มีพี่ในที่ทำงานเราคนหนึ่ง ท่านเล่าให้ฟังว่า
สมัยแกรับปริญญาเอกที่จุฬา ตอนนั้นปี 2541
ชุดครุยรับปริญญาของ ป.โท กับ ป.เอก ตอนนั้น ไม่ได้เหมือนอย่างที่เราเห็นในตอนนี้นะ
คือมันจะมีแถบเส้นตรงกลางเป็นเส้น ป.ตรี 1 เส้น ป.โท 2 เส้น ป.เอก 3 เส้น
ตอนช่วงที่แกจะจบยังไม่ได้ไปตัดชุดครุยรับปริญญา แกบังเอิญไปเห็นฉลองพระองค์ครุยที่ตึกจักรพงษ์ ว่าไม่ได้เป็นแบบที่เค้าใช้กันนี่นา
แกก็เลยไปเปิดระเบียบใน พรบ.จุฬาดู พบว่า ชุดครุย ป.โท กับ ป.เอก ที่ทุกคนใช้ตามๆ กันมาหลายรุ่น มันผิดไปจากระเบียบที่เขียนไว้
พอถึงเวลาที่แกต้องไปตัดชุดครุย ก็เลือกที่จะไปตัดร้านเดียวกัน คือร้านอลังการณ์ ท่าพระจันทร์ เพื่อให้ตัดชุดครุยแบบถูกระเบียบไปเลย เพราะเผื่อว่าจะได้ใช้อีกหลายงาน เช่น ไปงานรับปริญญาคนอื่นก็ใช้ได้ หรือเป็นอาจารย์ไปนั่งในพิธีอะไรพวกนี้ก็ใช้ได้
แกเสียค่าตัดชุดครุยไปหมื่นสอง แกบอกเกือบสลบเหมือนกัน เพราะมันเป็นแบบที่ไม่เหมือนคนอื่นเค้า
แบบที่ถูกระเบียบ ป.ตรี มีแถบเล็ก 1 เส้น (เดิมถูกระเบียบอยู่แล้ว) ส่วน ป.โท เป็นแถบเดียวแต่ใหญ่กว่าของ ป.ตรี และ ป.เอก ก็แถบเดียวใหญ่เท่า ป.โท แต่เปลี่ยนสีพื้นหลัง (คือแบบที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี่แหละถูกระเบียบแล้ว แต่สมัยนั้น คนอื่นเค้าใส่แบบ ป.โท 2 แถบ ป.เอก 3 แถบ ตามๆ กันมาก่อนหน้านั้นหลายรุ่น โดยไม่รู้หรือไม่กล้าที่จะเปลี่ยนให้มันถูกต้องตรงตามระเบียบกัน)
แกบอกว่าช่วงนั้นแกต้องพก พรบ. จุฬา ติดตัวไว้ด้วย เอาไว้เถียงคนอื่น กับอาจารย์เจ้าหน้าที่ตอนซ้อมกับวันจริง เดี๋ยวแกจะโดนไม่ให้เข้าพิธีเอา เพราะถูกคนไม่รู้เรื่องบอกว่าผิด
แกบอกว่าเรื่องชุดครุยผิดระเบียบนี้ กว่าจะรู้กันทั่วและปรับให้ถูกต้องตามๆ กันหมด ก็ใช้เวลาประมาณ 2 ปี
เราก็เลยสงสัยว่า จะมีเรื่องอะไรไหมน๊าา ในจุฬา ที่คนอื่นๆ ทั่วไปทำเหมือนๆ กัน และทำต่อๆ กันมาหลายรุ่น จนอาจเป็นประเพณี แต่แท้จริงมันผิดบ้าง
จริงๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เรานะ ที่มักใช้อุปทานหมู่ในการตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควรไม่ควร แต่ไม่ได้ใช้ข้อมูลและเหตุผลในการตัดสิน เช่น เห็นคนอื่นทำแบบนี้กัน เราก็ทำตามเค้า ทำต่อๆ กันมาโดยไม่ได้สนว่าจริงๆ มันถูกหรือมันผิด หรือบางคนแม้รู้ว่าผิดแต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับคนอื่นก็ปล่อยให้ทำตามๆ กันแบบผิด ต่อไป
อย่างท่านที่เล่าให้เราฟังนี้ต้องเสี่ยงที่จะอดเข้ารับปริญญาเลยนะ ซึ่งจริงๆ แกก็ไม่ได้เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก แกก็คิดในเชิงส่วนตัวว่าตัดชุดทั้งทีก็ให้มันถูกระเบียบไปเลย แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะอดเข้ารับปริญญาเพราะทำไม่เหมือนคนอื่นและด้วยความไม่รู้ของคนอื่น
แต่พอความรู้มันกระจายไปทั่วแล้ว ก็ไม่มีใครอยากจะตัดชุดแบบเดิมๆ แล้ว
สิ่งที่ทำต่อๆ กันมาหลายรุ่นมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการแพร่กระจายความรู้ให้ทั่วถึงกันนี่เอง
[ตำนานชุดครุยจุฬา] จริงไหม ที่ช่วงหนึ่งชาวจุฬาตัดชุดรับปริญญากันแบบผิดระเบียบตามๆ กันมาหลายรุ่น
สมัยแกรับปริญญาเอกที่จุฬา ตอนนั้นปี 2541
ชุดครุยรับปริญญาของ ป.โท กับ ป.เอก ตอนนั้น ไม่ได้เหมือนอย่างที่เราเห็นในตอนนี้นะ
คือมันจะมีแถบเส้นตรงกลางเป็นเส้น ป.ตรี 1 เส้น ป.โท 2 เส้น ป.เอก 3 เส้น
ตอนช่วงที่แกจะจบยังไม่ได้ไปตัดชุดครุยรับปริญญา แกบังเอิญไปเห็นฉลองพระองค์ครุยที่ตึกจักรพงษ์ ว่าไม่ได้เป็นแบบที่เค้าใช้กันนี่นา
แกก็เลยไปเปิดระเบียบใน พรบ.จุฬาดู พบว่า ชุดครุย ป.โท กับ ป.เอก ที่ทุกคนใช้ตามๆ กันมาหลายรุ่น มันผิดไปจากระเบียบที่เขียนไว้
พอถึงเวลาที่แกต้องไปตัดชุดครุย ก็เลือกที่จะไปตัดร้านเดียวกัน คือร้านอลังการณ์ ท่าพระจันทร์ เพื่อให้ตัดชุดครุยแบบถูกระเบียบไปเลย เพราะเผื่อว่าจะได้ใช้อีกหลายงาน เช่น ไปงานรับปริญญาคนอื่นก็ใช้ได้ หรือเป็นอาจารย์ไปนั่งในพิธีอะไรพวกนี้ก็ใช้ได้
แกเสียค่าตัดชุดครุยไปหมื่นสอง แกบอกเกือบสลบเหมือนกัน เพราะมันเป็นแบบที่ไม่เหมือนคนอื่นเค้า
แบบที่ถูกระเบียบ ป.ตรี มีแถบเล็ก 1 เส้น (เดิมถูกระเบียบอยู่แล้ว) ส่วน ป.โท เป็นแถบเดียวแต่ใหญ่กว่าของ ป.ตรี และ ป.เอก ก็แถบเดียวใหญ่เท่า ป.โท แต่เปลี่ยนสีพื้นหลัง (คือแบบที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี่แหละถูกระเบียบแล้ว แต่สมัยนั้น คนอื่นเค้าใส่แบบ ป.โท 2 แถบ ป.เอก 3 แถบ ตามๆ กันมาก่อนหน้านั้นหลายรุ่น โดยไม่รู้หรือไม่กล้าที่จะเปลี่ยนให้มันถูกต้องตรงตามระเบียบกัน)
แกบอกว่าช่วงนั้นแกต้องพก พรบ. จุฬา ติดตัวไว้ด้วย เอาไว้เถียงคนอื่น กับอาจารย์เจ้าหน้าที่ตอนซ้อมกับวันจริง เดี๋ยวแกจะโดนไม่ให้เข้าพิธีเอา เพราะถูกคนไม่รู้เรื่องบอกว่าผิด
แกบอกว่าเรื่องชุดครุยผิดระเบียบนี้ กว่าจะรู้กันทั่วและปรับให้ถูกต้องตามๆ กันหมด ก็ใช้เวลาประมาณ 2 ปี
เราก็เลยสงสัยว่า จะมีเรื่องอะไรไหมน๊าา ในจุฬา ที่คนอื่นๆ ทั่วไปทำเหมือนๆ กัน และทำต่อๆ กันมาหลายรุ่น จนอาจเป็นประเพณี แต่แท้จริงมันผิดบ้าง
จริงๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เรานะ ที่มักใช้อุปทานหมู่ในการตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควรไม่ควร แต่ไม่ได้ใช้ข้อมูลและเหตุผลในการตัดสิน เช่น เห็นคนอื่นทำแบบนี้กัน เราก็ทำตามเค้า ทำต่อๆ กันมาโดยไม่ได้สนว่าจริงๆ มันถูกหรือมันผิด หรือบางคนแม้รู้ว่าผิดแต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับคนอื่นก็ปล่อยให้ทำตามๆ กันแบบผิด ต่อไป
อย่างท่านที่เล่าให้เราฟังนี้ต้องเสี่ยงที่จะอดเข้ารับปริญญาเลยนะ ซึ่งจริงๆ แกก็ไม่ได้เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก แกก็คิดในเชิงส่วนตัวว่าตัดชุดทั้งทีก็ให้มันถูกระเบียบไปเลย แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะอดเข้ารับปริญญาเพราะทำไม่เหมือนคนอื่นและด้วยความไม่รู้ของคนอื่น
แต่พอความรู้มันกระจายไปทั่วแล้ว ก็ไม่มีใครอยากจะตัดชุดแบบเดิมๆ แล้ว
สิ่งที่ทำต่อๆ กันมาหลายรุ่นมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการแพร่กระจายความรู้ให้ทั่วถึงกันนี่เอง