เยี่ยมเยือนถิ่นคนทำเทียน ก่อนวันเข้าพรรษา # วัดแจ้ง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี (ประเภทต้นเทียนแบบติดพิมพ์)
http://ppantip.com/topic/35393490

ใกล้งานแห่เที่ยนเข้าพรรษาที่ยิ่งใหญ่ของชาวอุบล พอดีเมื่อวานนี้ว่างๆ เลยปั่นจักรยานไปถ่ายการทำเทียนที่วัดใกล้บ้าน คือวัดผาสุการาม

แนะนำสำหรับคนที่มาเที่ยวงานแห่เที่ยน ลองแวะไปชมตามวัดต่างๆที่ทำเทียน ก่อนที่เขาจะนำมาตั้งโชว์เพื่อประกวดและแห่ในวันเข้าพรรษา

โดยต้นเทียนแต่ละวัดต้องเสร็จก่อน บ่ายโมงของวันอาสาฬหบูชา  ช่วงบ่ายจะนำต้นเทียนทุกต้นไปที่ทุ่งศรีเมือง เพื่อตั้งประกวดในช่วงเย็น จนถึงเช้า

ช่วงเช้าก็จะมีการตั้งขบวนแห่ของแต่ละวัดในวันเข้าพรรษา มีที่นั่งชมเป็นระเบียบ แต่คนเยอะมาก จนถ่ายรูปไม่ค่อยได้

*** แนะนำถ้าอยากถ่ายต้นเทียนสวยๆ และรู้ผลการประกวดแล้ว ให้ตื่นแต่เช้า มาทุ่งศรีเมืองซักก่อน 5.30 น. ก็จะได้เห็นต้นเทียนทุกต้น สวย แบบไม่มีคนให้เกะกะ ในการถ่ายรูป เพราะช่วงสาย ก็จะมีขบวนแห่ คงไม่ได้ถ่ายรูปแล้ว

-------------------------
วัดผาสุการาม อยู่ใน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และเป็นวัดเดียวในฝั่ง อ.วารินชำราบ ที่ทำต้นเทียน เพราะวัดส่วนใหญ่ไม่สู้ค่าใช้จ่าย เพราะต้นเทียนแต่ละต้น มีราคาตั้งแต่ 1-5 ล้านบาท แพงมาก แล้วแต่ว่าจะทำใหญ่ขนาดไหน เลยทำให้มีวัดทำต้นเทียนเข้าประกวดมีไม่เยอะมาก

เป็นวัดที่เงียบสงบ ใจกลางชุมชม


ทักทาย  ไหว้สวย  รวยรอยยิ้ม  จากป้ายทักทายก่อนเข้าชม


ป้ายต้อนรับ สู่ โฮงพญาเทียน
คำว่า “โฮง” ในภาษาอีสานก็หมายถึง โรง หรือห้องโถงที่มีขนาดกว้างใหญ่
ข้อมูลจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9470000065400

พญาเทียน คือต้นเทียนขนาดใหญ่กว่าต้นเทียนธรรมดา




มีร้านค้าชุมชนเล็กๆ


มีเสื้อที่ระลึกงานแห่เทียนขายด้วยนะครับ


สินค้าอื่นๆ


มุมถ้วยรางวัลต่างๆ ที่ทางวัดผาสุการามเคยได้มา




ถ้วยชนะเลิศงานประเพณีแห่เทียนพรรษา 2541


ประวัติวัดผาสุการาม คราวๆ


มุมประชาสัมพันธ์ ทดลองแกะเทียนได้ด้วย



ปีนี้มีน้องๆจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาการท่องเที่ยว ม.ราชภัฎอุบลราชธานี มาเป็นมัคคุเทศอาสา บอกรายละเอียดให้นักท่องเที่ยวได้รับฟัง ถือเป็นสิ่งที่ดี และให้น้องๆได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมา


น้องๆเดินให้บริการข้อมูลได้ดี


พญาเทียน  เทียนของคนวาริน

จากเทียนก้อนร้อนพันมาสรรค์สร้าง  ด้วยมือช่างรังสรรค์เป็นงานศิลป์  เติม หัวใจ ใส่ ศรัทธา คนวาริน  ฝากแผ่นดินด้วยมหา  พญาเทียน


เดินไปที่เขาทำต้นเทียน ก่อนถึงก็จะมีป้ายเกียรติประวัติเทียนพรรษาของทางวัด


ภาพต้นเทียนที่ชนะเลิศเมื่อปี 2557  


ต้นเทียนของวัดไหนได้รางวัล ปีถัดไปจะไม่มีสิทธิ์ส่งประกวด แต่จะนำต้นเทียนที่ได้รางวัลมาโชว์แทน และในปีถัดไปถึงจะทำประกวดได้


แล้วก็มาในส่วนที่เขาทำเทียนกัน อยู่ในอาคาร กันแดด กันฝน


กำลังใช้สมาธิ


มุ่มมันเพื่องานศิลป์




บรรจงเป็นลวดลาย








ได้ลวดลาย






บางส่วนที่เสร็จแล้ว




ความละเอียดของเนื้องาน


ด้านข้างจะมีการหลอมขี้ผึ้ง เพื่อใช้ในการทำต้นเทียน


เตาต้มขี้ผึ้ง


หลอมเป็นปีบๆ




บางส่วนเช่นใบหน้า สร้อย จะในพิมพ์ขึ้นรูปเอาเลย


ส่วนที่ต้องแกะสลัก ก็นำขี้ผึ้งเป็นแผ่นมาติดกับโครงและต่อกันโดยใช้หัวแร้ง


หัวแร้ง คือเป็นหัวเหมือนขวานเล็กๆ รนไฟจนร้อนแล้วนำมาทาบกับขี้ผึ้งเพื่อให้ต่อกันเป็นชิ้นเดียว


ส่วนย่อยๆ ก็สร้างทีละชิ้นแล้วเอาไปประกอบอีกที่


ต้นเทียนหลักประจำขบวน


ส่วนประกอบบางส่วน


ด้านหลังยังไม่เสร็จ ทยอยทำไปเรื่อยๆ



-------------------------------------------------------------------
คงต้องรอวันที่ต้นเทียนไปตั้งโชว์ที่ทุ่งศรีเมืองในวันอาสาฬหบูชา อีกที่

ในวัดผาสุการาม ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกคือ พระนอนที่ยาวที่สุดในอีสานใต้

พระเจ้าใหญ่พุทธไสยาสน์ วัดผาสุการาม เป็นพระพุทธไสยาสน์
ที่มีพระพุทธลักษณะน่าเคารพบูชา ทรงไสยาสน์อยู่บนแท่นขนาดยาว 18
เมตร กว้าง 3.50 เมตร สูง 1.08 เมตร ขนาดองค์จากยอดพระเกศถึง
พื้นพระบาท ยาว 17 เมตร สูงจากพระแท่นถึงยอดพระเกศ 3.70 เมตร

พระพุทธไสยาสน์ มีพุทธลักษณะสิริสง่างามน่าเคารพบูชา สวยงาม
ไม่แพ้ที่ใดๆ ทรงไสยาสน์อยู่บนแท่นดอกบัวที่สวยงาม พระแท่นไสยาสน์
ขนาดยาว 18 เมตร กว้าง 3.50 เมตร สูง 1.20 เมตร ผินพระพักตร์สู่ทิศบูรพา พระเศรียรไปทางทิศใต้ พระบาทไปทางทิศเหนือ การสร้างพระเจ้าใหญ่พุทธไสยาสน์ จากการดำริของชาวบ้านที่เห็นว่าอำเภอวารินชำราบเป็นเมืองคู่กันกับเมืองอุบลราชธานี แต่ชาวอำเภอวารินชำราบไม่มีปูชนียวัตถุที่สำคัญเป็นที่เคารพ ฝั่งอำเภอเมืองอุบลราชธานี มีมากมาย ดังนั้นจึงได้สร้างพระเจ้าใหญ่พุทธไสยาสน์ ให้เป็นที่กราบไหว้ของชาวอำเภอวารินชำราบ (วันอังคาร ปางไสยาสน์)

พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถบรรทมตะแคงขวา เมื่อคราวจะปรินิพพาน หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทายไปตามพระวรกายเบื้องซ้าย พระหัตถ์ขวาหงายวางอยู่ที่พื้นข้างพระวรกาย พระบาทซ้ายทับพระบาทขวา ลักษณะตั้งซ้อนกัน ประวัติและความสำคัญ พระพุทธเจ้าครั้นโปรดสุภัททปริพาชกให้บรรพชาอุปสมบทและให้สำเร็จเป็น พระอริยเจ้าเป็นปัจฉิมสาวกแล้ว ต่อมาพระอานนท์จึงได้ทูลถามพระองค์ว่า พระฉันนะ ถือตัวว่าเป็นข้าเก่า ติดตามพระองค์คราวเสด็จออกบวช เป็นคนว่ายากสอนยาก แม้จะกรุณา เตือนแล้วก็ตาม เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว ยิ่งจะว่ายากขึ้นไปอีก หาผู้ยำเกรงมิได้ ข้าพระองค์จะพึงปฏิบัติต่อพระฉันนะนั้นอย่างไร พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งให้สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ คือ ไม่พึงว่ากล่าว ไม่พึงโอวาท ไม่พึงสั่งสอน เมื่อถูกพรหมทัณฑ์แล้ว จะสำนึกผิดเอง ครั้นแล้วพระพุทธเจ้า ได้ตรัสปัจฉิโมวาท เตือนว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรม เธอทั้งหลาย จงทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ในลำดับแห่งการพิจารณา องค์แห่งจตุถฌาน ก็บังเกิดมหัศจรรย์แผ่นดินใหญ่ไหวสะเทือนสะท้าน เกิดการโลมชาติ ชูชันขันพองสยองเกล้า กลองทิพย์ก็บันลือลั่นในอากาศ พร้อมกับการปรินิพพานของ พระพุทธเจ้า บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายพากันเศร้าโศก ร่ำไห้ คร่ำครวญถึงพระองค์พระอานนท์ และพระอนุรุทธเถระได้แสดงธรรมเพื่อปลอบโยนมหาชน พุทธศาสนิกชนเมื่อรำลึกถึงการเสด็จปรินิพพานของพระองค์ จึงได้สร้าง พระพุทธรูปปางนี้ขึ้น เพื่อบูชาพระพุทธองค์

http://www.warincity.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=1443%3A2013-08-01-06-36-17&catid=96%3A2013-08-01-03-59-39&Itemid=297

















----------------------------------------------------------------