เจอสาวลูกครึ่งมาbackpackคนเดียวเลยชวนเที่ยว

สวัสดีครับเพื่อนๆ  วันนี้ผมมีเรื่องราวอยากแบ่งปันครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย เพิ่งเขียนเป็นกรทู้เเรกครับ
              เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนั้นผมกำลังเรียนอยู่ปี3 ซึ่งวันนั้นเป็นพุธเป็นวันที่มหาลัยได้พาไปทัศนศึกษาที่โรงพยาบาลศิริราช ตอนนั้นต้องเเบ่งกันเป็นกลุ่มย้อยๆเพื่อจะรอเข้าไปดูห้องที่จัดไว้เข้าได้จำนวนจำกัด  ซึ่งตอนนั้นเองกลุ่มของผมยังไม่ได้เข้าไป เลยไปเดินดูที่พิพิธพันธ์ของโรงพยาบาลศิริราช  ระหว่างนั้นเองผมก็ได้เจอกับเธอ  เธอเป็นนักท่องเที่ยวมองดูคล้ายๆสาวญี่ปุ่น มาคนเดียว เเต่พูดไทยได้เเต่ไม่ค่อยชัด เธอเดินมาตรงจุดที่เพื่อนๆผมอยู่ก่อน ซึ่งผมเองก็ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ได้ยินเธอพูดกับกลุ่มเพื่อนๆผมว่าเธอไม่เข้าในคำอธิบายเพราะเธออ่านภาษาไทยไม่ได้ จากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็เดินดูภายในพิพิธพันธ์ต่อ  จนกระทั่งเดินวนมาเจอกับเธอที่หน้าศพของอะไรซักอย่าง คือพิพิธพันธ์ของ รพ.ศิริราชจะเป็นพวกชิ้นส่วนหรือศพต่างๆที่สตาฟไว้อะนะ  อะต่อๆ เพราะคำอธิบายที่ติดไว้มันมีเเค่ภาษาไทย เธอจึงถามผมว่า ช่วยอธิบายให้หน่อยว่านี้คืออะไร ผมก็ช่วยอธิบายให้เธอฟัง  จากนั้นได้ชวนเธอคุยต่อว่าเธอมาคนเดียวหรอ หรือมากับเพื่อน บลาๆ เป็นใครอะไรมาจากไหน  เธอตอบมาว่าเธอพ่อเธอเป็นคนอังกฤษ  เเม่เป็นคนไทย เธอbackpackมาคนเดียว อยากมาประเทศบ้านเกิดของเเม่นี้เป็นการมาเมืองไทยครั้งเเรกของเธอ เลยถามต่อว่า ทำไมถึงมาที่นี้โรงพยาบาล ทำไมไม่ไปเที่ยวพวกทะเล  วัด เหมือนนักท่งเที่ยวคนอื่นๆ  เธอตอบว่าเธอหาข้อมูลจากอินเตอร์เนตเเล้วก็ลิสสถานที่มาตามนั้น เที่ยวเเค่ใน กรุงเทพฯพอ เพราะเธอเพิ่งมาจากเที่ยวเกาหลีเเล้วมาเมืองไทยต่อ
             จากนั้นผมก็เลยอาสาเป็นไกด์พาเธอเดินดูพิพิธพันธ์เอง เธอตอบตกลงทันทีเเละท่าทางของเธอดีใจมากเธอบอกว่ามาอยู่ไทยได้ 10 กว่าวันเเล้วไม่มีเพื่อนเลยนี้ จากนั้นก็เดินดูเสร็จใกล้เวลาเที่ยงพอดีซึ่งได้เวลาที่รถมหาลัยจะมารับไปกลับเเล้ว ผมจึงบอกกับเธอว่าผมต้องไปเเล้ว เเต่ผมจะว่างอีกทีเย็นวันศุกร์ เสาร์  อาทิตย์ เธอจะกลับอังกฤษหรือยัง  เธอตอบว่ายัง เธอจะบินไฟท์ เช้าวันจันทร์  ผมเลยบอกว่าถ้าไม่รังเกียจเย็นวันศุกร์ผมจะชวนเธอไปทานข้าวกันเเล้วจะพาเที่ยวใน กรุงเทพฯต่อ เธอตอบตกลงทันทีเธอบอกว่าเธอมีโปรเเกรมอยู่เเล้ว ใน 3 วันที่เหลือ เเต่ไม่เป็นไรเธออยากไปกับผม โอ้วว... ช่างบังเอิญอะไรขนาดนี้ที่เราได้เจอกันก่อนวันที่เธอจะกลับไม่กี่วัน อยู่ไทยมาตั้งนานก็ไม่เจอมาเจอเอาวันท้ายๆ เเละเเล้วก็ได้เวลา เพื่อนๆจึงเดินมาบอกผมว่า เห้ย..ใกล้เวลากลับเเล้วนะไปๆทุกคนรอกินข้าวที่โรงอาหารเเล้วจะได้ขึ้นรถกลับ  เธอบอกว่าเธอไม่มีอินเตอร์เนตต้องกลับไปใช้ที่โรงเเรมจะติดต่อยังไง ผมลนลานมากเเทนที่จะขอไลดหรือเบอร์โทร ผมเลยเปิดไปที่เฟสบุ๊คตัวเองเเล้วให้เธอเอาโทรศัพท์ถ่ายหน้าเฟสผมเเล้วบอกให้แอดมานะ 5555+ เป็นการกระทำที่ตลกมากใช่ไหมละ เออตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ผมเลยบอกลาเธอเเล้วไว้เจอกันเย็นวันศุกร์น่ะ  ผมก็เดินกลับไปกับกลุ่มเพื่อนที่ยืนรอ  
               ระหว่างที่นั่งกินข้าวกันกับเพื่อนๆ เพื่อนคนหนึ่งก็ถามว่า"เห้ยคนที่ยืนคุยน่ารักว่ะ ทำไมไม่ชวนมากินข้าวด้วยกัน" ในใจตอนนั้นนึกได้เลย  เออ...วะทำไมไม่ชวนมาว่ะ เชี่ยเเต่กลับไปตอนนี้คงไม่เจอเเล้ว เเล้วคิดย้อนอีก  ทำไมเราไม่ขอเฟสบุคเขาเเล้วเราแแอดไปเลยวะ เเล้วให้เขากดรับที่โรงเเรม หรือทำไมเราไม่แชร์ฮอทสปอต  โอ้ยยยย  พลาดดดด  ทำไมคิดได้ตอนนี้  ก็ได้เเต่กลับไปลุ้นต่อที่หอว่าเธอจะแอดกลับมาเมื่อไร คืนพุธผ่านไป  พฤหัสผ่านไป  ไร้วี่เเววที่เธอจะแอดมา  จนกระทั้งเช้าวันศุกรฺ์ เธอก็แอดมา เเล้วโพสหน้าวอลผม ถามถึงนัดวันนี้ผมยังจะมาอยู่ไหม ผมเลยอินบล๊อคไป ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษอยู่เเล้วด้วย เราจึงใช้การคุยภาษาคาราโอเกะกัน  หรือไม่ก็ message call ในเเชทเฟส เธอก็บอกว่า มาเจอกันที่สยาม 17.00 น.  เธอไม่มี  wifi ถ้าผิดเวลากลัวจะไม่ได้เจอกันอีก ผมบอกโอเคเเล้วจะรีบไป  วันนั้นรถติดมาก กว่าผมเลิกเรียนนั่งรถมาถึง BTS บางหว้า เเล้วนั่งไปสยาม เหลืออีกไม่ถึง 5 นาทีจะ 17.00 เเต่เเล้วเธอก็ทักมาในเเชทว่าเธอไปเล่นwifiที่ร้านกาแฟนะ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่เจอกันเหมือนที่บอกตอนเเรกเเล้ว มาถึงเเล้วบอกน่ะ  โอเคตอนนั้นผมก็อุ่นใจละเเต่ก็น่ะ เดทเเรกกับการไปสายไม่ดีเลย  ตอนนั้นเหลืออีกเกือบ 10 สถานีจะถึงสยาม แต่ใจผมนี้มันไปถึงพารากอนเเล้ว ตื่นเต้นมาก บอกตรงๆ จำหน้าเธอไม่ค่อยได้ด้วย
             ผมมาถึงสยามเเล้ว เลทไปประมาณ 15 นาที ผมบอกให้เธอมาเจอกันที่ลานน้ำพุนะ มองหาทางขึ้น BTS มองหาเธออยู่ซักพัก เเล้วก็เจอเธอ เธอวิ่งมากระโดดกอดเราเเน่น เเล้วก็หมุ่นๆ น้ำพุก็พุ่งขึ้นพอดี โหยยย ยังกับในหนังรักซักเรื่อง เธอบอกว่าเธอดีใจมาก "คิดว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกเเล้ว"  ผมตอบกลับว่า "เจอซิ ยังไงก้ได้เจอเราสัญญาเเล้วว่าเราจะมา เราก็ต้องมาเเต่เรากลัวเธอจะไม่รอเรา555 " บรรยากาศพูดคุยเป็นไปอย่างสนุกสนาน ท่านกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา เเต่กลับรู้สึกว่ามันมีเเค่เราสองคน  จากนั้นก็ไปนั่งทานข้าวกันเราก็ได้พูดคุย ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น เธอเป็นใคร ที่บ้านเป็นยังไง เรียนอยู่ที่ไหน ปีอะไร ชีวิตที่อังกฤษเป็นยังไงเธอบอกว่า เธออยู่ที่เปรสตั้น กำลังเรียนอยู่ เเล้วก็ทำงานเสริฟ รับเป็นพี่เลี้ยงเด็กด้วย เก็บเงินเพื่อจะมาเที่ยวนี้ละ เธอมาลงที่โตเกียว   เเล้วไปโซล เเล้วมากรุงเทพ  ชีวิตผมไม่เคยออกนอกประเทศไทยเลย 5555  ผมเลยสนใจอยากรู้ที่นั้นเป็นยังไง ถ้าคุยถึงประเทศอังกฤษผมก็รู้เเค่ฟุตบอล555  เธอบอกว่าเธอฟาสปอตคนอังกฤษนะ  ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นเกือบทั้งชีวิตเเต่ยังไม่เคยไปดูฟุตบอลเลย เเล้วเธอก็ถามชีวิตที่นี้เป็นยังไงบ้าง บรรยากาศพูดคุยกันเต็มไปด้วยความสนใจของกันเเละกัน  จากนนั้นเะอก็พาไปดูพิพิธพันธ์ madame tussaud ผมก็ไม่เคยไปดูเหมือนกันอยู่เมืองไทยมาตั้งนานต้องให้ต่างชาติพาไปดู โถ่ๆๆ 5555 ก็สนุกดีไปดูหุ่นขี้ผึ้งคนดังๆเธอก็จะอธิบายว่าคนนี้เป็นใครทำอะไร ที่นั้นมองว่ายังไง เดินจนเย็น  จากนั้นผมนึกได้ว่าวันนี้มีรับน้องของคณะผมนี้หว่าตอนเเรกผมตั้งใจจะไม่ไปเเต่ก็อยากไปเลยลองเอ่ยปากชวนเธอไปด้วยกันที่อนุสาวรีย์ชัยฯเเล้วรถบัสก็จะพากันไปต่อที่จังหวัดบุรีรัมย์เลยน่ะ ผมคิดว่าไกลมาก เธอคงไม่ไปหรอก เลยชวนไปงั้นๆ  แต่ผิดคาดเธออยากไป เราก็เลยเออ ออ ไป อ้าวไปก็ไป เเต่เธอขอกลับโรงเเรมไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะ ไปคืนศุกร์  เสาร์ กลับเช้าอาทิตย์ใช่ไหม มาให้ทันนะเพราะวันจันทร์เธอบิน 7 โมง ผมตอบไปว่าทันๆ กลับมาทัน เราจึงกลับไปโรงเเรมเเล้วเอาเสื้อผ้า เเต่ผมไม่ได้กลับหอไปเอาชุดนะ อยู่ไกล เลยกะไปซื้อเอาข้างหน้าเเล้วกัน
                          จากนั้นเราก็มากันที่อนุสาวรีย์ชัยฯก็มีกิจกรรมรับน้องกันเเถวๆนั้น เธอก็นั่งดูด้วยความสนใจเเละตื่นเต้นกับวัฒนธรรมแปลกใหม่ที่เธอกำลังเจอนี้ เธอบอกว่า"ที่นั้นไม่มีกิจกกรรมอะไรเบบนี้ สนุกดีชอบ" ผมก็เข้าร่วมกิจกรรมด้วย สลับกับออกมานั่งเป็นเพื่อนเธอด้วยเห็นเธอนั่งคนเดียวกลัวเธอเหงา  ขนาดเธอจะเดินออกไปซื้อของหรือเข้าห้องน้ำ ผมก็อาสาพาไป เธอบอกว่าไม่ต้องๆ เธอดูเเลตัวเองได้ไม่ต้องเป็นห่วง เเต่จะไม่ให้ห่วงได้ไง ผู้หญิงคนเดียว เธอก็บอกผมว่า" you bossy" เเต่เธอขำนะ ไม่ได้ด่า เธอบอกผมว่า ห้ามเป็นห่วงเธอ เธออยู่ที่โน้นเธอดูเเลตัวเองได้ อยู่นี้เธอก็ทำได้ ไม่อยากเป็นภาระให้ใครต้องดูเเล  เเต่เข้าใจผมไหม นี้มันเป็นสิ่งที่ผมต้องเเสดงออกผมพาเธอมาผมจะต้องดูเเลเธอให้ดีที่สุด This is Thailand  อันตรายจะเกิดเมือไรก็ได้จะไม่ให้ห่วงก็บ้าเเล้ว เธอเลยบอกผมว่างั้นเราลองมาคบกันเเค่จากนาทีนี้ไปจนถึงวันอาทิตย์ เเล้วถ้าเธอกลับไปเราก็เลิกกันตกลงไหม คือเเค่คิดกันเล่นๆสนุกๆเออเป็นการเปลี่ยนฟิลจากไปเที่ยวกะเพื่อนเป็นไปกับเเฟน  เเต่เเฟนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่วันอะนะ  มันก็คนละฟิล  ตลกดี555 เเต่เธอไม่ซีเรียส  เราก็ไม่ซีเรียส อะเป็นอันว่าตกลงจากนาทีนี้ไปเราเป็นแฟนกันนะ     โอเคกลับมาที่รับน้องกันต่อ พอจบจากกิจกรรมรับน้องที่อนุสาวรีย์ฯเสร็จก็จะขึ้นรถเดินทางไปที่จังหวัดบุรีรัมย์ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเดินทางคงไปถึงเช้าพอดี   เเต่ระยะทางระหว่างนั้นเราเดินทางด้วยรถบัสเเบบพัดลม  เพราะมันเปิดเพลงเต้น กินเหล้าเมา อวกได้ 555 สนุกสานไปมีพี่ๆน้องๆ เเล้วผมก็พาเธอขึ้นไป ก็กินเหล้าเมาเลยละ เธอบอกว่าทำไมที่ไทยถึงกินเหล้าผสมโซดาน้ำ อะไรนี้ เธอไม่เคยเจอ  อยู่นั้นกินเเต่เหล้าเพียวๆ  ให้ตายเหอะเเต่นี้ เหล้า เบล็น285 น่ะ ผมก็บอกเธออย่าเลยกินผสมเถอะ  นี้เหล้าไทยระวังน็อค  เธอก็ไม่สน ยกเพียวๆไปหลายเเก้ว  ให้ทายว่าจะเป็นยังไงต่อ ไม่ต้องคิดเลย  น็อคสิครับ 5555 ผมก็พยุงเธอไปนอนที่เบาะฝั่งข้างหน้า  เเล้วก็กลับมากินกับเพื่อนๆต่อ  เเต่เธอก็ลงกลับมากินอีก ในใจคิดโหยยย  นี้ยังไม่น็อคอีกก ตายยากจริงงงงง  ....  ก็กินต่อได้ไม่นานก็น็อคอีก  คราวนี้ผมก็พยุงเธอกลับไปอีกเช่นเคย เเล้วผมก็กำลังจะลุกออกมา เธอก็ดึงมือผมไว้เเล้วบอกให้นั่งอยู่ด้วยก่อน  ผมก็นั่งลงเเล้วบอกว่า "เป็นไงละ เหล้าไทยไงบอกเเล้วไม่ใช่เหล้าที่อังกฤษ ปวดหัวไหม นอนพักๆ "  จากนั้นเธอก็มองตาเเล้วก็ลุกขึ้นมาจูบ คือตอนนั้นก็ตั้งตัวไม่ถูกเหมือนกัน เเต่ก็อะตามน้ำไปๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่