ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ Lady Star 919, คุณ วราภรณ์ pink, คุณนันท์ turtle_cheesecake, จารย์จี Psycho man, คุณ Susisiri, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ สายป่านสีชมพู
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/35386265
บทที่ ๖
ต้นพุทธศักราช ๒๔๗๒
พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัจจา หรือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา จัดปีละสองครั้ง คือเดือนห้าขึ้นสามค่ำครั้งหนึ่ง และเดือนสิบแรมสามค่ำอีกครั้ง ในวันนั้นข้าราชการทุกหน่วยเหล่าจะเข้าสาบานตนและดื่มน้ำชำระพระแสงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สุรางค์ตั้งใจว่าจะไปกับสบโชคในวันงานเดือนสิบ เพราะเดือนห้านั้นร้อนเหลือแสน แต่กว่าจะถึงเดือนสิบก็อีกตั้งนาน หลังงานศพบิดาแล้วพระรามรณรงค์ก็ไม่มีเหตุอันใดที่ให้ต้องมาบ้านหลังนี้อีก เขาอาจมาเยี่ยมบ้างในเมื่อได้ยินเขาบอกมารดาว่ารับปากพ่อไว้ก่อนท่านเสีย ว่าจะช่วยดูแลครอบครัวของท่าน แน่ใจว่าเขาจะทำตามที่สัญญาไว้แน่นอน แต่เมื่อไหร่กันล่ะ จะคอยได้นานแค่ไหนกว่าจะเห็นเขาอีก ในเมื่อขณะนี้ทุกวันที่ผ่านไปจิตใจรุ่มร้อนเสียยิ่งนัก
ส่วนคุณสร้อยบอกสาลาขาดว่าจะไม่ไปงานนั้นอีก ไม่ว่าจะเดือนไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนห้าที่อากาศร้อนราวจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ หล่อนเคยไปงานถือน้ำสองครั้งกับคุณพระผู้สามี มีอันให้หน้ามืดเป็นลมได้ทั้งสองครั้ง ว่าไปแล้วแม้ในยามปกติก็ยากยิ่งที่ใครจะมาฉุดหล่อนออกจากบ้านได้อยู่แล้ว
"มันร้อนนะพ่อโชค อายคนเขา ถ้าแม่ไปเป็นลมเป็นแล้งอีกจะลำบากกันเปล่าๆ" หล่อนบอกปัดไปว่าอย่างนั้น
แม้สบโชคจะยืนยันว่าคราวนี้พี่สาวจะไปด้วย แม่จะมีคนไปเป็นเพื่อน ไม่ต้องไปเป็นลมอยู่คนเดียวก็ตาม หล่อนก็ยังไม่ยอมอยู่ดี
"โน่นแน่...แม่ไอรีน...ไปเป็นเพื่อนพี่เขาหน่อย"
ทั้งสบโชคและไอรีนคาดไม่ถึงว่านั่นคือคำพูดจากปากคุณสร้อย กี่ครั้งกันที่หล่อนจะขอให้ลูกเลี้ยงทำอะไรแบบนั้น
ไอรีนตื่นเต้นเสียนักหนาที่จะได้ไปงานสำคัญ เรื่องอากาศร้อนหรือคนแน่นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว ก็ในเมื่อตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปงานสำคัญใดๆกับใครเขาสักที
อนงค์พลอยตื่นเต้นไปด้วย หล่อนแนะนำให้ลงทุนซื้อผ้าตัดชุดใหม่ และให้ออกทุกข์สักวันเหมือนสุรางค์ แต่ไอรีนลังเลในเรื่องนั้น งานสวดศพพ่อเพิ่งจะผ่านไปเพียงห้าวัน จะให้เลิกแต่งดำได้อย่างไร แม้แต่วันเดียวก็เถอะ
"งานนี้เป็นงานมงคลนะคะคุณ จะแต่งดำไปมันคงดูไม่เหมาะ" หล่อนว่า
แม้จะลังเล แต่พอถึงวันหยุดเรียน และตามอนงค์ไปร้านเครื่องสังฆภัณฑ์แถวเสาชิงช้าเพื่อรับตาลปัตรและย่ามมาปัก ก็ยอมแวะห้างการาจีเพื่อซื้อผ้าแต่โดยดี จากนั้นไปดูแบบเสื้อกันที่ร้านเฟมิน่า ค่าตัดเสื้อร้านนั้นแพงที่สุดในพระนครเลยก็ว่าได้ เสื้อแต่ละตัวคิดค่าเย็บสูงพอๆกับเงินเดือนข้าราชการชั้นกลางครึ่งเดือนเลยทีเดียว
"จะไหวหรือคะ ค่าตัดเสื้อที่นั่นแพงนักมิใช่หรือ" ไอรีนลังเล
"เราไปดูแบบของเขา แล้วเอามาตัดเองสิคะ ทำไมจะต้องไปเสียค่าตัด" อนงค์กระซิบบอกขณะเดินตามกันเข้าไปในห้าง
ได้ผ้าแพรสีระกำอ่อนๆมาผืนหนึ่ง อนงค์บอกว่าสีของมันขับผิวขาวอมชมพูของไอรีนให้นวลผ่องยิ่งขึ้น พอจำแบบเสื้อกลับมา ก็ลงมือตัดผ้าแล้วเย็บในคืนนั้นทีเดียว
สาวน้อยชอบแบบเสื้อชุดนั้นเพราะเรียบง่ายที่สุด ติดขัดอยู่นิดก็ตรงที่ว่าท่อนล่างไม่ใช่ซิ่น แต่เป็นกระโปรงรูปทรงตรง ยาวครึ่งน่อง ปลายบานน้อยๆ
...เกิดมาก็ยังไม่เคยสวมกระโปรงเลยสักครั้ง แม้จะเห็นว่าสวยก็เถอะ
"รูปร่างหน้าตาคุณเหมือนแหม่มแบบนี้ นุ่งกระโปรงได้เก๋ค่ะ" แม่เลี้ยงวัยสาวยืนยัน ที่จริงน่าจะเรียกว่าปลอบใจเสียมากกว่าเมื่อเห็นลูกเลี้ยงทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เสื้อสำหรับใส่ไปงานสำคัญใช้เวลาวันเดียวก็เย็บเสร็จเรียบร้อย พอตกเย็น กลับจากโรงเรียน ก็เห็นเสื้อคอถ่วง ไหล่ล้ำ ตัวเสื้อปล่อยตรงแบบทรงกระสอบ ยาวคลุมสะโพก กระโปรงทรงตรงคล้ายซิ่น ยาวเลยแข้งลงไปเล็กน้อย วางพาดอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว
ผ้าแพรที่ใช้เย็บไม่ใช่แพรเลี่ยน แต่มีความมันวาวอยู่ในตัว พอตัดออกมาเป็นเสื้อ จึงได้เห็นชัดว่าดูหรูหรามิใช่น้อย แม้แบบจะเรียบๆก็ตาม
"ที่จริงถ้ามีสายสร้อยยาวๆสักเส้นสองเส้นก็คงดีนะคะ" อนงค์ว่า
“แค่นี้ก็พะรุงพะรังพอแล้วล่ะค่ะ แม่อนงค์”
ลูกเลี้ยงสาวน้อยยกส่วนที่เป็นตัวเสื้อขึ้นดู แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ
"ลองใส่ดูสิคะ แล้วลองเดินดู จะได้เคย"
"ถ้าเดินแล้วล้ม ฉันนุ่งซิ่นตามเดิมนะ แม่อนงค์" หลังจากอิดเอื้อนอยู่เป็นครู่ ก็ยอมตามอย่างมีข้อแม้
"คุณขา ชุดนี้เรียบที่สุดแล้วนะคะ"
บางชุดที่ไปดูกันที่ห้างเฟมิน่าหรูหราเสียจนไอรีนรู้ว่าไม่มีวันจะกล้าใส่ออกจากบ้านแน่นอน ชุดที่ช่วยกันเย็บกับมารดาเลี้ยงนี้จะมีปัญหาอยู่ก็แต่ท่อนล่างเป็นกระโปรง ใส่แล้วเดินไม่ถนัดเท่านั้นเอง
"คุณคิดไปเองหรอกค่ะ ไม่เคยใส่กระโปรงแบบนี้นี่คะ มันก็เหมือนซิ่นนั่นแหละ ลองใส่สักครั้งก็คุ้นค่ะ"
จำต้องเข้าไปหลังฉาก ถอดเครื่องแบบนักเรียน แล้วลองสวมเสื้อประโปรงหรูหราชุดแรกในชีวิต กลับออกมาเดินวนรอบห้องอยู่สามรอบ จนค่อยรู้สึกดีขึ้นบ้าง ไม่ตะขิดตะขวงใจว่าเดินไม่ถนัดอีก
"แม่อนงค์คงไม่บอกให้ฉันใส่รองเท้ามีส้นนะคะ ยิ่งแบบที่มีส้นสูงๆ ฉันไม่เอาด้วยแน่ กลัวว่าใส่เดินแล้วล้มค่ะ"
"ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ รองเท้าดำหัวแหลมที่คุณมีอยู่ก็คงได้แล้ว"
หลังจากแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงซึ่งไม่เคยออกงานใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ปรึกษาเรื่องการแต่งตัวกันอยู่สามสี่วัน สาวน้อยเลือดผสมก็แต่งตัวอย่างสะดวกใจที่สุดไปงานถือน้ำครั้งแรกของพี่ชาย
บันทึกคุณหญิงไอรีน (บทที่ ๖)
ขอบคุณ คุณ Lady Star 919, คุณ วราภรณ์ pink, คุณนันท์ turtle_cheesecake, จารย์จี Psycho man, คุณ Susisiri, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ สายป่านสีชมพู
ขอบคุณคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ - บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/35375611
บทที่ ๒ - บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/35379337
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/35383294
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/35386265
ต้นพุทธศักราช ๒๔๗๒
พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัจจา หรือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา จัดปีละสองครั้ง คือเดือนห้าขึ้นสามค่ำครั้งหนึ่ง และเดือนสิบแรมสามค่ำอีกครั้ง ในวันนั้นข้าราชการทุกหน่วยเหล่าจะเข้าสาบานตนและดื่มน้ำชำระพระแสงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สุรางค์ตั้งใจว่าจะไปกับสบโชคในวันงานเดือนสิบ เพราะเดือนห้านั้นร้อนเหลือแสน แต่กว่าจะถึงเดือนสิบก็อีกตั้งนาน หลังงานศพบิดาแล้วพระรามรณรงค์ก็ไม่มีเหตุอันใดที่ให้ต้องมาบ้านหลังนี้อีก เขาอาจมาเยี่ยมบ้างในเมื่อได้ยินเขาบอกมารดาว่ารับปากพ่อไว้ก่อนท่านเสีย ว่าจะช่วยดูแลครอบครัวของท่าน แน่ใจว่าเขาจะทำตามที่สัญญาไว้แน่นอน แต่เมื่อไหร่กันล่ะ จะคอยได้นานแค่ไหนกว่าจะเห็นเขาอีก ในเมื่อขณะนี้ทุกวันที่ผ่านไปจิตใจรุ่มร้อนเสียยิ่งนัก
ส่วนคุณสร้อยบอกสาลาขาดว่าจะไม่ไปงานนั้นอีก ไม่ว่าจะเดือนไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนห้าที่อากาศร้อนราวจะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ หล่อนเคยไปงานถือน้ำสองครั้งกับคุณพระผู้สามี มีอันให้หน้ามืดเป็นลมได้ทั้งสองครั้ง ว่าไปแล้วแม้ในยามปกติก็ยากยิ่งที่ใครจะมาฉุดหล่อนออกจากบ้านได้อยู่แล้ว
"มันร้อนนะพ่อโชค อายคนเขา ถ้าแม่ไปเป็นลมเป็นแล้งอีกจะลำบากกันเปล่าๆ" หล่อนบอกปัดไปว่าอย่างนั้น
แม้สบโชคจะยืนยันว่าคราวนี้พี่สาวจะไปด้วย แม่จะมีคนไปเป็นเพื่อน ไม่ต้องไปเป็นลมอยู่คนเดียวก็ตาม หล่อนก็ยังไม่ยอมอยู่ดี
"โน่นแน่...แม่ไอรีน...ไปเป็นเพื่อนพี่เขาหน่อย"
ทั้งสบโชคและไอรีนคาดไม่ถึงว่านั่นคือคำพูดจากปากคุณสร้อย กี่ครั้งกันที่หล่อนจะขอให้ลูกเลี้ยงทำอะไรแบบนั้น
ไอรีนตื่นเต้นเสียนักหนาที่จะได้ไปงานสำคัญ เรื่องอากาศร้อนหรือคนแน่นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว ก็ในเมื่อตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปงานสำคัญใดๆกับใครเขาสักที
อนงค์พลอยตื่นเต้นไปด้วย หล่อนแนะนำให้ลงทุนซื้อผ้าตัดชุดใหม่ และให้ออกทุกข์สักวันเหมือนสุรางค์ แต่ไอรีนลังเลในเรื่องนั้น งานสวดศพพ่อเพิ่งจะผ่านไปเพียงห้าวัน จะให้เลิกแต่งดำได้อย่างไร แม้แต่วันเดียวก็เถอะ
"งานนี้เป็นงานมงคลนะคะคุณ จะแต่งดำไปมันคงดูไม่เหมาะ" หล่อนว่า
แม้จะลังเล แต่พอถึงวันหยุดเรียน และตามอนงค์ไปร้านเครื่องสังฆภัณฑ์แถวเสาชิงช้าเพื่อรับตาลปัตรและย่ามมาปัก ก็ยอมแวะห้างการาจีเพื่อซื้อผ้าแต่โดยดี จากนั้นไปดูแบบเสื้อกันที่ร้านเฟมิน่า ค่าตัดเสื้อร้านนั้นแพงที่สุดในพระนครเลยก็ว่าได้ เสื้อแต่ละตัวคิดค่าเย็บสูงพอๆกับเงินเดือนข้าราชการชั้นกลางครึ่งเดือนเลยทีเดียว
"จะไหวหรือคะ ค่าตัดเสื้อที่นั่นแพงนักมิใช่หรือ" ไอรีนลังเล
"เราไปดูแบบของเขา แล้วเอามาตัดเองสิคะ ทำไมจะต้องไปเสียค่าตัด" อนงค์กระซิบบอกขณะเดินตามกันเข้าไปในห้าง
ได้ผ้าแพรสีระกำอ่อนๆมาผืนหนึ่ง อนงค์บอกว่าสีของมันขับผิวขาวอมชมพูของไอรีนให้นวลผ่องยิ่งขึ้น พอจำแบบเสื้อกลับมา ก็ลงมือตัดผ้าแล้วเย็บในคืนนั้นทีเดียว
สาวน้อยชอบแบบเสื้อชุดนั้นเพราะเรียบง่ายที่สุด ติดขัดอยู่นิดก็ตรงที่ว่าท่อนล่างไม่ใช่ซิ่น แต่เป็นกระโปรงรูปทรงตรง ยาวครึ่งน่อง ปลายบานน้อยๆ
...เกิดมาก็ยังไม่เคยสวมกระโปรงเลยสักครั้ง แม้จะเห็นว่าสวยก็เถอะ
"รูปร่างหน้าตาคุณเหมือนแหม่มแบบนี้ นุ่งกระโปรงได้เก๋ค่ะ" แม่เลี้ยงวัยสาวยืนยัน ที่จริงน่าจะเรียกว่าปลอบใจเสียมากกว่าเมื่อเห็นลูกเลี้ยงทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เสื้อสำหรับใส่ไปงานสำคัญใช้เวลาวันเดียวก็เย็บเสร็จเรียบร้อย พอตกเย็น กลับจากโรงเรียน ก็เห็นเสื้อคอถ่วง ไหล่ล้ำ ตัวเสื้อปล่อยตรงแบบทรงกระสอบ ยาวคลุมสะโพก กระโปรงทรงตรงคล้ายซิ่น ยาวเลยแข้งลงไปเล็กน้อย วางพาดอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว
ผ้าแพรที่ใช้เย็บไม่ใช่แพรเลี่ยน แต่มีความมันวาวอยู่ในตัว พอตัดออกมาเป็นเสื้อ จึงได้เห็นชัดว่าดูหรูหรามิใช่น้อย แม้แบบจะเรียบๆก็ตาม
"ที่จริงถ้ามีสายสร้อยยาวๆสักเส้นสองเส้นก็คงดีนะคะ" อนงค์ว่า
“แค่นี้ก็พะรุงพะรังพอแล้วล่ะค่ะ แม่อนงค์”
ลูกเลี้ยงสาวน้อยยกส่วนที่เป็นตัวเสื้อขึ้นดู แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ
"ลองใส่ดูสิคะ แล้วลองเดินดู จะได้เคย"
"ถ้าเดินแล้วล้ม ฉันนุ่งซิ่นตามเดิมนะ แม่อนงค์" หลังจากอิดเอื้อนอยู่เป็นครู่ ก็ยอมตามอย่างมีข้อแม้
"คุณขา ชุดนี้เรียบที่สุดแล้วนะคะ"
บางชุดที่ไปดูกันที่ห้างเฟมิน่าหรูหราเสียจนไอรีนรู้ว่าไม่มีวันจะกล้าใส่ออกจากบ้านแน่นอน ชุดที่ช่วยกันเย็บกับมารดาเลี้ยงนี้จะมีปัญหาอยู่ก็แต่ท่อนล่างเป็นกระโปรง ใส่แล้วเดินไม่ถนัดเท่านั้นเอง
"คุณคิดไปเองหรอกค่ะ ไม่เคยใส่กระโปรงแบบนี้นี่คะ มันก็เหมือนซิ่นนั่นแหละ ลองใส่สักครั้งก็คุ้นค่ะ"
จำต้องเข้าไปหลังฉาก ถอดเครื่องแบบนักเรียน แล้วลองสวมเสื้อประโปรงหรูหราชุดแรกในชีวิต กลับออกมาเดินวนรอบห้องอยู่สามรอบ จนค่อยรู้สึกดีขึ้นบ้าง ไม่ตะขิดตะขวงใจว่าเดินไม่ถนัดอีก
"แม่อนงค์คงไม่บอกให้ฉันใส่รองเท้ามีส้นนะคะ ยิ่งแบบที่มีส้นสูงๆ ฉันไม่เอาด้วยแน่ กลัวว่าใส่เดินแล้วล้มค่ะ"
"ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ รองเท้าดำหัวแหลมที่คุณมีอยู่ก็คงได้แล้ว"
หลังจากแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงซึ่งไม่เคยออกงานใหญ่ด้วยกันทั้งคู่ปรึกษาเรื่องการแต่งตัวกันอยู่สามสี่วัน สาวน้อยเลือดผสมก็แต่งตัวอย่างสะดวกใจที่สุดไปงานถือน้ำครั้งแรกของพี่ชาย