอนนี้
ทำงานรับจ้างวันละ 300-350 แต่จีนได้ 600-700 บาท ส่วนเรื่องกรีดยางก็ได้ 50:50 เหมือนกัน
พม่าจึงเริ่มเข้าไปในจีนเยอะ แล้วพม่าก็มีน้ำอดน้ำทน ค่าแรง พม่า 350 คนไทย 500 แต่พม่าโดนด่าได้
คนไทยโดนด่าก็โกรธ คนไทยขี้เกียจ ชอบอู้งาน งานไม่ดีก็ไม่ทำ
ตัวเขาเองเดี๋ยววีซ่าหมดอายุ ปี 2018 ก็จะกลับไปอยู่บ้านเมือนกัน
ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจ แล้วต้องคิดมองหาลู่ทาง หาอาชีพใหม่ไว้รองรับ
ถ้าจะหวังกับเรื่องสวนยาง สวนปาล์มคงจะยาก ตอนนี้ก็เหมือนสวนร้างเต็มที