credit : showtimeshowdown.com
พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งครับ ให้ความเห็นว่าหนังเรื่องนี้กากมาก แล้วก็บอกว่าผมนั้นดูหนังเปลือก ก็เลยอยากจะอธิบายว่า Ghostbusters (2016) ไม่ใช่หนังดีนะ เป็นหนังที่ให้ความบันเทิงระดับกลางๆ แต่ข้อดีของมันเลยก็คือ การที่มันทำโดยเดินเรื่องตามต้นฉบับ แต่ไม่ซ้ำกับต้นฉบับ โดยคำนึงถึงรายละเอียดในหลายๆด้าน ซึ่งไหนๆก็จะมาเขียนอธิบายจริงจังแล้ว ก็เลยขอเอามาตั้งกระทู้ซะเลยครับ
ข้อที่ 1 : Cameo (การปรากฏตัวของนักแสดงจากภาคก่อน) ของ Harold Ramis
credit : doubtfulnews.com
ผมเคยเขียนไว้ใน blog ของผมไว้แล้ว (nospoil.wordpress.com) แต่ด้วยความที่ไม่อยากเปิดเผยเนื้อเรื่องมาก ก็เลยละรายละเอียดต่างๆไว้ด้วยความเข้าใจ
credit : standbyformindcontrol.com
หลายคนอาจไม่รู้ว่า Ghostbuster ทั้ง 2 ภาคนั้นถูกแต่งเรื่องและตัวละครทั้งหมดโดย Dan Aykroyd และ Harold Ramis ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของ Ghostbusters ที่แม้จำคำคัญรองลงมากว่า Dr.Peter Venkman ที่รับบทโดย Bill Murray แต่ความสนุกและความตลกของเรื่องจะขาดไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้รับอารมณ์ขันของ 2 คนนี้ ถึงถ้าจะให้พูดจริงๆแล้ว หนังเรื่องนี้ก็มีความตลกแบบปานกลางนั้นแหล่ะ แต่ก็เป็นความตลกแบบยุค 80 ที่หนังหลายๆเรื่องมี เช่น Back to the Future , Honey I shrunk the kids เป็นต้น ทำให้การ Cameo ของ 2 คนนี้จึงถือว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเอา Harold Ramis ที่เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดอักเสบเมื่อปี 2014 แต่ตัวผู้กำกับ Paul Fieg ยังสามารถนำเอา Dr.Egon หรือ Harold Ramis กลับมาในรูปของรูปปั้นทองเหลือ ที่ตั้งอยู่ที่หน้าห้องวิจัยของ Abby และ Jillian ที่อุทิศตนให้กับการศึกษาพลังเหนือธรรมชาติไม่ต่างกับนิสัยตัวละครของ Dr.Egon ของ Harold Ramis
RIP Harold Ramis ด้วยครับ
credit : nomeatballs.wordpress.com
ข้อที่ 2 : ความเหมือนที่แตกต่าง
credit : arcade.stanford.edu
credit : metro.co.uk
Ghostbusters 2016 มีการเริ่มเรื่อง และดำเนินเรื่องที่เหมือนกับของปี 1894 เป๊ะๆเลย ไม่ว่าจะสไตล์ต้นเรื่องของหนัง ที่ปี 1984 จะเริ่มจากผีบรรณารักษ์ในห้องสมุด กับผีในปี 2016 ในคฤหาสน์เก่า รวมไปถึงคาแรคเตอร์ของตัวละคร ที่ดูแล้วคล้ายแต่กลับไม่คล้ายเลย เช่น ทีมหลักของ Ghostbusters ที่มี 3 คน แต่เมื่อต่างเพศ คนเมื่อดูวูบแรกก็จะทึกทักเอาว่าตัวละครคงถอดแบบกันมา แต่กลับไม่ใช่ บทของ Erin ที่น่าจะตรงกับ Peter แต่กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทั้งคู่เป็นนักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน แต่ Erin กลับดูจ๋อง แต่ Peter กลับดูแสบ
credit : wired.com
credit : moviepilot.com
หรือ Egon กับ Jillian ที่น่าจะถอดแบบกันที่ทั้งคู่ควรดูเนิร์ดๆ แว่นๆ แต่กลายเป็นว่า Jillian ที่รับบทโดย Kate McKinnon กลับเปรี้ยวกว่า เฟี้ยวกว่า สนุกกว่าและกวนกว่าเยอะเลย พวกรายละเอียดเหล่านี้จึงทำให้ Ghostbusters ยืนอยู่บนความซ้ำ แต่กลับรู้สึกว่าไม่ซ้ำ และมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เรารู้สึกว่าหยอกล้อกับตัวออริจินัลอยู่ตลอด
credit : pinterest.com
credit : hypable.com
ซึ่งตัว Jillian ก็มีการออกแบบตัวละครที่หยอกล้อกับ Egon จากภาคการ์ตูน The Real Ghostbusters อีกด้วย
credit : my.xfinity.com
หรือแม้แต่ 1 สมาชิกผิวสีที่มาที่หลังทั้ง 2 ภาคอย่าง Winston Zeddmore และ Patty Tolan ก็มาร่วมทีมด้วยอัตราส่วนแบบนี้ คือไม่ใช่ตัวละครเด่น แต่ Patty ในภาคใหม่ก็มีบทบาทและสร้างสีสันมากกว่า Winston ไม่น้อย
credit : moviepilot.com
credit : fanpop.com
ข้อที่ 3 : อุปกรณ์ใหม่ๆ
credit : comingsoon.net
ความเท่ห์ของ Proton Pack (เป้อุปกรณ์ที่สะพายหลังเอาไว้ยิงลำแสงอนุภาคนิวเคลียร์ใส่ผี) ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ให้เท่ห์กว่าเก่า หรือพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆที่ทำให้หนังสนุกขึ้น คงไม่เจ็บจี๊ดเท่า P.K.E. Meter ที่เอาไว้ตรวจจับวิญญาณที่จงใจทำออกมาให้เหมือนกับปากทางเข้าของอวัยวะเพศหญิง ซึ่งมันสุดมาก ทำให้การเปลี่ยนแปลงนักแสดงจากชายล้วนมาเป็นหญิงล้วนมันสุดจริงๆ สมกับที่เป็นงานของ Paul Feig
credit : mentalfloss.com
ข้อที่ 4 : ผีใหม่ที่เหมือนเก่า
credit : youtube.com
เทคนิคผีในหนังเมื่อสมัย 30 ปีที่แล้ว ถ้าไม่ใช่การเอายางลาเท็กซ์มาโปะหน้าแล้วใช้ make up effect เอา ก็จะมาในสไตล์โปรงแสงแบบนี้แหล่ะ เช่น Casper , The Frighteners อะไรแบบนี้ ซึ่งเวอร์ชั่นปี 2016 นี้ก็ทำแบบเดิมเลย แต่ด้วยกราฟฟิคที่ปราณีตกว่า แต่ลักษณะของผีและการอาละวาดนั้นก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
credit : filmconnoisseur.blogspot.com
ข้อที่ 5 : ผีเก่าที่มา cameo บวกกับตัวละครผีใหม่
credit : spicypulp.com
Slimer กับ Mr.Stay Puft ได้กลับมาเจอกันในภาคนี้อีกครั้ง ทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าสนใจมากๆ เพราะอย่างที่รู้กันว่า Slimer ในตัวหนัง original แล้วก็เป็นผีป่วนๆที่มีบทไม่มาก แต่ก็ไม่มีที่มาที่ไป (ไม่เหมือนใน series การ์ตูน The Real Ghostbusters ที่ Slimer จะเปรียบเสมือนมาสค็อทของเรื่อง) แค่โผล่มาให้เห็นอยู่บ่อยๆไม่ไปไหน และไม่มีใครมากำจัด ซึ่งภาคนี้ก็เป็นอย่างนั้น แต่ก็มีอะไรให้ขำเล็กๆที่คราวนี้มันมีเมียด้วย
credit : www.screengeek.net
ส่วน Mr.Stay Puft ที่ถ้าใครได้ดูตัวอย่างหนังก็คงจะคิดเหมือนกันว่าพวก Ghostbuster คงต้องมาต่อสู้กับ Mr.Stay Pust กันใหม่ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ คือ Mr.Stay Puft มีมาให้เห็น ให้เราหวั่นๆอยู่นิดหนึ่ง แต่ก็มาแค่นิดเดียวแล้วจบ ให้เราได้ยิ้มที่มีโอกาสได้เห็นตัวละครที่เคยสร้างความอลังการของภาคก่อนไว้
credit : screenrant.com
credit : spinoff.comicbookresources.com
ส่วนตัวร้ายที่ถือว่าเป็น Boss ใหญ่นั้น กลับเป็นผีจาก logo Ghostbusters เสียเอง ซึ่งก็ถือว่าเขียนบทออกมาดีนะ เพราะว่าถ้าเป็นมังกรยักษ์ หรืออะไรที่ยิ่งใหญ่หลุดกรอบ มันก็คงจะไม่สมกับการกลับมาของ Ghostbusters เลยจริงๆ
credit : bloody-disgusting.com
ข้อที่ 6 : มุขตลกและดนตรี
มุขตลกที่คล้ายเดิม กับดนตรีประกอบที่สัมผัสได้ถึงความเป็น 80 คือความตั้งใจของหนังที่ทำออกมาแล้วเหมือนทำให้เราได้ดูภาคใหม่ของ Ghostbuster จริงๆ นั่นคือความรู้สึกว่าหนังไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเลย เหมือนมีคนมาทำไข่เจียวฝีมือคุณแม่ให้เรากิน ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะแอบใส่แครอทหรือมะเขือเทศลงไป แต่เราก็รู้ว่านี่คือรสชาติที่เราคุ้นเคย ซึ่งก็ไม่ได้ตลกหวือหวา หรือกลายเป็นหนังดีเลิศเลอ แต่มันคือดูแล้วรู้สึกได้ว่า เนี่ยแหล่ะ Ghostbusters
credit : nowverybad.com
ข้อที่ 7 : Cameo ของ Bill Murray
คนที่เคยดู Ghostbuster จะรู้ดีว่า Dr.Peter Venkman นั้นจะเป็นคนที่เชื่อเรื่องวิญญามาก ถึงขนาดที่ภาค 2 ยังไปเป็นพิธีกรรายการเกี่ยวกับวิญญาณที่ไร้สาระเลย แต่การมาปรากฏตัวในภาคนี้กลับกลายเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณเลย แถมยังโผล่มาให้ถูกตายอีกต่างหาก เลยเป็นตลกร้ายกวนๆที่ผู้กำกับได้ใส่ไว้ในเรื่องนี้
credit : www.inverse.com
ข้อที่ 8 : พล็อทเดิม
กำจัดผี และมีปัญหากับนายกเทศมนตรี ซึ่งเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ก็อย่างที่บอกคือ มันเหมือนกลับมาดูหนังเรื่องเดิมที่เราคิดถึงอีกครั้ง ซึ่งการที่หนังทำให้เราขำอ่อนๆไปกับมุขตลกสไตล์ 80 ได้เนี่ยไม่ง่ายเลยนะ มันมีดนตรีเสริมมุขเชยๆ และความขัดแย้งของตัวละครที่มันดูแล้วไร้สาระ แต่ก็เป็นสไตล์ของ Ghostbuster จริงๆ
credit : zebratigerfish.blogspot.com
ข้อที่ 9 : cameo ของ Janine และ Sigourney Weaver
Janine เป็นคนรับโทรศัพท์ประจำสำนักงานของ Ghostbusters ทั้ง 2 ภาค ซึ่งบุคคลิกก็จะไม่มีอะไรมาก คือทำหน้าเบื่อโลกแล้วรับโทรศัพท์หน้าตาย พร้อมกับพูดมุข-ดัน พอมาภาคนี้ก็ให้มาเป็นพนักงานฟร้อนท์ของโรงแรม พร้อมกับทำเสียงกับทำหน้าเอือมๆเหมือนเดิม เป็นรายละเอียดเล็กๆที่ทำให้เราดูแล้วอมยิ้ม
credit : gamesradar.com
Sigourney Weaver เป็นนักแสงดสำคัญของ 2 ภาคแรกและมาปรากฏตัว cameo ในตอนท้ายสุดของเรื่อง จึงทำให้รู้สึกดีใจเพราะนึกว่าจะไม่ได้เห็นซะแล้ว แต่ก็กลับมีโอกาสได้เห็นอีก
credit : f--kyouneilkulkarni.blogspot.com
ข้อที่ 10 : การเกริ่นถึง Zuul ในภาคต่อไป
credit : villains.wikia.com
ใน End Credit จะเห็นว่า Patty ได้นั่งฟังเทปเสียงกลับไปกลับมาแล้วพูดว่า ใครคือ “Zuul” ซึ่ง “Zuul” คือ Gatekeeper of Gozer ที่เป็นตัวโกงของภาคแรก ซึ่งนั่นหมายความว่าภาคต่อไป เหล่า Ghostbusters ก็อาจจะต้องไปต่อกรกับ Zuul ก็เป็นได้ และถ้าภาคหน้ายังมี cameo จากนักแสดงเก่าๆอีก ยิ่งถือว่าดีมากๆเลย
นี่คือ 10 ข้อคร่าวๆของความน่ารักของ Ghostbusters ปี 2016 ซึ่งขอย้ำอีกทีว่าหนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่หนังที่ดีอะไรมากหรอก แต่อยากปรบมือให้กับความน่ารักของผู้กำกับ Paul Feig และทีมเขียนบทที่สามารถทำภาคใหม่ออกมาแล้ว หนังยังคงเสนห์แบบเดิมๆไว้ ซึ่งไม่ได้ดีเลิศ แต่มันกลายเป็นหนังที่ดูแล้วมีคุณค่าแก่ความทรงจำมากๆเลยเท่านั้นเอง
credit : nytimes.com
ขอบคุณที่อ่านครับ : )
ปกติรีวิวหนังแบบไม่สปอยล์ที่นี่ครับ > nospoil.wordpress.com
[SPOIL] 10 ข้อดีของ Ghostbusters 2016 เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่น 1984
credit : showtimeshowdown.com
พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งครับ ให้ความเห็นว่าหนังเรื่องนี้กากมาก แล้วก็บอกว่าผมนั้นดูหนังเปลือก ก็เลยอยากจะอธิบายว่า Ghostbusters (2016) ไม่ใช่หนังดีนะ เป็นหนังที่ให้ความบันเทิงระดับกลางๆ แต่ข้อดีของมันเลยก็คือ การที่มันทำโดยเดินเรื่องตามต้นฉบับ แต่ไม่ซ้ำกับต้นฉบับ โดยคำนึงถึงรายละเอียดในหลายๆด้าน ซึ่งไหนๆก็จะมาเขียนอธิบายจริงจังแล้ว ก็เลยขอเอามาตั้งกระทู้ซะเลยครับ
ข้อที่ 1 : Cameo (การปรากฏตัวของนักแสดงจากภาคก่อน) ของ Harold Ramis
credit : doubtfulnews.com
ผมเคยเขียนไว้ใน blog ของผมไว้แล้ว (nospoil.wordpress.com) แต่ด้วยความที่ไม่อยากเปิดเผยเนื้อเรื่องมาก ก็เลยละรายละเอียดต่างๆไว้ด้วยความเข้าใจ
credit : standbyformindcontrol.com
หลายคนอาจไม่รู้ว่า Ghostbuster ทั้ง 2 ภาคนั้นถูกแต่งเรื่องและตัวละครทั้งหมดโดย Dan Aykroyd และ Harold Ramis ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของ Ghostbusters ที่แม้จำคำคัญรองลงมากว่า Dr.Peter Venkman ที่รับบทโดย Bill Murray แต่ความสนุกและความตลกของเรื่องจะขาดไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้รับอารมณ์ขันของ 2 คนนี้ ถึงถ้าจะให้พูดจริงๆแล้ว หนังเรื่องนี้ก็มีความตลกแบบปานกลางนั้นแหล่ะ แต่ก็เป็นความตลกแบบยุค 80 ที่หนังหลายๆเรื่องมี เช่น Back to the Future , Honey I shrunk the kids เป็นต้น ทำให้การ Cameo ของ 2 คนนี้จึงถือว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเอา Harold Ramis ที่เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดอักเสบเมื่อปี 2014 แต่ตัวผู้กำกับ Paul Fieg ยังสามารถนำเอา Dr.Egon หรือ Harold Ramis กลับมาในรูปของรูปปั้นทองเหลือ ที่ตั้งอยู่ที่หน้าห้องวิจัยของ Abby และ Jillian ที่อุทิศตนให้กับการศึกษาพลังเหนือธรรมชาติไม่ต่างกับนิสัยตัวละครของ Dr.Egon ของ Harold Ramis
RIP Harold Ramis ด้วยครับ
credit : nomeatballs.wordpress.com
ข้อที่ 2 : ความเหมือนที่แตกต่าง
credit : arcade.stanford.edu
credit : metro.co.uk
Ghostbusters 2016 มีการเริ่มเรื่อง และดำเนินเรื่องที่เหมือนกับของปี 1894 เป๊ะๆเลย ไม่ว่าจะสไตล์ต้นเรื่องของหนัง ที่ปี 1984 จะเริ่มจากผีบรรณารักษ์ในห้องสมุด กับผีในปี 2016 ในคฤหาสน์เก่า รวมไปถึงคาแรคเตอร์ของตัวละคร ที่ดูแล้วคล้ายแต่กลับไม่คล้ายเลย เช่น ทีมหลักของ Ghostbusters ที่มี 3 คน แต่เมื่อต่างเพศ คนเมื่อดูวูบแรกก็จะทึกทักเอาว่าตัวละครคงถอดแบบกันมา แต่กลับไม่ใช่ บทของ Erin ที่น่าจะตรงกับ Peter แต่กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทั้งคู่เป็นนักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน แต่ Erin กลับดูจ๋อง แต่ Peter กลับดูแสบ
credit : wired.com
credit : moviepilot.com
หรือ Egon กับ Jillian ที่น่าจะถอดแบบกันที่ทั้งคู่ควรดูเนิร์ดๆ แว่นๆ แต่กลายเป็นว่า Jillian ที่รับบทโดย Kate McKinnon กลับเปรี้ยวกว่า เฟี้ยวกว่า สนุกกว่าและกวนกว่าเยอะเลย พวกรายละเอียดเหล่านี้จึงทำให้ Ghostbusters ยืนอยู่บนความซ้ำ แต่กลับรู้สึกว่าไม่ซ้ำ และมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เรารู้สึกว่าหยอกล้อกับตัวออริจินัลอยู่ตลอด
credit : pinterest.com
credit : hypable.com
ซึ่งตัว Jillian ก็มีการออกแบบตัวละครที่หยอกล้อกับ Egon จากภาคการ์ตูน The Real Ghostbusters อีกด้วย
credit : my.xfinity.com
หรือแม้แต่ 1 สมาชิกผิวสีที่มาที่หลังทั้ง 2 ภาคอย่าง Winston Zeddmore และ Patty Tolan ก็มาร่วมทีมด้วยอัตราส่วนแบบนี้ คือไม่ใช่ตัวละครเด่น แต่ Patty ในภาคใหม่ก็มีบทบาทและสร้างสีสันมากกว่า Winston ไม่น้อย
credit : moviepilot.com
credit : fanpop.com
ข้อที่ 3 : อุปกรณ์ใหม่ๆ
credit : comingsoon.net
ความเท่ห์ของ Proton Pack (เป้อุปกรณ์ที่สะพายหลังเอาไว้ยิงลำแสงอนุภาคนิวเคลียร์ใส่ผี) ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ให้เท่ห์กว่าเก่า หรือพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆที่ทำให้หนังสนุกขึ้น คงไม่เจ็บจี๊ดเท่า P.K.E. Meter ที่เอาไว้ตรวจจับวิญญาณที่จงใจทำออกมาให้เหมือนกับปากทางเข้าของอวัยวะเพศหญิง ซึ่งมันสุดมาก ทำให้การเปลี่ยนแปลงนักแสดงจากชายล้วนมาเป็นหญิงล้วนมันสุดจริงๆ สมกับที่เป็นงานของ Paul Feig
credit : mentalfloss.com
ข้อที่ 4 : ผีใหม่ที่เหมือนเก่า
credit : youtube.com
เทคนิคผีในหนังเมื่อสมัย 30 ปีที่แล้ว ถ้าไม่ใช่การเอายางลาเท็กซ์มาโปะหน้าแล้วใช้ make up effect เอา ก็จะมาในสไตล์โปรงแสงแบบนี้แหล่ะ เช่น Casper , The Frighteners อะไรแบบนี้ ซึ่งเวอร์ชั่นปี 2016 นี้ก็ทำแบบเดิมเลย แต่ด้วยกราฟฟิคที่ปราณีตกว่า แต่ลักษณะของผีและการอาละวาดนั้นก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
credit : filmconnoisseur.blogspot.com
ข้อที่ 5 : ผีเก่าที่มา cameo บวกกับตัวละครผีใหม่
credit : spicypulp.com
Slimer กับ Mr.Stay Puft ได้กลับมาเจอกันในภาคนี้อีกครั้ง ทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าสนใจมากๆ เพราะอย่างที่รู้กันว่า Slimer ในตัวหนัง original แล้วก็เป็นผีป่วนๆที่มีบทไม่มาก แต่ก็ไม่มีที่มาที่ไป (ไม่เหมือนใน series การ์ตูน The Real Ghostbusters ที่ Slimer จะเปรียบเสมือนมาสค็อทของเรื่อง) แค่โผล่มาให้เห็นอยู่บ่อยๆไม่ไปไหน และไม่มีใครมากำจัด ซึ่งภาคนี้ก็เป็นอย่างนั้น แต่ก็มีอะไรให้ขำเล็กๆที่คราวนี้มันมีเมียด้วย
credit : www.screengeek.net
ส่วน Mr.Stay Puft ที่ถ้าใครได้ดูตัวอย่างหนังก็คงจะคิดเหมือนกันว่าพวก Ghostbuster คงต้องมาต่อสู้กับ Mr.Stay Pust กันใหม่ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ คือ Mr.Stay Puft มีมาให้เห็น ให้เราหวั่นๆอยู่นิดหนึ่ง แต่ก็มาแค่นิดเดียวแล้วจบ ให้เราได้ยิ้มที่มีโอกาสได้เห็นตัวละครที่เคยสร้างความอลังการของภาคก่อนไว้
credit : screenrant.com
credit : spinoff.comicbookresources.com
ส่วนตัวร้ายที่ถือว่าเป็น Boss ใหญ่นั้น กลับเป็นผีจาก logo Ghostbusters เสียเอง ซึ่งก็ถือว่าเขียนบทออกมาดีนะ เพราะว่าถ้าเป็นมังกรยักษ์ หรืออะไรที่ยิ่งใหญ่หลุดกรอบ มันก็คงจะไม่สมกับการกลับมาของ Ghostbusters เลยจริงๆ
credit : bloody-disgusting.com
ข้อที่ 6 : มุขตลกและดนตรี
มุขตลกที่คล้ายเดิม กับดนตรีประกอบที่สัมผัสได้ถึงความเป็น 80 คือความตั้งใจของหนังที่ทำออกมาแล้วเหมือนทำให้เราได้ดูภาคใหม่ของ Ghostbuster จริงๆ นั่นคือความรู้สึกว่าหนังไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเลย เหมือนมีคนมาทำไข่เจียวฝีมือคุณแม่ให้เรากิน ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะแอบใส่แครอทหรือมะเขือเทศลงไป แต่เราก็รู้ว่านี่คือรสชาติที่เราคุ้นเคย ซึ่งก็ไม่ได้ตลกหวือหวา หรือกลายเป็นหนังดีเลิศเลอ แต่มันคือดูแล้วรู้สึกได้ว่า เนี่ยแหล่ะ Ghostbusters
credit : nowverybad.com
ข้อที่ 7 : Cameo ของ Bill Murray
คนที่เคยดู Ghostbuster จะรู้ดีว่า Dr.Peter Venkman นั้นจะเป็นคนที่เชื่อเรื่องวิญญามาก ถึงขนาดที่ภาค 2 ยังไปเป็นพิธีกรรายการเกี่ยวกับวิญญาณที่ไร้สาระเลย แต่การมาปรากฏตัวในภาคนี้กลับกลายเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณเลย แถมยังโผล่มาให้ถูกตายอีกต่างหาก เลยเป็นตลกร้ายกวนๆที่ผู้กำกับได้ใส่ไว้ในเรื่องนี้
credit : www.inverse.com
ข้อที่ 8 : พล็อทเดิม
กำจัดผี และมีปัญหากับนายกเทศมนตรี ซึ่งเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ก็อย่างที่บอกคือ มันเหมือนกลับมาดูหนังเรื่องเดิมที่เราคิดถึงอีกครั้ง ซึ่งการที่หนังทำให้เราขำอ่อนๆไปกับมุขตลกสไตล์ 80 ได้เนี่ยไม่ง่ายเลยนะ มันมีดนตรีเสริมมุขเชยๆ และความขัดแย้งของตัวละครที่มันดูแล้วไร้สาระ แต่ก็เป็นสไตล์ของ Ghostbuster จริงๆ
credit : zebratigerfish.blogspot.com
ข้อที่ 9 : cameo ของ Janine และ Sigourney Weaver
Janine เป็นคนรับโทรศัพท์ประจำสำนักงานของ Ghostbusters ทั้ง 2 ภาค ซึ่งบุคคลิกก็จะไม่มีอะไรมาก คือทำหน้าเบื่อโลกแล้วรับโทรศัพท์หน้าตาย พร้อมกับพูดมุข-ดัน พอมาภาคนี้ก็ให้มาเป็นพนักงานฟร้อนท์ของโรงแรม พร้อมกับทำเสียงกับทำหน้าเอือมๆเหมือนเดิม เป็นรายละเอียดเล็กๆที่ทำให้เราดูแล้วอมยิ้ม
credit : gamesradar.com
Sigourney Weaver เป็นนักแสงดสำคัญของ 2 ภาคแรกและมาปรากฏตัว cameo ในตอนท้ายสุดของเรื่อง จึงทำให้รู้สึกดีใจเพราะนึกว่าจะไม่ได้เห็นซะแล้ว แต่ก็กลับมีโอกาสได้เห็นอีก
credit : f--kyouneilkulkarni.blogspot.com
ข้อที่ 10 : การเกริ่นถึง Zuul ในภาคต่อไป
credit : villains.wikia.com
ใน End Credit จะเห็นว่า Patty ได้นั่งฟังเทปเสียงกลับไปกลับมาแล้วพูดว่า ใครคือ “Zuul” ซึ่ง “Zuul” คือ Gatekeeper of Gozer ที่เป็นตัวโกงของภาคแรก ซึ่งนั่นหมายความว่าภาคต่อไป เหล่า Ghostbusters ก็อาจจะต้องไปต่อกรกับ Zuul ก็เป็นได้ และถ้าภาคหน้ายังมี cameo จากนักแสดงเก่าๆอีก ยิ่งถือว่าดีมากๆเลย
นี่คือ 10 ข้อคร่าวๆของความน่ารักของ Ghostbusters ปี 2016 ซึ่งขอย้ำอีกทีว่าหนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่หนังที่ดีอะไรมากหรอก แต่อยากปรบมือให้กับความน่ารักของผู้กำกับ Paul Feig และทีมเขียนบทที่สามารถทำภาคใหม่ออกมาแล้ว หนังยังคงเสนห์แบบเดิมๆไว้ ซึ่งไม่ได้ดีเลิศ แต่มันกลายเป็นหนังที่ดูแล้วมีคุณค่าแก่ความทรงจำมากๆเลยเท่านั้นเอง
credit : nytimes.com
ขอบคุณที่อ่านครับ : )
ปกติรีวิวหนังแบบไม่สปอยล์ที่นี่ครับ > nospoil.wordpress.com