มาช่วยเหลือน้องหมากันนะ...[เมื่อวัดไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิง ให้กับหมาจรจัดได้ แล้วคนเราจะพึ่งพิงวัดได้จริงหรือ?]


เจ้าหมาตัวนี้เราเจอมันที่วัด
แต่พระบอกเราว่ามันไม่ใช่หมาวัด และจะไม่ให้อาหารมัน
เพราะต้องการให้มันไปอยู่ที่อื่น วัดจะได้ไม่ต้องมีหมามาก
อีกทั้งพระยังได้บอกผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดว่าห้ามให้อาหารมันด้วย
แต่ทางวัดก็มีการให้อาหารหมาที่เคยอยู่มาก่อนอย่างดี

เมื่อช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา
เราได้ไปบวชที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลกับ มช. นัก
โดยเราตั้งใจไว้ว่าจะบวชสัก 12 วัน
แต่จ่ายเงินให้กับวัดไว้เพียง 7 วันก่อน
แต่แล้วก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมา
ทำให้เราไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
จนไม่สามารถที่จะบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้ต่อไปได้
เราจึงบวชได้เพียง 5 วันเท่านั้น
โดยเงินที่เหลืออีกสองวัน
พระบอกเราว่าวัดไม่คืนเงินให้
เราก็ไม่ซีเรียสอะไรเพราะตั้งใจว่าจะเอาเงินนั้นไปทำบุญต่ออยู่แล้ว

ที่เราตั้งใจและอยากมาบวชยาวๆที่วัดแห่งนี้ก็เพราะเรามาบ่อย
เนื่องจากมีความประทับใจในสถานที่ที่ดูเก่าแก่ มีต้นไม้ร่มรื่น
มีบ่อปลา มีที่ให้อาหารนกและไก่
ซึ่งเราชอบมากๆกับวัดที่มีลักษณะแบบนี้ เราชอบให้อาหารสัตว์
และสถานที่ดูเหมาะกับการพักผ่อนจิตใจ รวมถึงการนั่งสมาธิด้วย
นอกจากนี้วัดยังเป็นวัดเก่าแก่ที่มีการสร้างจากฝีมือมนุษย์ได้อย่างน่าชื่นชม
ในความสามารถของคนโบราณที่สร้างสถานที่อย่างมีศิลปะจากถ้ำหิน
และมีเจดีย์อยู่ด้านบน ซึ่งสร้างความตราตรึงใจให้กับผู้คนที่มาเป็นอย่างมาก

แต่เรื่องที่เรารับไม่ได้และสะเทือนใจมากคือ
ในวันที่เราจะออกจากวัด ก่อนการลาศีล
เราบอกพระว่ามีหมาตัวนึงตามเราอยู่
แล้วไม่มีใครให้อาหารมันเลย
ซึ่งใครในที่นี้ หมายถึงคนที่ทำงานให้กับวัด
พระก็บอกเราว่า
"วัดจะไม่ให้อาหารหมา
เพราะไม่ต้องการให้มีหมาในวัดมาก
เขาจึงไม่ให้อาหารมันกิน
หมาจะได้ไปอยู่ที่อื่น
ถ้าให้อาหารมัน
เดี๋ยวมันก็ออกลูกออกหลานเต็มไปหมด
มันน่าสงสารสำหรับคนที่มา
แต่มันลำบากคนอยู่"
ซึ่งตรงนี้เราเข้าใจนะ
ว่าวัดมีปัญหาเรื่องนี้ คนที่อยู่นั่นจะลำบาก
เนื่องจากมีปัญหาจากการที่มีหมาเข้ามาอยู่
และมีความเสี่ยงว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ที่เราช้ำใจไปกว่านั้นคือ
พระพูดต่อว่า
"วัดเลยจะให้อาหารกับหมา
ที่เคยอยู่มาก่อน หมาตัวนี้มันไม่ใช่หมาวัด"
เราพยายามอธิบายให้พระฟังว่า
หมาตัวนี้มันเป็นหมาวัด
เราเจอมันที่วัด
พระก็ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วบอกว่า
"ไม่รู้อ่ะ มันไม่ใช่หมาที่วัดนี้"
เราเสียความรู้สึกมากจริงๆ
ที่พระพูดแบบนี้

คำถามได้เกิดในใจของเราว่า
ถ้าไม่ให้อาหารมัน
ก็เพื่อให้มันไปอยู่ที่อื่น
แล้วที่อื่นที่ว่ามันจะเป็นที่ไหน?
ถ้าแม้แต่วัดที่ได้รับอาหารและเงินทอง
จากผู้มีใจบุญทั้งหลาย
ไม่สามารถที่จะเป็นที่พักพิงให้กับ
บรรดาหมาจรจัดได้
แล้วพวกมันจะต้องไปเร่ร่อนอดอยากต่อไป
ถ้าเช่นนั้นจะมีที่อยู่ที่ไหนที่เป็นที่พึ่งให้กับมันได้?
แม้แต่หมา มันก็ยังพึ่งวัดไม่ได้เลย
แล้วคนอย่างเราจะพึ่งวัดเช่นนี้ได้หรือ?
ในเมื่อมีคนนำหมามาปล่อยที่วัดแล้ว
อันที่จริงมันก็ไม่ควรอยู่แล้วในเรื่องที่จะปล่อยหมาที่ตัวเองเลี้ยงมา
แต่ทำอย่างไรได้
ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว
ตอนที่มันมีลูก
ลูกหมามันเกิดมาแล้ว
มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปโทษคนที่ปล่อยมันแล้ว
เมื่อหมามันเกิดมาในวัด
วัดไม่ให้อาหารมัน
เพื่อให้มันไปอยู่ที่อื่น
โดยจะให้เฉพาะหมาที่เคยอยู่มาก่อนแล้ว
ถ้าเช่นนั้น ในสังคมนี้ จะยังมีพื้นที่
ให้กับหมาเหล่านี้ได้ยังไง
มันต้องกลายเป็นหมาป่าไปรึป่าว
เรารู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมกลายๆ
ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะคิดอย่างไรในเรื่องนี้
แต่สำหรับเราแล้ว
มันค่อนข้างสะเทือนใจไม่น้อยเลย

ที่วัดแห่งนี้จะจัดออกเป็นหลายโซน
-โซนบ่อปลา โซนหนึ่ง
-โซนเจดีย์ ตัววัดโบราณก็โซนหนึ่ง
(แต่สำหรับหมามันจะรวมโซนบ่อปลา
กับโซนเจดีย์ด้วยกัน)
-โซนประตูหน้าวัด
-โซนสำนักปฏิบัติธรรม
ซึ่งเราจะพูดถึงโซนสำนักปฏิบัติธรรม
ที่สำนักปฏิบัติธรรมในวัดแห่งนั้น
มีหมาที่ได้รับการเลี้ยงดูดีกว่าหมาตัวอื่นๆในบริเวณนั้นสองตัว
และยังมีหมาตัวอื่นที่ดูจะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีอีกสองสามตัว
และก็มีหมาตัวอื่นๆที่ดูอิดโรยอยู่ด้วย
ซึ่งเราไม่รู้ว่าพวกมันได้รับอาหารด้วยหรือไม่
แต่สำหรับตัวที่ตามเรามา
มันไม่ได้รับอาหารจากคนที่ทำงานในวัด
ลักษณะของหมาที่วัดนี้คือมีการหวงถิ่นฐานที่ตัวเองอาศัยอยู่ตามโซนต่างๆ
ซึ่งหมายความว่า
มันจะเดินไปมาอยู่ได้แต่ในพื้นที่เฉพาะของตัวเองในแต่ละวัน
ไม่อาจจะเดินข้ามโซนได้
ถ้าหากมีการรุกล้ำพื้นที่แล้ว
หมาเจ้าที่ก็จะพยายามขับไล่อย่างถึงที่สุด
ซึ่งนั่นก็อาจเป็นไปตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของหมา
ตัวไหนอ่อนแอ เข้ากับพวกไม่ได้ก็ถูกขับไล่

เจตนาที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาคือ
ต้องการให้ผู้คนได้รับรู้ว่า
การที่เราเห็นหมาในวัด
บางครั้งแล้วก็อย่านิ่งนอนใจว่า
พวกมันจะได้กินอิ่ม
หรือมีชีวิตที่ดีกว่าหมาจรจัดตามท้องถนน
นั่นอาจจะมีแค่เพียงบางตัวเท่านั้น
ขณะเดียวกันก็ยังคงมีหมาจำนวนมาก
ที่มันได้เกิดมาจากหมาที่ถูกทอดทิ้ง
แล้วต้องร่อนเร่ต่อไป
ถ้าเราจะเอาแต่บอกว่ามันเป็นเรื่องของเวรกรรม แล้วปล่อยมันไป
นิ่งนอนใจเพราะคิดว่ามันก็เป็นแค่สัตว์
ต่อไปเมื่อพวกหมาขยายพันธ์ุมากขึ้น
แล้วก็จะกลายเป็นปัญหาสังคมต่อไป
ที่อาจจะมีคนถูกหมากัดแล้วเสี่ยงต่อการเป็นโรคพิษสุนัขบ้า
เหตุผลเพราะ
ถ้าดูตามสัญชาตญาณของหมา
ที่มีลักษณะการเอาตัวรอดที่ต้องแก่งแย่งกันเช่นนี้
มันจึงจำเป็นต้องดุร้าย
เพราะมันอยู่กับความหวาดกลัว
มันได้เผชิญกับหมาตัวอื่นๆอย่างโหดร้าย และคนก็โหดร้ายกับมันด้วย
ดังนั้นความรู้สึกที่มันจะเป็นมิตรต่อผู้คนจึงจางหายไปจากหัวใจของมัน
บางครั้งมันต้องสู้เพื่อเอาตัวรอด
ขนาดคนเราเมื่อกลัวอะไรสุดขีด
ผลสุดท้ายเราก็จำเป็นต้องสู้ให้ถึงที่สุด
หมาก็เช่นกัน
ถ้าหากว่าวันใดวันนึง
มันต้องการอาหารแล้วมาหน้าบ้านของคุณ
ถ้าคุณต้องการไล่มัน
โดยการง้างมือขึ้นมา
มันอาจจะกระโจนกัดคุณทันทีก็ได้เพื่อป้องกันตัวเอง
เพราะมันไม่มีที่จะไป
ไม่มีที่พึ่งพิงแก่มันอีกแล้ว
และมันทำอาหารกินเองไม่ได้
มันก็ต้องการกินอาหารแบบคนเหมือนกัน
ดังนั้นแล้ว
เราจะมีวิธีแก้ไขบ้างไหม
สำหรับพื้นที่ของคนมีใจบุญทั้งหลาย
ซึ่งส่วนนี้
ข้าพเจ้ามีความคิดเห็นว่า
จะเป็นไปได้ไหม
ที่วัดจะเป็นที่พักพิงให้กับหมาจรจัด
โดยมีการขอเงินบริจาคจากผู้คน
เพื่อนำไปทำธุระเรื่องการคุมกำเนิดของหมาทั้งตัวผู้และตัวเมีย
อีกทั้งฉีดยากันโรคพิษสุนัขบ้าให้มัน
และให้อาหารที่เท่าเทียมกัน
คือให้ที่เดียว
ไม่แบ่งแยกว่าตัวนั้นตัวนี้
พวกมันจะได้ไม่ต้องแก่งแย่งกัน
ถ้าหากมีอาหารเพียงพอ
หรือจะเป็นไปได้ไหมที่จะมีใครมาช่วย
ดำเนินเรื่องคุมกำเนิดให้กับหมาจรจัด
และฉีดยากันโรคพิษสุนัขบ้าให้
เราคิดว่าสิ่งนี้มันจำเป็นอย่างมาก
ที่จะช่วยไม่ให้มีลูกหมาเกิดขึ้นมาแล้วต้องเจอกับสภาวะอดอยากอีกต่อไป
และวัดก็ควรจะเป็นที่พึ่งพิงได้สำหรับพวกมัน
อย่างน้อยๆก็ด้วยเศษอาหารจากวัดนั่นเองที่จะทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไป

หมาในวัดบางตัวที่เราเห็น มันอาจไม่ได้รับอาหารจากทางวัดก็ได้
เพราะเราไม่รู้เลยว่ามีวัดที่ไหนบ้างที่เป็นเช่นนี้

วอนผู้มีใจอยากทำบุญทำทานทั้งหลาย
หากวัดไม่สามารถเป็นธุระในส่วนนี้ได้
แต่ถ้าหากท่านมีเงินมากพอ
ก็ช่วยทำทานกับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกหมาๆในวัดด้วยเถอะ
มันควรถึงเวลาเสียทีไม่ใช่หรือ
ที่เราจะต้องช่วยกันจัดการปัญหานี้
ไม่ใช่เพียงปล่อยให้ปัญหามันเกิดขึ้น
โดยที่ไม่คิดแก้ไข หรือลงมือทำ
ครั้นจะคิดว่ามันอยู่ที่วัดก็ให้วัดจัดการ
อย่างนั้นแล้ว ถ้าคนที่อยู่วัดก็คิดว่า
มันเป็นความผิดของคนที่เอาหมามาปล่อย ซึ่งวัดไม่ได้ต้องการ
คนนอกวัดก็ไม่ได้ต้องการ
มัวแต่โยนกันไปกันไปมา
ไม่เห็นใจสัตว์ที่มันเกิดขึ้นมาเลย
อย่างนี้แล้ว จำนวนหมาจรจัดก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โดยที่กลายเป็นอะไรที่แก้ยากเสียแล้ว
วัดได้รับเงินบริจาคจากผู้ใจบุญทั้งหลายแล้ว
เราคิดว่าควรมองและแก้ปัญหาให้ถูกจุดมากกว่าที่จะไม่เห็นใจหมา
คิดแค่ว่าให้มันไปเผชิญชะตากรรมที่โหดร้ายที่อื่นต่อไป
วัดเป็นที่ซึ่งชาวพุทธไว้วางใจอยากทำบุญสุนทาน
วัดจึงได้รับเงินทอง และอาหารมากมาย
ต้องการอะไร อยากทำอะไร
ขอบริจาคได้ทั้งสิ้น
ก็เนื่องด้วยความศรัทธาจากสาธุชนทั้งหลายในดินแดนแห่งชาวพุทธ
หากว่าศาสนาเป็นเรื่องของความดีความงาม การช่วยเหลือเผื่อแผ่กัน
เราก็ไม่ควรเห็นแก่ตัว
เห็นแก่พวกพ้องมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น
เพราะยิ่งผู้ใดเห็นแก่ความเป็นตัวกู ของกูมาก
ก็ยิ่งเป็นอันตรายต่อสังคมไม่ใช่หรือ
แล้วถ้าคนในสังคมมีความเห็นแก่ตัวกันถ้วนหน้า
ไม่เห็นแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายเลย
มันจะใช่สิ่งที่ดี สิ่งที่งาม สิ่งที่ควรจะเป็นหรือ?
พระพุทธองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ
เป็นล้นพ้นดุจห้วงมหรรณพ
ก็คงไม่ได้ต้องการให้วัดซึ่งมีพระสงฆ์ที่จะเป็นผู้เผยแผ่ศาสนาของพระพุทธองค์
ในทางที่ดีที่งามให้เป็นเช่นนี้หรอก
พระพุทธองค์ทรงมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั่วหน้าอย่างเท่าเทียมกัน
เพราะทุกสิ่งมีชีวิต
ความมีชีวิต เพียงเกิดก็เป็นความทุกข์
และความรักความเมตตาที่เราพึงมีต่อกันก็เป็นการเยียวยาความทุกข์
ซึ่งกันและกันมิใช่หรือ

คำว่าอัตตาหิ อัตโนนาโถ ที่แปลว่าตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
แท้จริงแล้วคำว่าตน(อัตตา) ในที่นี้
หมายถึงทุกสรรพสิ่งที่มีความเป็นอัตตา
ความเป็นตัวเป็นตน
มิใช่หมายถึงตนเองคนเดียวอย่างที่เรามักตีความผิดไป
เพราะว่าพระพุทธองค์สอนให้เราช่วยเหลือมีความเมตตา กรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
และแน่นอนว่าพระพุทธองค์นั้น
ไม่ใช่เพียงแค่ทรงสอน
แต่ทรงกระทำให้สาธุชนชาวพุทธและผู้ศึกษาได้รับรู้ประวัติของพระพุทธองค์ด้วย
และเราแน่ใจว่าที่วัดมีทุกสิ่งทุกอย่าง
ได้อาหารและเงินทองจากผู้คน
ก็ด้วยเพราะบุญญาบารมีของพระพุทธองค์ทั้งสิ้น
ที่เราพูดเช่นนี้ก็เพราะถ้าไม่มีพระพุทธองค์ ก็คงไม่มีพระ ไม่มีวัดต่างๆอย่างในปัจจุบันนี้
เพราะฉะนั้นแล้ว อยากให้ทุกคน
ที่ไปทำบุญที่วัด หรือที่เห็นหมา แมว หรือสัตว์อื่นๆก็ดี ได้เห็นใจพวกมันบ้าง
อย่างน้อยก็เรื่องอาหารที่เรามนุษย์จะมีให้กับมันได้
แค่เพียงเล็กๆน้อยๆ หากช่วยได้ก็ควรช่วย
เราจะพูดเรื่องบุญขึ้นมาสักเล็กน้อย
ให้พอตระหนักได้ว่า
บุญที่เราทำจะช่วยหนุนนำให้เราพบแต่สิ่งที่ดี
ถ้าเราสร้างเหตุที่ดีแล้ว เราย่อมได้ผลดีแน่นอน
และเพียงจิตคิดกุศล ก็เป็นบุญแล้ว
หากเราทำ ก็ยิ่งเป็นผลที่เราจะได้รับ
อย่าคิดว่าจะสร้างบุญ ทำบุญกับพระ
กับวัดเพียงอย่างเดียว
ทำบุญหรือที่เรียกว่าทำทานกับสัตว์บ้างก็ได้
เพราะอะไร
ก็เพราะว่าพระนั้น ที่เราเห็นๆกันในวัด
พระเหล่านั้นถ้าหากว่ายังไม่บรรลุธรรมตั้งแต่ชั้นโสดาบันขึ้นไป
เราเรียกว่าสมมุติสงฆ์
ซึ่งยังไม่ใช่สงฆ์ที่ควรแก่ของสักการะที่เรานำมาถวายอย่างแท้จริง
แต่ถ้าหากเป็นพระสงฆ์จริงๆแล้วก็ควรแก่ของสักการะที่เรานำมาถวาย
ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่รู้ว่า
พระสงฆ์รูปใดบรรลุธรรมแล้วหรือไม่อย่างไร
ที่เราต้องการจะบอกคือ
การที่เราจะทำบุญก็อย่าไปมุ่งมั่นว่าต้องทำแต่กับพระกับเจ้าเท่านั้น
เราเอาแน่เอานอนกับความดี ความงามของใครไม่ได้ แม้กระทั่งพระ
ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นสมมุติสงฆ์
เราไม่ได้มีเจตนาไม่ดีที่จะขัดศรัทธาของผู้คนที่ต้องการทำบุญ
แต่เราอยากให้ผู้คนเผื่อแผ่สิ่งที่ตนมีอยู่
ให้กับสรรพสัตว์บ้าง
พวกมันเกิดมาเป็นสัตว์ก็มีความทุกข์จากสภาพของการเกิดมากกว่าเราอยู่แล้ว
มันทำบุญอย่างคนเรานี้ไม่ได้
เหมือนเกิดมา เพื่อชดใช้ และรอวันจากไปกับโลกเท่านั้นเอง
อายุมันอาจสั้นกว่าเรา
แต่สำหรับพวกมันแล้ว
สัตว์ทุกตัวตนเมื่อเกิดมา
ในความรู้สึก ถ้าหากยิ่งทุกข์ มันก็เป็นความรู้สึกว่านานมากๆ
สำหรับมัน

การที่เราทำทาน
จะทำให้เราไม่เกิดมาอดอยาก
แต่ถ้าเราเกิดมาอดอยาก
สิ่งที่เราต้องการก็คือให้มีใครสักคน
มาช่วยเหลือให้เราพ้นทุกข์
เพราะเราไม่สามารถช่วยให้ตัวเองพ้นทุกข์ได้ ถูกไหม?

เราเพียงอยากมาบอกทุกคนว่า
การทำบุญมันไม่จำเป็นจะต้องจำกัดเฉพาะว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของคำสอนตามหลักพุทธศาสนาแล้ว
คือการที่เราอยู่เหนือเรื่องบุญและบาปแล้วต่างหาก
นั่นคือการที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสารแล้ว
พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้เราบ้าบุญ
แต่สอนว่ายังมีหนทางที่ทำให้เป็นสาเหตุให้เกิดผลดีแก่ตัวเอง คือการทำดี
แล้วก็ยังมีหนทางที่เป็นสาเหตุให้เกิดผลไม่ดีแก่ตัวเองก็คือการทำชั่ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่