เป็นกระทู้แรกของเรา ผิดพลาดยังไงก็ขอโทษด้วยนะ
เป็นกระทู้ที่จะพาทุกท่านไปยังเหนือสุดแดนสยาม เชียงรายกันนะคะ เป็นการสร้างแลนด์มาร์คสไตล์เราเองนะคะ
เป็นทริป 2 วัน 2 คืน
วันที่1 เชียงใหม่-แม่สาย (พักแม่สาย 1 คืน)
วันที่2 แม่สาย-เข้าเมือง (พักในมือง 1 คืน)
วันที่3 กลับเชียงใหม่ แวะชิลล์ๆคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นก่อนกลับ
แพลนนี้เป็นการวางแลนมาร์คแต่ละสถานที่เชื่อมกัน ไม่วนอ้อมโลก ว่าแล้วก็เริ่มเดินทางกันเลย ^___^
เริ่มต้นด้วยที่นี่เลย ทุกครั้งที่พูดถึงเชียงราย คนส่วนใหญ่ก็จะคิดถึงแลนด์มาร์คที่นี่เลย ด่านชายแดนพม่า "แม่สาย"
ร้านนี้สวยงามสะดุดตา ระหว่างทางไปแม่สาย แวะหาสเบี่ยงลงท้อง แนะนำบานอฟฟี่ที่นี่อร่อยมากกกกกกกกก มากจริงๆๆๆ เสียดายกินหมดก่อนไม่ได้ถ่ายรูป เลยเอาบรรยากาศในร้านมาฝากกันค่ะ
จากนั้นก็เดินทางต่อไปยัง ด่านชายแดนพม่า "แม่สาย" กันค่ะ
สำหรับคนที่ต้องการจะข้ามฝั่งไปฝั่งแม่สาย ให้แวะที่อำเภอนะคะ จะมีตึกสำหรับออกหนังสือผ่านแดนชั่วคราวค่ะ ค่าบริการประมาณ 40-50 ต่อคน
หลังจากนั้น เราจะเดินทางไป สามเหลี่ยมทองคำกัน !!! ใกล้กับแม่สาย โดยตามจีพีเอสไปเนื่องจากเราไม่ใช่คนท้องถิ่นเลยไม่รู้ทางค่ะ
สองข้างทางเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ที่อยากให้ที่คนได้ไปสัมผัสค่ะ ใช้ระยะเวลาไม่นานนักเราก็ถึงที่หมายแล้ว
ถึงแล้ว เริ่มจากการเดินลอดท้องช้างแล้วมานมัสการพระเชียงแสนสี่แผ่นดินกันค่ะ
ชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า มีให้ล่องเรือข้ามฝั่งด้วยนะคะ ค่าเช่าเรือประมาณ 300-400 บาท นั่งได้ 6 คนค่ะ
สวยมากจริงๆค่ะ เป็นการดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ปลอดโปร่งมากๆค่ะ
เย็นนี้จะไปดินเนอร์กันแถวๆ แม่สาย ที่ร้าน จันกะผัก ขึ้นชื่อเรื่องผักสดสะอาด ปลอดสารพิษ อาหารอร่อย
แต่ส่วนตัว จขกท. รู้สึกว่า เมนูอาหารมีให้เลือกน้อยไป บริเวณร้านกว้างขว้างมีที่จอดรถ รสชาติอาหารควรพัฒนามากที่สุด ราคาก็พอตัว
แลนด์มาร์คจุดที่2 ต้องที่นี่เลย ไร่ชาฉุยฟง หาไม่ยากเหมือนกันค่ะ ไปตามจีพีเอสพอใกล้ๆถึงมีป้ายบอกทางตลอดค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงเลย (เราจะเดินทางจากแม่สาย เข้าสู่ตัวเมือง เริ่มแวะทีละจุด ก่อนเข้าสู้ตัวเมืองจริงๆ)
มีร้านอาหารและเบเกอรี่ข้างบนนี้ด้วย แต่เราไม่ได้กินเพราะเรารอไปฝากท้องไว้ที่ร้านมโนรมย์
เป็นการรับอากาศบริสุทธิ์เข้าร่างกายมากจริงๆ เหมาะแก่การพักผ่อนที่แท้จริง
หลังจากเต็มอิ่มกับบรรยากาศมากพอแล้ว ถ่ายรูปจุใจแล้ว ไปค่ะจะพาไปกินอาหารอร่อยๆ บรรยากาศสไตล์ยุโรป
แลนด์มาร์คจุดที่3 มโนรมย์ อยู่โซนใกล้ๆกับร้านชีวิตธรรมดา ไปอยู่หน้าตาของร้านมโนรมย์กัน...
มีพนักงานบริการดูแลดีค่ะ มาถึงไม่รอช้าสั่งอาหารโลดดค่ะ รออาหารไม่นานก็ได้กินเลยค่ะ
อร่อยสมราคาค่ะ อิ่มแล้วเดินทางกันต่อค่ะ
แลนด์มาร์คจุดที่4 ไหว้สักการะวัดพระแก้ว เป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองเชียงรายค่ะ
แลนด์มาร์คจุดที่5 วัดร่องขุ่น สถาปัตยกรรมจากอาจารย์เฉลิมชัยค่ะ (ยืมภาพจากเว็บ kapook.com) ภายในวัดจะมีให้ชมนิทรรศการฟรี แต่จะมีเจ้าหน้าที่ค่อยรักษาความเรียบร้อยตลอดเวลา และทุกจุดภายในอาคาร
แลนด์มาร์คจุดที่6 ไร่สิงห์ค่ะ แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่เคยไปเชียงรายนะคะ ใครแพลนไว้สามารถวางแพลนวัดร่องขุ่นกับไร่สิงห์ไว้ใกล้กันได้ค่ะ เพราะเดินทางประมาณ 5-10 นาที ไม่ไกลกันมากค่ะ ไปชมความงามของไร่สิงห์กันได้เลย เข้ามาจะเจอสิงห์รอต้อนรับอยู่ ขอโทษด้วยนะไม่มีรูปบรรยากาศ ที่ไม่ติดจขกท.มาด้วย คนถ่ายรูปกันเยอะมาก เป็นศึกการแย่งชิง
ที่นี่มีร้านอาหาร บริการดี เอาใจใส่ดีมากค่ะ คงเพราะมีเซอร์วิสชาร์จจากทางร้าน สำหรับมือนี้ เทียบกับราคาก็เพียงไปนิดนึงค่ะ ที่นี่มีชีสเค้กของ Farm Design ด้วยน้าาา ถูกใจของชอบชีสเค้กแบบ จขกท. มากค่ะ
แลนด์มาร์คจุดที่7 คืนนี้เราเลือกดินเนอร์กันที่เห็นวิวหอนาฬิกาใกล้ และชัด ด้วยร้านดังตามเพจรีวิวคือร้านเชียงรายรำลึก
ปล. สำหรับคนเอารถยนต์มา หาที่จอดรถยากมากค่ะ ต้องจอดตามริมถนน ข้างทาง วัดดวงกันไป
ภาพบรรยากาศในร้าน มีฝรั่งเยอะแยะไปหมด แถวหอนาฬิการมีหลายร้านเหมือนกันค่ะ เลือกได้ตามใจชอบเลย
เห็นหอนาฬิกาชัดเจนตามต้องการ ที่นี่เขามีเวลาปิดการแสดงด้วยน้าา มาให้ทันเวลาตามนี้เลย ทุกคืนเวลา 1 ทุ่ม 2 ทุ่ม และ 3 ทุ่ม
ส่วนตัวความรู้สึกแล้วรู้สึกว่า บริการไม่ดีแบบที่คิด อาหารก็เฉยๆ ไม่สมกับราคามากๆๆๆๆๆๆ ตามรูปเลยจ้าา (คงไม่ไปอีก)
แลนด์มาร์คจุดที่ 8 คาเฟ่เรียวกัง เดินทางตามจีพีเอสเหมือนเดิมเลยจ้าา บรรยากาศเเหมือนหลุดมาอีกโลกเลย มีความสงบ เรียบง่าย
เดินเข้ามาที่นี่มีเจ้าม่อนมารอรับด้วยน้าาา
จบแล้วค่ะ ทริปพักผ่อนสั้นๆ
ปล. ใบเสร์จจากร้านอาหารทุกร้าน จขกท. ไม่ได้เก็บไว้ เพราะไปทริปนี้ได้สักพักละคะ ไปช่วงพฤษภาคม 58 ร้อนแต่ก็ไม่ได้ร้อนจนเกินไป
ขอบคุณที่เข้ามาชมนะคะ หวังว่าจะชอบกันน้าาา ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขอโทษด้วยนะคะ
เสน่ห์เชียงราย เที่ยวเพลิน สบายกระเป๋า ไม่พูดมากเน้นรูป
เป็นกระทู้ที่จะพาทุกท่านไปยังเหนือสุดแดนสยาม เชียงรายกันนะคะ เป็นการสร้างแลนด์มาร์คสไตล์เราเองนะคะ
เป็นทริป 2 วัน 2 คืน
วันที่1 เชียงใหม่-แม่สาย (พักแม่สาย 1 คืน)
วันที่2 แม่สาย-เข้าเมือง (พักในมือง 1 คืน)
วันที่3 กลับเชียงใหม่ แวะชิลล์ๆคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นก่อนกลับ
แพลนนี้เป็นการวางแลนมาร์คแต่ละสถานที่เชื่อมกัน ไม่วนอ้อมโลก ว่าแล้วก็เริ่มเดินทางกันเลย ^___^
เริ่มต้นด้วยที่นี่เลย ทุกครั้งที่พูดถึงเชียงราย คนส่วนใหญ่ก็จะคิดถึงแลนด์มาร์คที่นี่เลย ด่านชายแดนพม่า "แม่สาย"
ร้านนี้สวยงามสะดุดตา ระหว่างทางไปแม่สาย แวะหาสเบี่ยงลงท้อง แนะนำบานอฟฟี่ที่นี่อร่อยมากกกกกกกกก มากจริงๆๆๆ เสียดายกินหมดก่อนไม่ได้ถ่ายรูป เลยเอาบรรยากาศในร้านมาฝากกันค่ะ
จากนั้นก็เดินทางต่อไปยัง ด่านชายแดนพม่า "แม่สาย" กันค่ะ
สำหรับคนที่ต้องการจะข้ามฝั่งไปฝั่งแม่สาย ให้แวะที่อำเภอนะคะ จะมีตึกสำหรับออกหนังสือผ่านแดนชั่วคราวค่ะ ค่าบริการประมาณ 40-50 ต่อคน
หลังจากนั้น เราจะเดินทางไป สามเหลี่ยมทองคำกัน !!! ใกล้กับแม่สาย โดยตามจีพีเอสไปเนื่องจากเราไม่ใช่คนท้องถิ่นเลยไม่รู้ทางค่ะ
สองข้างทางเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ที่อยากให้ที่คนได้ไปสัมผัสค่ะ ใช้ระยะเวลาไม่นานนักเราก็ถึงที่หมายแล้ว
ถึงแล้ว เริ่มจากการเดินลอดท้องช้างแล้วมานมัสการพระเชียงแสนสี่แผ่นดินกันค่ะ
ชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า มีให้ล่องเรือข้ามฝั่งด้วยนะคะ ค่าเช่าเรือประมาณ 300-400 บาท นั่งได้ 6 คนค่ะ
สวยมากจริงๆค่ะ เป็นการดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ปลอดโปร่งมากๆค่ะ
เย็นนี้จะไปดินเนอร์กันแถวๆ แม่สาย ที่ร้าน จันกะผัก ขึ้นชื่อเรื่องผักสดสะอาด ปลอดสารพิษ อาหารอร่อย
แต่ส่วนตัว จขกท. รู้สึกว่า เมนูอาหารมีให้เลือกน้อยไป บริเวณร้านกว้างขว้างมีที่จอดรถ รสชาติอาหารควรพัฒนามากที่สุด ราคาก็พอตัว
แลนด์มาร์คจุดที่2 ต้องที่นี่เลย ไร่ชาฉุยฟง หาไม่ยากเหมือนกันค่ะ ไปตามจีพีเอสพอใกล้ๆถึงมีป้ายบอกทางตลอดค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงเลย (เราจะเดินทางจากแม่สาย เข้าสู่ตัวเมือง เริ่มแวะทีละจุด ก่อนเข้าสู้ตัวเมืองจริงๆ)
มีร้านอาหารและเบเกอรี่ข้างบนนี้ด้วย แต่เราไม่ได้กินเพราะเรารอไปฝากท้องไว้ที่ร้านมโนรมย์
เป็นการรับอากาศบริสุทธิ์เข้าร่างกายมากจริงๆ เหมาะแก่การพักผ่อนที่แท้จริง
หลังจากเต็มอิ่มกับบรรยากาศมากพอแล้ว ถ่ายรูปจุใจแล้ว ไปค่ะจะพาไปกินอาหารอร่อยๆ บรรยากาศสไตล์ยุโรป
แลนด์มาร์คจุดที่3 มโนรมย์ อยู่โซนใกล้ๆกับร้านชีวิตธรรมดา ไปอยู่หน้าตาของร้านมโนรมย์กัน...
มีพนักงานบริการดูแลดีค่ะ มาถึงไม่รอช้าสั่งอาหารโลดดค่ะ รออาหารไม่นานก็ได้กินเลยค่ะ
อร่อยสมราคาค่ะ อิ่มแล้วเดินทางกันต่อค่ะ
แลนด์มาร์คจุดที่4 ไหว้สักการะวัดพระแก้ว เป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองเชียงรายค่ะ
แลนด์มาร์คจุดที่5 วัดร่องขุ่น สถาปัตยกรรมจากอาจารย์เฉลิมชัยค่ะ (ยืมภาพจากเว็บ kapook.com) ภายในวัดจะมีให้ชมนิทรรศการฟรี แต่จะมีเจ้าหน้าที่ค่อยรักษาความเรียบร้อยตลอดเวลา และทุกจุดภายในอาคาร
แลนด์มาร์คจุดที่6 ไร่สิงห์ค่ะ แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่เคยไปเชียงรายนะคะ ใครแพลนไว้สามารถวางแพลนวัดร่องขุ่นกับไร่สิงห์ไว้ใกล้กันได้ค่ะ เพราะเดินทางประมาณ 5-10 นาที ไม่ไกลกันมากค่ะ ไปชมความงามของไร่สิงห์กันได้เลย เข้ามาจะเจอสิงห์รอต้อนรับอยู่ ขอโทษด้วยนะไม่มีรูปบรรยากาศ ที่ไม่ติดจขกท.มาด้วย คนถ่ายรูปกันเยอะมาก เป็นศึกการแย่งชิง
ที่นี่มีร้านอาหาร บริการดี เอาใจใส่ดีมากค่ะ คงเพราะมีเซอร์วิสชาร์จจากทางร้าน สำหรับมือนี้ เทียบกับราคาก็เพียงไปนิดนึงค่ะ ที่นี่มีชีสเค้กของ Farm Design ด้วยน้าาา ถูกใจของชอบชีสเค้กแบบ จขกท. มากค่ะ
แลนด์มาร์คจุดที่7 คืนนี้เราเลือกดินเนอร์กันที่เห็นวิวหอนาฬิกาใกล้ และชัด ด้วยร้านดังตามเพจรีวิวคือร้านเชียงรายรำลึก
ปล. สำหรับคนเอารถยนต์มา หาที่จอดรถยากมากค่ะ ต้องจอดตามริมถนน ข้างทาง วัดดวงกันไป
ภาพบรรยากาศในร้าน มีฝรั่งเยอะแยะไปหมด แถวหอนาฬิการมีหลายร้านเหมือนกันค่ะ เลือกได้ตามใจชอบเลย
เห็นหอนาฬิกาชัดเจนตามต้องการ ที่นี่เขามีเวลาปิดการแสดงด้วยน้าา มาให้ทันเวลาตามนี้เลย ทุกคืนเวลา 1 ทุ่ม 2 ทุ่ม และ 3 ทุ่ม
ส่วนตัวความรู้สึกแล้วรู้สึกว่า บริการไม่ดีแบบที่คิด อาหารก็เฉยๆ ไม่สมกับราคามากๆๆๆๆๆๆ ตามรูปเลยจ้าา (คงไม่ไปอีก)
แลนด์มาร์คจุดที่ 8 คาเฟ่เรียวกัง เดินทางตามจีพีเอสเหมือนเดิมเลยจ้าา บรรยากาศเเหมือนหลุดมาอีกโลกเลย มีความสงบ เรียบง่าย
เดินเข้ามาที่นี่มีเจ้าม่อนมารอรับด้วยน้าาา
จบแล้วค่ะ ทริปพักผ่อนสั้นๆ
ปล. ใบเสร์จจากร้านอาหารทุกร้าน จขกท. ไม่ได้เก็บไว้ เพราะไปทริปนี้ได้สักพักละคะ ไปช่วงพฤษภาคม 58 ร้อนแต่ก็ไม่ได้ร้อนจนเกินไป
ขอบคุณที่เข้ามาชมนะคะ หวังว่าจะชอบกันน้าาา ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขอโทษด้วยนะคะ