กระทู้เม้าท์มอยคุณผี รวมเรื่องเล่าที่หลายคนอยากอ่าน แต่ไม่อยากเจอ

สวัสดีเจ้าค่ะ ขอแทนตัวเองว่าหวานใจนะคะ  หลายคนอาจจะเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างกับกระทู้เฮฮานินทาเจ้ากรรมนายเวร
สืบเนื่องมาจากกระทู้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องผีๆที่เขาหลัก  ในฐานะที่ตัวเองเคยทำงานในโรงแรมดังกล่าว
และเคยทำงานรวมทั้งพักอีกหลายๆโรงแรมแถบๆนั้น   วันนี้จะมาเล่าเรื่องทื่เคยผ่านหูผ่านตามาให้ฟังกันขำๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่า จากเด็กที่เคยกลัวผีแบบสุดๆ วันนี้จะเดินทางมาถึงจุดที่ ผี....เหรอ? แล้วงัย?
เจอก็เจอเด่ะ มีไรก็ว่ามา (สรุปว่าตั้งแต่เจอด้วยตัวเอง หวานใจก็เลิกกลัวไปเลย)

ใครอยากอ่านเรื่องสยองขวัญขอให้ข้ามกระทู้หวานใจไปเลยนะคะ  เพราะเรื่องของหวานใจส่วนใหญ่จะหนักไปทางน่ารักและน่าสงสาร


สำหรับเรื่องแรก ขอนำเสนอเรื่องเกี่ยวโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งที่เขาหลัก (ที่เคยเป็นกระทู้แนะนำ)
ปกติหวานใจทำงานที่นี่เลิกงานเที่ยงคืน ตีสาม ตีสี่ ทางกลับบ้านก็เปลี่ยว แต่เราคงน่ากลัวกว่าผี ผีเลยไม่กล้ามาให้เห็น(เพื่อนบอก)
หวานใจไม่เคยเจอผีที่ใครๆเค้าเห็นกันเลยสักครั้งค่ะ จนอยู่มาวันหนึ่ง ตอนสายๆก็มีเสียงอึกทึกดังว่ามีผีเข้าพนักงานคนหนึ่ง
เรื่องของเรื่องก็คือ ทางโรงแรมไปทาสีศาลพระภูมิใหม่ แล้วหยิบตุ๊กตาในศาลขึ้นมาเก็บไว้ที่ห้องฝ่ายบุคคล (เอามาทำความสะอาด)
พอทาสีปุ๊บ  อยู่ดีๆคุณป้าแผนกแม่บ้าน ขอเรียกว่าป้าดานะคะ  คุณป้าดาก็วิ่งขึ้นไปที่ห้องฝ่ายบุคคล
โวยวายๆว่า  "พวกเมิงมาทำอะไรบ้านกูไม่บอกกูก่อน กูเหม็น กูอยู่ไม่ได้"
แล้วแกก็ฮึดฮัดๆ ด่าๆๆบ่นๆ เยอะค่ะ ประมาณว่าทำไมเอาบริวารแกมาวางไว้แบบนี้ หวานใจจำไม่ได้ พอดีตอนนั้นไปเผือกไม่ทัน 555
ทางพวกเราก็พยายามประณีประนอมกับป้าดาสุดฤทธิ์ พอป้าแกด่าเสร็จ สักพักป้าแกก็เป็นลม ล้มไป ไม่รู้เรื่อง

พอเช้าวันถัดมา เอาอีกแล้วค่ะ คราวนี้เข้าร่างป้าดาอีก เพื่อนๆหวานใจที่อยู่มาก่อน เล่าให้ฟังว่าเจ้าที่แกเป็นอิสลาม
ชอบพูดเสียงดังๆโผงผางๆแบบนี้แหล่ะ   เช้านี้เรามาทำงาน ผ่านศาลมา เห็นป้าดายืนอยู่บนศาล ยกขาขึ้นข้างนึง(ศาลไม้หลังไม่ใหญ่)
เห็นว่าแกยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เช้ายันเที่ยง คุณเจ้าที่ในร่างป้า แกก็บ่นๆเรื่องนั้นเรื่องนี้ คือใครทำอะไรไม่ดี แกบอกหมด
มีอยู่ที แกฝากไปบอกเจ้านายหวานใจ ว่า "ไปบอกไอ้ฝรั่งเจ้านายเมิงด้วยว่า มันชอบมาจูบกับผู้ชายหน้าบ้านกรู กรูไม่ชอบ"
คือเจ้านายเค้าจะมีแฟนมารับมาส่งทุกเช้าเย็น เวลาเจอกันเค้าก็จุ๊บๆกันเป็นธรรมเนียม  แต่ศาลมันอยู่หน้าทางเข้าโรงแรมอ่ะ คิดภาพออกไหมคะ
เพื่อนๆก็โบ้ยให้หวานใจไปเตือนเจ้านาย   หวานใจก็ไปบอกตามที่แกฝากมา ฝรั่งเค้าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เนาะ เค้าฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะ ยิ้มๆไป

สักพักนึงป้าดาแกก็ขอนมค่ะ พวกเราก็รีบไปหานมสดมาให้กล่องนึง
ป้าดา: อะไรวะ โรงแรมออกจะรวย ทำไมงกแบบนี้ เด็กมีตั้งเยอะแยะ นมกล่องเดียวมันจะไปพอกินกันได้อย่างไร ไปเอามาอีก!!!"

พวกเราก็รีบวิ่งไปหานมกันมา คราวนี้เอามาสิบกล่องเลยค่ะ
พอได้นมมาแล้ว ป้าดายังไม่จบค่ะ ป้าดายืนสั่งอยู่บนศาล ขอล่ามที่พูดภาษาปะกิตได้ เราก็จัดให้แกค่ะ
มาฟังป้าดาพูดต่อนะคะ

ป้าดา: " เอ็งช่วยแปลเป็นภาษาปะกิตให้มันทีฟังทีนะ บอกเด็กๆพวกนี้ว่า กินนมเสร็จแล้วก็ไปหาร่ำหาเรียนอยู่ที่วัดกันนะ จะได้มีความรู้
อย่ามาอยู่วิ่งเล่นแถวนี้เลย"


เราได้ยินเพื่อนร่วมงานเราแปลตะกุกตะกัก ตามที่แกสั่ง ประมาณ Go to school in the temple (คือเราว่าพี่แกก็ไม่ค่อยเชื่อ
อีกอย่าง...ไม่มีใครมองเห็นเด็กๆที่ว่า เลยไม่รู้จะพูดกะใครหรือหันไปทางไหนดี แต่ก็ทำตาม เอาใจเจ้าที่ เดี๋ยวแกโมโห)

คือตอนนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตเราที่เคยเห็นอาการแบบที่คนเรียกว่าผีเข้า  เราก็ฮาจริงจัง คือสงสัยว่าทำไมต้องไล่ไปเรียนในวัดด้วย
เด็กๆที่ว่านี่ คุณเจ้าที่แกบอกว่าเด็กที่อยู่ในโรงแรมเป็นเด็กฝรั่ง มีเป็นสิบ มาติดอยู่แถวนี้ตั้งแต่ตอนซึนามิแล้วไปไหนไม่ได้
ให้บอกเด็กๆไปโรงเรียนจะได้มีความรู้ ทำไมคุณเจ้าที่แกไม่ไล่ไปอยู่กะพระเจ้าที่โบสถ์นะ เด็กเป็นฝรั่งทั้งนั้น
ไปวัดเค้าจะคุยกะพระรู้เรื่องเหรอ  สารพัดคำถามในหัวตอนนั้น แต่ไม่กล้าถามเจ้าที่...กลัวแกด่า ^___^
(งานมโนต้องมา ไอ้หนูจำมัย เห็นไรชอบมีคำถาม)

คุณเจ้าที่ก็อยู่ในร่างป้าแกจนถึงประมาณเที่ยงกว่าๆ หลังจากต่อรองข้อตกลงกันแล้ว แกถึงยอมออก
สงสารป้าดาแกก็อายุเยอะแล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยดี คิดดูว่าไปยืนขาเดียวอยู่บนศาลเจ้าตั้งหลายชั่วโมง ทำไปได้อย่างไร
จริงๆเรื่องคุณเจ้าที่มีอีกหลายครา แต่หวานใจอยู่ในเหตุการณ์แค่ครั้งเดียว เลยเอามาเล่าให้ฟังได้เท่านี้ค่ะ

หมายเหตุ เรื่องเจ้าที่อันนี้ พอจะเรียกว่า"ผีดุ" ได้อ๊ะป่าวคะ เห็นแกชอบดุชอบบ่นจริงจัง แต่หวานใจฟังแล้วแอบขำตลอด
หวานใจว่าแกน่ารักดีออก  



เรื่องที่สอง......ยังคงอยู่ ณ โรงแรมเดิม


ถ้าใครทำงานโรงแรมก็จะรู้จักคำว่า MOD หรือ manager on duty นะคะ
คือพวกระดับ management นี่ต้องอยู่เวร คอยตรวจตราโรงแรมเดินดูความเรียบร้อยกันจนดึกว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
แล้วก็รายงานในที่ประชุมตอนเช้าค่ะ  วันนั้นเป็นเวรของรุ่นพี่หวานใจคนหนึ่ง สมมติว่าชื่อพี่โจนะคะ
พี่โจแกก็เดินตรวจโรงแรมปกติ เดินไปจนไปถึงห้องหนึ่ง
มีฝรั่งผู้หญิงชุดขาวยืนอยู่หน้าห้องยิ้มให้พี่แก พี่โจแกก็ยิ้มกลับ แล้วแกก็เดินไปเรื่อยๆ ผ่านไปเป็นชั่วโมง แกก็กลับมาทางเดิม
ก็เจอคุณฝรั่งคนเดิมยังยืนอยู่ที่เดิมส่งยิ้มให้พี่แกอีก  พอเดินมาถึง lobby แกก็เอาลิสต์มาเช็คดูว่าไอ้ห้องตะกี้แขกมาจากไหน เห็นอยู่คนเดียว
ปรากฏว่าไอ้ห้องนั้นเป็นห้องเปล่าค่ะ ไม่มีแขก check in แล้วไอ้ที่ยืนยิ้มอยู่ที่ระเบียงนี่ครายยย??????

จะว่าไปไม่รู้ว่าคุณฝรั่งคนนั้นโชคดีหรือเปล่าเนาะ  ได้ Vacation ยาวเลย แถมอยู่ห้องสวีทอีกต่างหาก ค่าโรงแรมก็ไม่ได้จ่าย ยึดห้องถาวรเบยยย


เรื่องที่สาม ก็ยังคงอยู่ ณ โรงแรมเดิมคร๊าาาาา

อันนี้เป็นเรื่องของแขกเราที่พักห้องแพงสุดนะคะ  คือตกกลางคืน ประมาณตีสอง แขกเราโทรเข้าที่หน้าฟร๊อนท์ โวยวายๆว่ามีขโมยขึ้นห้อง
ทางเราก็รีบไปเลยค่า เอารปภ.ไปด้วย จริงๆรปภ.ก็ดูแลพื้นที่แถวนั้นอยู่แล้ว ไม่เห็นมีใครเพ่นพ่านอยู่แถวนั้นเลย
พอสอบถามลูกค้าฝรั่ง ฮีก็บอกว่า เนี่ย เค้าเห็นคนจริงๆนะ เป็นฝรั่งใส่ชุดขาวเดินอยู่ตรงระเบียงห้องเค้า

คือฝรั่งไม่กลัวผีงัยคะ แต่ไอ้เราฟังแล้ว โอเค ซึ้ง.....เป็นอันรู้กัน  ฮึๆๆ

เรื่องเล่าที่เราเจอในโรงแรมนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้.....แต่ยังไม่หมด ยังมีอีกหลายรร.แถวนี้ เดี๋ยวมาต่อค่าา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่