โมฮัมเหม็ด ลาฮูไอเยจ์ บูห์เลล ผู้ก่อการร้ายมุสลิม ตัวอย่างการเคร่งศาสนาอิสลามหัวรุนแรงจากผู้ไม่เคยเคร่งศาสนามาก่อน

ฝรั่งเศสเผยคนร้ายวันชาติเพิ่งฝักใฝ่ลัทธิหัวรุนแรง เจ้าหน้าที่รวบผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 2 ราย


รอยเตอร์ – นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสระบุคนขับรถบรรทุกที่พุ่งชนคนตายกว่า 80 คน เมื่อวันชาติปลายสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่งฝักใฝ่เข้าลัทธิหัวรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้ ขณะเดียวกันเริ่มมีเสียงเรียกร้องดังขึ้นให้รัฐมนตรีมหาดไทยลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ นอกจากนี้รัฐบาลยังถูกโจมตีว่า สอบตกโดยสิ้นเชิงเรื่องการปกป้องประชาชน


       
           เหตุโจมตีที่เมืองนีซเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (14) ทำให้ฝรั่งเศสตกอยู่ในความเศร้าสลดและหวาดกลัวอีกครั้ง หลังเหตุมือปืนสังหารหมู่ประชาชน 130 คนในปารีสเพิ่งผ่านพ้นไปเพียง 8 เดือน การโจมตีเหล่านี้ รวมถึงเหตุระเบิดในบรัสเซลส์เมื่อ 4 เดือนก่อน ทำให้ยุโรปตะวันตกช็อกไปตามๆ กัน นอกเหนือจากที่ต้องกังวลกับความท้าทายด้านความมั่นคงจากคลื่นการอพยพ การเปิดพรมแดน รวมถึงกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง
       
           แม้ทางการฝรั่งเศสยังไม่มีหลักฐานว่า โมฮัมเหม็ด ลาฮูไอเยจ์ บูห์เลล ชาวตูนีเซียวัย 31 ปีที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่นายกรัฐมนตรี มานูเอล วาลส์ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ "เลอ เจอร์นัล ดูว์ ดิมองช์" ฉบับวันอาทิตย์ (17) โดยระบุว่า บูห์เลลเปลี่ยนไปฝักใฝ่ลัทธิหัวรุนแรงอย่างรวดเร็ว การอวดอ้างของไอเอสเมื่อเช้าวันเสาร์ (16) และการบ่มเพาะลัทธิสุดโต่งอย่างรวดเร็วของผู้ก่อเหตุ ยืนยันถึงลักษณะการโจมตีแบบกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง
       
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ ถึงผู้ที่ถูกตำรวจสอบปากคำหลายคน ระบุว่า บูห์เลลเปลี่ยนจากคนที่ไม่สนใจศาสนาเป็นมุสลิมหัวรุนแรงภายในระยะเวลาอันสั้นมาก
       
           ญาติและเพื่อนในนีซที่ถูกสอบปากคำระบุตรงกันว่า เมื่อไม่นานมานี้บูห์เลลยังดื่มเหล้า สูบกัญชา และกินเนื้อหมู ขณะที่น้องสาวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เขามีปัญหาทางจิตตอนที่เดินทางไปฝรั่งเศสในปี 2005 และพยายามหาทางรักษา
       
           ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามทำความเข้าใจแรงจูงใจของบูห์เลล ตำรวจได้จับกุมชาย 1 คนและหญิงอีก 1 คนที่ใกล้ชิดผู้โจมตีรายนี้ที่นีซเมื่อเช้าวันอาทิตย์ รวมแล้วมีผู้ถูกควบคุมจากเหตุการณ์นี้ 7 คน
       
           วาลส์ระบุว่า เหตุการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี เป็นวิธีปฏิบัติการแบบไอเอสในการโน้มน้าวบุคคลที่มีความแปรปรวน ให้ก่อเหตุโจมตีไม่ว่าด้วยรูปแบบใดก็ตาม
       
           ไอเอสนั้นมองฝรั่งเศสเป็นเป้าหมายสำคัญ เนื่องจากฝรั่งเศสร่วมปฏิบัติการทางทหารเพื่อโจมตีตนในตะวันออกกลาง และการโจมตีแดนน้ำหอมทำได้ง่ายกว่าการโจมตีอเมริกา ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรกวาดล้างไอเอสในอิรักและซีเรีย
       
           อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลสังคมนิยมของประธานาธิบดี ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องนโยบายรักษาความปลอดภัยจากพรรคฝ่ายค้านสายอนุรักษ์นิยมและขวาจัด แต่วาลส์ยืนยันว่า ความเสี่ยงในการก่อการร้ายไม่มีทางเป็นศูนย์ แต่จะมีการโจมตีเกิดขึ้นอีก
       
           ในช่วงที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสจะมีขึ้นในเวลาอีกไม่ถึงปี บรรดานักการเมืองฝ่ายค้านจึงพากันเพิ่มดีกรีการกดดันและวิจารณ์ว่า มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของประเทศตกต่ำหนักจนทำให้คนขับรถบรรทุกสามารถพุ่งชนฝูงชนเป็นระยะทางถึง 2 กิโลเมตร กว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าสกัดได้
       
           หลังเหตุการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี ฝรั่งเศสสั่งขยายภาวะฉุกเฉินที่เริ่มต้นหลังการโจมตีปารีสในเดือนพฤศจิกายนออกไปอีก 3 เดือน รวมทั้งประกาศเรียกตำรวจและทหารกองหนุนเข้าประจำ
       
           เมื่อวันเสาร์ แบร์นาร์ กาเซเนิฟ รัฐมนตรีมหาดไทย เรียกร้อง “พลเมืองที่รักชาติ” สมัครเป็นกองหนุนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของกองกำลังความมั่นคง
       
           กระนั้น มาตรการเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดทอนความกังวลได้มากนัก มารีน เลอ เปน ผู้นำพรรคแนวหน้าแห่งชาติ เรียกร้องให้กาเซเนิฟลาออกเพื่อรับผิดชอบความไร้ประสิทธิภาพอย่างรุนแรงในการปกป้องพลเมืองฝรั่งเศส
       
           คริสเตียง เอสโตรซี อดีตรัฐมนตรีในยุคประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซี ที่สนับสนุนนโยบายความมั่นคงแบบแข็งกร้าว และปัจจุบันเป็นประธานสภาในเขตริเวียรา กล่าวหารัฐบาลสอบตกโดยสิ้นเชิงจากเหตุโจมตีนีซ พร้อมบอกว่า รัฐมนตรีมหาดไทยโกหกคำโตจากการให้สัมภาษณ์เรื่องมีตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเพียงพอในบริเวณที่จัดงานฉลองวันชาติที่นีซ


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000071226
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่