แหล่งข่าว
http://www.1morenews.com/4158.html
ตอนที่ 2 หนีไม่พ้นชื่อตอนย่อย “เปิด...เสือหิวในตำนาน จ้องเขมือบ ดิวตี้ฟรี” ที่ต้องเป็นแบบนี้ เนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบันปรากฏหลักฐานชัดเจนบ้างไม่ชัดเจนบ้างว่ามีผู้ละโมบบางคนกระเหี้ยนกระหือรือ อยากเข้าไปมีส่วนกับกระแสการประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของธุรกิจดิวตี้ฟรี ที่ปัจจุบันข้ามห้วยไปสู่การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในเกาะอังกฤษ
อย่างที่ว่าไป “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” ใช้วาทกรรม “ยึดทรัพย์-เรียกทรัพย์คืน” ส่งกระแสให้สื่อมวลชน กระพือข่าวกันอย่างคึกโครม โดยตั้งตนเป็นเหมือนผู้พิพากษาปราบโกงเสียเอง ทั้งที่ตำแหน่งที่เป็นอยู่คือ รองประธานอนุกรรมาธิการศึกษาเสนอแนะมาตรการและกลไกในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ชื่ออนุกรรมาธิการ ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าให้ไป ..ศึกษา
ให้ไปรวบรวม ข้อ...เสนอแนะ
คือสรุปว่า ให้ศึกษา และเสนอแนะ เรื่อง มาตรการและกลไกการปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ
ดังนั้นบทบาทที่ถูกต้องมันใช่การจะมานั่งแถลงข่าวกล่าวหา องค์กรนั้น องค์กรนี้ บริษัทนั้น บริษัทนี้ ทุจริต ทั้งที่เรื่องของบริษัทดิวตี้ฟรียักษ์ใหญ่ อย่าง “คิง พาวเวอร์” นั้น เขาได้มีการพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมมาแล้ว ดังที่เขียนเอาไว้ในตอนแรก
ดังนั้นการออกมาแถลงข่าวในลักษณะ ฟันธง ว่า “คิง เพาเวอร์-ทอท.” ได้ร่วมกันกระทำความผิด โดยนำข้อมูลสุดแสนจะเก่ามาบอกกับสาธารณชนนั้น จึงควรถูกตั้งข้อสังเกตหลายประการ
ทำไม ?...จึงออกมาเล่นผิดบทบาทหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายไป
ทำไม ?...จึงพยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาเก่า ๆ ให้กับ คิง พาวเวอร์ ถึงสองวันซ้อน
ทำไม ?...หากเป็นการสอบสวน จึงไม่มีขั้นตอนของการให้ความยุติธรรมโดยเชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงในที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ แต่นี่กลับออกมาแถลงข่าวโดยสรุปเปรี้ยงไปเลยว่า มีการกระทำความผิด จะเรียกเงินคืนรัฐนับหมื่นนับแสน ๆ ล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจและชื่อเสียงเขาเสียหาย แบบนี้ไม่เรียก “ลักไก่” แล้วจะเรียกอะไร
มารยาทการทำงานในฐานะอนุกรรมาธิการฯ เมื่อเขาให้ไปศึกษาเรื่องอะไร จะต้องทำในเรื่องนั้น ๆ อย่างเต็มที่ เพื่อกลับไปรายงานให้กับคณะกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่ ไม่ใช่ไปเฉไฉแถลงเรื่องที่ไม่ได้ให้ไปศึกษา ?
มารยาทการทำงานในฐานะอนุกรรมาธิการฯ เมื่อพิจารณาเรื่องแล้วเสร็จ ควรจะออกมาตั้งโต๊ะ เรียกสื่อมาแถลง หรือควรจะนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของกรรมาธิการฯ เพื่อรายงานให้คณะกรรมการชุดใหญ่รับทราบก่อนหรือไม่ แบบนี้ไม่เรียกว่า ข้ามหัวบีบให้คณะกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่จะต้องทำตาม แล้วจะเรียกว่าอะไร
ตามหัวเรื่องที่ 1morenews เขียนจั่วหัว บิ๊กตู่ อย่าให้เกิด ... เสือหิวรุมทึ้งส่วนบุญเศรษฐี ‘ดิวตี้ฟรี’ ไม่ได้ทำเกินเลยหน้าที่ เหมือนกรณี “ชาญชัย อิสรเสนารักษ์” เพราะอย่างนี้...
ตามข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวสด (หน้า 10) วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 จั่วหัว "สพรั่ง"ฉะเพื่อนอำมหิตอ้างตบทรัพย์ ตามราละเอียดข่าวว่า ....
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม ให้ภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางเอฟเอ็ม 98 ถึงกระแสข่าวลาออกจากประธานคณะกรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ภายหลังลาออกจากประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ว่า คงเป็นเร็ว ๆ นี้ ต้องลงอย่างสง่างามและรับประกันว่าไม่ได้เข้าไปทำลายหลักฐาน จะมีมติอะไรจะตรวจสอบไม่ให้เป็นมติอัปยศ รวมถึงเอาชื่อตนไปทำมาหากิน
“ไม่คิดว่าบุคคลที่อาศัยแอบอิงผมมาตลอด คนวงในคิดว่าผมไปเกี่ยวข้อง ที่สุดก็รู้ว่าถูกอ้างชื่อไปหากิน เหมือนในห้องมีกลิ่นอับเหม็นเดินไปกลิ่นก็ติดเสื้อ กระทั่งมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองโทร.มาถาม ตรวจสอบเพื่อนผมเอาชื่อไปหากิน ตอนนี้กำลังจะฟ้อง อยากให้สื่อเจาะลึกๆ อย่าฟังคนที่มีสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อเท่านั้น คนอ้างชื่อผม ผมเป็นลูกผู้ชายพอจะชนตรงๆ” พล.อ.สพรั่งกล่าว
เมื่อถามว่าคนที่นำชื่อไปหากินใช่ทหารเรือที่เป็นเพื่อนกันหรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ไปตรวจสอบเอาเอง สิ่งที่ตนเจ็บปวดที่สุดคือเพื่อนหลายคนที่เคยคิดว่ารักบ้านรักเมือง พอเรามาช่วยกันทำ ออกมาเพื่อยืนหยัดว่าจะร่วมแก้ปัญหาบ้านเมืองแต่ในนั้นกลับมีคนชั่ว ตอนนี้ยังไม่อยากพูดอะไร กำลังดำเนินคดี จะซัดกันซึ่งหน้า จะไม่เอ่ยชื่อใครเพราะบางคนมันเจ้าเล่ห์เพทุบาย
“ผมจะฟ้องตามหลักฐานที่ปรากฏ ขณะนี้ให้ทนายดำเนินการเพื่อรักษาเกียรติภูมิของผม บอกให้สื่อตรวจสอบลึก ๆ คนไหนชอบพอกันแล้วไม่ตรวจสอบก็แย่” พล.อ.สพรั่งกล่าว และว่า ที่โดนมากที่สุดคือ กรณีคิงเพาเวอร์ ผู้ใหญ่บ้านเมืองโทร.มาหาหลายคน ที่เจ็บปวดที่สุดคือเพื่อนไปตบทรัพย์ผู้บริหารคิงเพาเวอร์ ส่วนกรณีทีโอทีเรื่องที่ถูกแอบอ้างชื่อมากที่สุดคือเครือข่าย 3 จี เรื่องผลประโยชน์ ตนจะรู้ได้อย่างไร คนที่รู้คือคนที่ตั้งใจทำมาหากิน สิ่งที่เสียใจมากคือเพื่อนร่วมรบ มิตรที่เคยทำงานกันมาขอเรียกว่า...มิตรอำมหิต"
อ่านกันชัด ๆ แบบนี้แล้ว ทราบแล้วหรือยังว่า นี่..เป็นที่มาของคำว่า “มิตรอำมหิต” ซึ่ง พล.อ.สพรั่ง ให้คำนิยามไว้ว่า “เพื่อนร่วมรบมิตรที่เคยร่วมทำงานกันมา” ทำให้มีผู้เข้าข่าย 2 คนในขณะนั้น คือ “พล.อ.ปอ ปลา” และ “พล.ร.อ.บอ ใบไม้”อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม โดยทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร (ตท.7) ร่วมกับ พล.อ.สพรั่ง และเข้าไปมีบทบาทตรวจสอบทุจริตในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต้องออกมาปัดข่าวชิ้นนี้เป็นพัลวัน
“พล.ร.อ.บ.ใบไม้” จะใช่ “พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน” หรือไม่ ในฐานะผู้ต้องสงสัยลำดับต้น ๆ ได้รีบออกมาแก้ต่างให้ตัวเอง โดยชี้ว่าเป็นการเข้าใจผิดที่ว่าไปเรียกตบทรัพย์
ขบวนการนี้ยังมีคนเกี่ยวข้องไม่ใช่แต่ ท.ทหาร อดทน แต่เป็นพลเรือนสะท้านวงการสื่ออย่าง “ไอ้หนุ่มรถไถ” ถูกพาดพิงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างเต็มเปา ... แอบอ้างบารมี จาก “บุรุษคาบไปป์” เข้านอกออกในบ้าน นายทหารใหญ่แถว ๆ รังสิต เพื่อวางแผนงาบอ้างชาติ
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เคยมีการกระทำเป็นขบวนการเพื่อ “ล้มสัมปทานดิวตี้ฟรี” โดยใช้สารพัดวิชามาร ชี้ชวนให้บอร์ด ทอท.มีมติยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดอากรของกลุ่มคิง เพาเวอร์ โดยอ้างว่าสัญญาเป็นโมฆะ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นคดีความในชั้นศาล
หลังจากนั้น ทางกระทรวงคมนาคมเกรงว่าจะต้องเสียค่าโง่กว่า 6.8 หมื่นล้านบาท หากบอร์ด ทอท.ยกเลิกสัญญาโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เสนอให้มีการเจรจาประนีประนอม เพื่อให้ “คิง เพาเวอร์” ถอนฟ้อง พร้อมทั้งเริ่มเจรจาต่อรองผลตอบแทนใหม่ ซึ่งรัฐจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าเดิม
มาวันนี้ “ขบวนการเสือหิว” ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการล้มสัมปทานดิวตี้ฟรี กำลังจะกลายเป็น ภาค 2 ที่ไม่ได้พิศดารไปกว่ากันหรือไม่?
เหตุการณ์นี้ ผ่านไปเพิ่งจะไม่กี่ปี ประเด็นที่พูดกล่าวหากันมา ล้วนถูกตัดสินโดย ป.ป.ช. และศาล ไปแล้ว กลับโผล่มาอีกครั้ง ด้วยกระบวนการที่ผิดปกติ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น นั่นจึงเป็นที่มาของหัวข่าว ที่จะให้นายกรัฐมนตรี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้รับทราบ และที่สำคัญคือ สาธารณชน ที่ควรจะได้ รีวิว เหตุการณ์ ไปพร้อม ๆ กัน
ตอนนี้ “คิง เพาเวอร์” กระแสกำลังดีวันดีคืน จากผลงานสุดอลังการงานสร้างของ “จิ้งจอกสยาม” สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา...ในฐานะผู้นำปราบโกง คงไม่ปล่อยให้คนชั่ว ได้เดินเชิดหน้าชูคอ หาเหยื่อตบทรัพย์ไปวัน ๆ เช่นนี้แน่ อย่าเพิ่งใช้ ม.44 รีบยุบ สปท.ทิ้งไปเสียก่อน พรุ่งนี้มีของเด็ด ตอนที่ 3 ตั้งหัวเรื่องเอาไว้ล่วงหน้า “กระชากหน้ากากผู้ตรวจสอบ”
อ้างอิง
http://ppantip.com/topic/35381069
บิ๊กตู่ อย่าให้เกิด ... เสือหิวรุมทึ้งส่วนบุญเศรษฐี ‘ดิวตี้ฟรี’ (ตอนที่ 2)
ตอนที่ 2 หนีไม่พ้นชื่อตอนย่อย “เปิด...เสือหิวในตำนาน จ้องเขมือบ ดิวตี้ฟรี” ที่ต้องเป็นแบบนี้ เนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบันปรากฏหลักฐานชัดเจนบ้างไม่ชัดเจนบ้างว่ามีผู้ละโมบบางคนกระเหี้ยนกระหือรือ อยากเข้าไปมีส่วนกับกระแสการประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของธุรกิจดิวตี้ฟรี ที่ปัจจุบันข้ามห้วยไปสู่การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในเกาะอังกฤษ
อย่างที่ว่าไป “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” ใช้วาทกรรม “ยึดทรัพย์-เรียกทรัพย์คืน” ส่งกระแสให้สื่อมวลชน กระพือข่าวกันอย่างคึกโครม โดยตั้งตนเป็นเหมือนผู้พิพากษาปราบโกงเสียเอง ทั้งที่ตำแหน่งที่เป็นอยู่คือ รองประธานอนุกรรมาธิการศึกษาเสนอแนะมาตรการและกลไกในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ชื่ออนุกรรมาธิการ ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าให้ไป ..ศึกษา
ให้ไปรวบรวม ข้อ...เสนอแนะ
คือสรุปว่า ให้ศึกษา และเสนอแนะ เรื่อง มาตรการและกลไกการปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ
ดังนั้นบทบาทที่ถูกต้องมันใช่การจะมานั่งแถลงข่าวกล่าวหา องค์กรนั้น องค์กรนี้ บริษัทนั้น บริษัทนี้ ทุจริต ทั้งที่เรื่องของบริษัทดิวตี้ฟรียักษ์ใหญ่ อย่าง “คิง พาวเวอร์” นั้น เขาได้มีการพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรมมาแล้ว ดังที่เขียนเอาไว้ในตอนแรก
ดังนั้นการออกมาแถลงข่าวในลักษณะ ฟันธง ว่า “คิง เพาเวอร์-ทอท.” ได้ร่วมกันกระทำความผิด โดยนำข้อมูลสุดแสนจะเก่ามาบอกกับสาธารณชนนั้น จึงควรถูกตั้งข้อสังเกตหลายประการ
ทำไม ?...จึงออกมาเล่นผิดบทบาทหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายไป
ทำไม ?...จึงพยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาเก่า ๆ ให้กับ คิง พาวเวอร์ ถึงสองวันซ้อน
ทำไม ?...หากเป็นการสอบสวน จึงไม่มีขั้นตอนของการให้ความยุติธรรมโดยเชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงในที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ แต่นี่กลับออกมาแถลงข่าวโดยสรุปเปรี้ยงไปเลยว่า มีการกระทำความผิด จะเรียกเงินคืนรัฐนับหมื่นนับแสน ๆ ล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจและชื่อเสียงเขาเสียหาย แบบนี้ไม่เรียก “ลักไก่” แล้วจะเรียกอะไร
มารยาทการทำงานในฐานะอนุกรรมาธิการฯ เมื่อเขาให้ไปศึกษาเรื่องอะไร จะต้องทำในเรื่องนั้น ๆ อย่างเต็มที่ เพื่อกลับไปรายงานให้กับคณะกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่ ไม่ใช่ไปเฉไฉแถลงเรื่องที่ไม่ได้ให้ไปศึกษา ?
มารยาทการทำงานในฐานะอนุกรรมาธิการฯ เมื่อพิจารณาเรื่องแล้วเสร็จ ควรจะออกมาตั้งโต๊ะ เรียกสื่อมาแถลง หรือควรจะนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของกรรมาธิการฯ เพื่อรายงานให้คณะกรรมการชุดใหญ่รับทราบก่อนหรือไม่ แบบนี้ไม่เรียกว่า ข้ามหัวบีบให้คณะกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่จะต้องทำตาม แล้วจะเรียกว่าอะไร
ตามหัวเรื่องที่ 1morenews เขียนจั่วหัว บิ๊กตู่ อย่าให้เกิด ... เสือหิวรุมทึ้งส่วนบุญเศรษฐี ‘ดิวตี้ฟรี’ ไม่ได้ทำเกินเลยหน้าที่ เหมือนกรณี “ชาญชัย อิสรเสนารักษ์” เพราะอย่างนี้...
ตามข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวสด (หน้า 10) วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 จั่วหัว "สพรั่ง"ฉะเพื่อนอำมหิตอ้างตบทรัพย์ ตามราละเอียดข่าวว่า ....
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม ให้ภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางเอฟเอ็ม 98 ถึงกระแสข่าวลาออกจากประธานคณะกรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ภายหลังลาออกจากประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ว่า คงเป็นเร็ว ๆ นี้ ต้องลงอย่างสง่างามและรับประกันว่าไม่ได้เข้าไปทำลายหลักฐาน จะมีมติอะไรจะตรวจสอบไม่ให้เป็นมติอัปยศ รวมถึงเอาชื่อตนไปทำมาหากิน
“ไม่คิดว่าบุคคลที่อาศัยแอบอิงผมมาตลอด คนวงในคิดว่าผมไปเกี่ยวข้อง ที่สุดก็รู้ว่าถูกอ้างชื่อไปหากิน เหมือนในห้องมีกลิ่นอับเหม็นเดินไปกลิ่นก็ติดเสื้อ กระทั่งมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองโทร.มาถาม ตรวจสอบเพื่อนผมเอาชื่อไปหากิน ตอนนี้กำลังจะฟ้อง อยากให้สื่อเจาะลึกๆ อย่าฟังคนที่มีสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อเท่านั้น คนอ้างชื่อผม ผมเป็นลูกผู้ชายพอจะชนตรงๆ” พล.อ.สพรั่งกล่าว
เมื่อถามว่าคนที่นำชื่อไปหากินใช่ทหารเรือที่เป็นเพื่อนกันหรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ไปตรวจสอบเอาเอง สิ่งที่ตนเจ็บปวดที่สุดคือเพื่อนหลายคนที่เคยคิดว่ารักบ้านรักเมือง พอเรามาช่วยกันทำ ออกมาเพื่อยืนหยัดว่าจะร่วมแก้ปัญหาบ้านเมืองแต่ในนั้นกลับมีคนชั่ว ตอนนี้ยังไม่อยากพูดอะไร กำลังดำเนินคดี จะซัดกันซึ่งหน้า จะไม่เอ่ยชื่อใครเพราะบางคนมันเจ้าเล่ห์เพทุบาย
“ผมจะฟ้องตามหลักฐานที่ปรากฏ ขณะนี้ให้ทนายดำเนินการเพื่อรักษาเกียรติภูมิของผม บอกให้สื่อตรวจสอบลึก ๆ คนไหนชอบพอกันแล้วไม่ตรวจสอบก็แย่” พล.อ.สพรั่งกล่าว และว่า ที่โดนมากที่สุดคือ กรณีคิงเพาเวอร์ ผู้ใหญ่บ้านเมืองโทร.มาหาหลายคน ที่เจ็บปวดที่สุดคือเพื่อนไปตบทรัพย์ผู้บริหารคิงเพาเวอร์ ส่วนกรณีทีโอทีเรื่องที่ถูกแอบอ้างชื่อมากที่สุดคือเครือข่าย 3 จี เรื่องผลประโยชน์ ตนจะรู้ได้อย่างไร คนที่รู้คือคนที่ตั้งใจทำมาหากิน สิ่งที่เสียใจมากคือเพื่อนร่วมรบ มิตรที่เคยทำงานกันมาขอเรียกว่า...มิตรอำมหิต"
อ่านกันชัด ๆ แบบนี้แล้ว ทราบแล้วหรือยังว่า นี่..เป็นที่มาของคำว่า “มิตรอำมหิต” ซึ่ง พล.อ.สพรั่ง ให้คำนิยามไว้ว่า “เพื่อนร่วมรบมิตรที่เคยร่วมทำงานกันมา” ทำให้มีผู้เข้าข่าย 2 คนในขณะนั้น คือ “พล.อ.ปอ ปลา” และ “พล.ร.อ.บอ ใบไม้”อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม โดยทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร (ตท.7) ร่วมกับ พล.อ.สพรั่ง และเข้าไปมีบทบาทตรวจสอบทุจริตในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต้องออกมาปัดข่าวชิ้นนี้เป็นพัลวัน
“พล.ร.อ.บ.ใบไม้” จะใช่ “พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน” หรือไม่ ในฐานะผู้ต้องสงสัยลำดับต้น ๆ ได้รีบออกมาแก้ต่างให้ตัวเอง โดยชี้ว่าเป็นการเข้าใจผิดที่ว่าไปเรียกตบทรัพย์
ขบวนการนี้ยังมีคนเกี่ยวข้องไม่ใช่แต่ ท.ทหาร อดทน แต่เป็นพลเรือนสะท้านวงการสื่ออย่าง “ไอ้หนุ่มรถไถ” ถูกพาดพิงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างเต็มเปา ... แอบอ้างบารมี จาก “บุรุษคาบไปป์” เข้านอกออกในบ้าน นายทหารใหญ่แถว ๆ รังสิต เพื่อวางแผนงาบอ้างชาติ
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เคยมีการกระทำเป็นขบวนการเพื่อ “ล้มสัมปทานดิวตี้ฟรี” โดยใช้สารพัดวิชามาร ชี้ชวนให้บอร์ด ทอท.มีมติยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดอากรของกลุ่มคิง เพาเวอร์ โดยอ้างว่าสัญญาเป็นโมฆะ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นคดีความในชั้นศาล
หลังจากนั้น ทางกระทรวงคมนาคมเกรงว่าจะต้องเสียค่าโง่กว่า 6.8 หมื่นล้านบาท หากบอร์ด ทอท.ยกเลิกสัญญาโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เสนอให้มีการเจรจาประนีประนอม เพื่อให้ “คิง เพาเวอร์” ถอนฟ้อง พร้อมทั้งเริ่มเจรจาต่อรองผลตอบแทนใหม่ ซึ่งรัฐจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าเดิม
มาวันนี้ “ขบวนการเสือหิว” ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการล้มสัมปทานดิวตี้ฟรี กำลังจะกลายเป็น ภาค 2 ที่ไม่ได้พิศดารไปกว่ากันหรือไม่?
เหตุการณ์นี้ ผ่านไปเพิ่งจะไม่กี่ปี ประเด็นที่พูดกล่าวหากันมา ล้วนถูกตัดสินโดย ป.ป.ช. และศาล ไปแล้ว กลับโผล่มาอีกครั้ง ด้วยกระบวนการที่ผิดปกติ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น นั่นจึงเป็นที่มาของหัวข่าว ที่จะให้นายกรัฐมนตรี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้รับทราบ และที่สำคัญคือ สาธารณชน ที่ควรจะได้ รีวิว เหตุการณ์ ไปพร้อม ๆ กัน
ตอนนี้ “คิง เพาเวอร์” กระแสกำลังดีวันดีคืน จากผลงานสุดอลังการงานสร้างของ “จิ้งจอกสยาม” สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา...ในฐานะผู้นำปราบโกง คงไม่ปล่อยให้คนชั่ว ได้เดินเชิดหน้าชูคอ หาเหยื่อตบทรัพย์ไปวัน ๆ เช่นนี้แน่ อย่าเพิ่งใช้ ม.44 รีบยุบ สปท.ทิ้งไปเสียก่อน พรุ่งนี้มีของเด็ด ตอนที่ 3 ตั้งหัวเรื่องเอาไว้ล่วงหน้า “กระชากหน้ากากผู้ตรวจสอบ”
อ้างอิง http://ppantip.com/topic/35381069