สวัสดีค่ะ

สังขละบุรี เป็นอีกสถานที่ ที่เราลังเลใจตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
เราเคยตั้งกระทู้ถามว่า ระหว่าง สังขละบุรีและเชียงคาน ไปคนเดียว(ครั้งแรก) ที่ไหนดี
เมื่อต้นปีเราทำตามความตั้งใจของเราสำเร็จแล้ว ด้วยการลุยเดี่ยวที่เชียงคาน
หลังจากกลับมาคราวนั้น ก็เริ่มติดใจการเที่ยว(คนเดียว) ส่ะแล้ว

ทริปนี้จึงบังเกิดขึ้นมา และแน่นอนที่ . สังขละบุรี .
ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา
เราเริ่มต้นการเดินทาง เช้าวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎา
ด้วยรถตู้ รังสิต - กาญ ค่ารถโดยสาร 130 บาท



รถออกเจ็ดโมงเช้า
มาถึงกาญจนบุรี เก้าโมงเช้า
ไม่ขาดไม่เกิน



เนื่องจากเวลาในทริปนี้ค่อนข้างน้อย
เราจึงต้องประหยัดเวลา แล้วเลือกการเดินทางด้วยโดยรถตู้

กำหนดรถออก 09:30 แต่คนเต็มก่อน ออกก่อน (สโลแกนที่นี้)
รถเราจึงเคลื่อนล้อออกจาก บขส.กาญจนบุรี ตอนเก้าโมงหน่อยๆ



เราหลับไปสักพักใหญ่ๆ ก็มาตื่นอีกทีที่ด่านตรวจคน
ระหว่างทางมีด่านตรวจแบบนี้เรื่อยๆ



หลับแล้วหลับอีก หลับจนคอเคล็ด ก็ยังไม่ถึง

เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างยาวนาน เราแอบคิดในใจเล่นๆ
. ถ้าสังขละจะไกลขนาดนี้ แยกตัวออกไปเป็นจังหวัดเลยเถอะ 555 .

นี้แหละค่ะ ที่มาของชื่อกระทู้ " จังหวัดสังขละบุรี "

แล้วการเดินทางที่ยาวนานก็สิ้นสุดลง ตอนบ่ายโมง
เรารีบลงรถหาอะไรลงท้องก่อนเลย
ระหว่างรอเวลาเช็คอิน



เราได้จองที่พักไว้ล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว

และเราได้นัดกับเพื่อน (แปลกหน้า) ที่นัดเจอกันในบอร์ดท่องเที่ยวที่นึง ว่าจะมาจอยกันลงเรือ
แล้วเพื่อนใหม่ของเรา ก็มารับเราที่เซเว่น
แล้วพาเราไปส่งที่พักที่จองไว้ และหาที่เช่ามอเตอร์ไซค์
ซึ่งหายากมาก
เราตระเวนไป 3-4 ที่ รถหมดทุกที่

จนเรามาเจอคุณป้าใจดีที่เกสท์เฮ้าส์ที่นึง ที่ช่วยหารถให้เราได้



แล้วเราก็กลับมาที่ ที่พักจัดของและเตรียมตัวออกไปแว้นซ์
.
ที่พักของเรา น่ารักดี เราชอบนะ



เป็นห้องพักเล็กๆ สำหรับคนเดียว
เปิดประตูสามก้าวถึงเตียง
สองก้าวถึงห้องน้ำ
น่ารักไปอีก ><



แล้วก็ถึงเวลาที่เรานัดหมายกับเพื่อนใหม่ไว้ เพื่อที่จะแว้นซ์ไปด่านเจดีย์สามองค์

ระยะทางยี่สิบกว่ากิโล ขาไปเราชิวมาก และขับช้ามาก
เพราะทางโค้งและหลุมบ่อค่อนข้างเยอะ



แล้วเราก็เดินทางมาถึงด่านเจดีย์สามองค์



มีของขายทั่วไป ทานาคา ดอกไม้ เพชร พลอย เหล้า เบียร์ บุหรี่ จีปาถะ





ซึ่งเราไม่ได้อะไรกลับมาเลยย นอกจากทานาคา ห้าห้า



แล้วฟ้าก็เริ่มมืดหลง
เราเลยต้องรีบแว๊นซ์แข่งกับฝน



มาถึงสังขละเกือบห้าโมงเย็น แต่เรายังไม่ได้ลงเรือไปชมวัดเลย
เลยรีบไปที่ พีเกสต์เฮ้าส์ เพื่อลงเรือชมวัด (หกคนหกร้อย ซึ่งมีคนในเกสต์เฮ้าส์มาจอยด้วย)
และตอนนั้นฝนก็กำลังตกหนัก เราเลยต้องรอเวลาสักพัก เพื่อลงเรือ



จนกระทั่งฟ้าสว่าง ..
ยานพาหนะที่จะพาเราไปชมวัดก็มารอรับเราที่ท่าเรือ