สวัสดีครับ ผมเองเพิ่งเปลี่ยนจากการขับมอเตอร์ไซต์ธรรมดา มาเป็น Minibike
จึงเริ่มที่จะมองหา อุปกรณ์เพื่อป้องกันความเสียหาย และผมใช้เวลากับการเลือกหมวกกันน็อคนานมากกกกกกกกกก
เลยคิดว่าอาจมีเพื่อนๆ หลายคนเจอกับปัญหานี้อยู่
การรีวิวนี้ อยากให้เป็นแนวทางประกอบการพิจารณาในซื้อ และเลือกใช้
โดยไม่ได้มีเจตนาเพื่อผลประโยชน์ หรือสร้างความเสียหายกับสินค้า
เป็นความเห็นส่วนตัวจากการใช้ หากมีข้อผิดอย่างไรก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ
และเป็นรีวิวครั้งแรกด้วย
ตอนแรกหลังจากเปลี่ยนรถ ผมมองหาหมวกเต็มใบที่มีแว่นกันแดด
เพราะผมต้องใส่แว่นสายตา หากขับกลางแจ้งใส่แว่นกันแดดก็ยังไงอยู่
ผ่านหน้าร้านขายอุปกรณ์มอเตอร์ไซต์แถวสะพานควาย เดินดุ่มๆ เข้าไปหาซื้อหมวกมา
ได้เป็นเจ้า Rider รุ่น viper สีแดงสดใส (เลือกสีแดงเพราะรถผมดำแดง 555+)
ใช้ไปสักพัก เริ่มศึกษาเพิ่มเติมว่ามันแตกต่างจากหมวกใบเป็นหมื่นยังไง
เลยเริ่มเก็บข้อมูลจากรีวิวท่านอื่นๆ จนไปถอย HJC RPHA 10 plus model lorenzo replica MC2 มา
สรุปว่ามันแตกต่างกันอย่างมากมายเลย จะเป็นอย่างไรตามดูในรีวิวเลยครับ
1. Rider รุ่น Viper
รูปลักษณ์ภายนอก: สีสันสดใส ดูทันสมัยดี เมื่อสัมผัสรู้สึกว่าน้ำหนักเบาดี (จากที่ดูข้อมูลมา น้ำหนักอยู่ที่ 1500 กรัม แต่ผมใช้ size M น่าจะอยู่ที่ 1300-1400 ได้) กะทัดรัด ใส่แล้วหัวไม่โต ขาเลื่อนแว่นกันแดดทางซ้าย ระบายลมได้ 4 ช่อง
มี มอก. ระบุ ท้ายหมวก
รูระบายลม ปิดเปิดได้ 2 ข้าง
รูระบายลม ที่ปาก
รูปลักษณ์ภายใน: หงายหมวกปั๊บ ไม่มีแผ่นกันคาง เมื่อสวมดู ผิวสัมผัสนวมสากและแน่นมากกกกกกกก (ถึงแม้ลองใส่มา 2-3 อาทิตย์ก็ยังแน่น)
ถ้าใส่โม่งก็ช่วยลดผิวที่สากได้ แต่จะหัวจะแน่นขึ้น
นวมด้านในถอดซักได้ ลองถอดนวมชิ้นส่วนด้านในดู เมื่อใส่กลับเข้าไปกลับไม่แน่นเหมือนเดิม (กรรมแล้ว) รู้สึกกระดุมแป๊กยังไม่แน่นหนาพอ
การใช้งานจริง: มุมมองในการขับทำได้ดี เสียงลมเริ่มดังชัดเจนที่ 60 กม. การเคลื่อนไหวหันหน้าซ้ายขวาปานกลาง ยังไม่ลื่นเท่าไร หัวสั่น ยิ่งถ้าลงหลุมหรือทางขรุขระจะสั่นมากๆ
ครั้งแรกที่ขับประมาณ 40 นาที จะเริ่มปวดหัว ขมับ และเบ้าตามาก จากนวมที่แน่น +แว่นสายตาที่ใส่
ต้องจอดพัก ถึงขับต่อได้ ไม่งั้นตาพร่า อันตรายแน่นอน
รอยที่หน้าผาก
ขับที่ 100-110 รู้สึกกว่าหมวกต้านอากาศ Dynamic ให้คะแนนกลางๆ หันคอซ้ายขวาไม่ค่อยถนัด
แต่ที่ผมชอบมากๆ ของ Rider รุ่น Viper นี้ คือ แว่นกันแดดข้างในครับ
ก้านปิดเปิดแว่นกันแดดทำได้ดีมาก กลไกมีความหนึบๆ ไม่แข็ง แต่แข็งแรง (ผมมีโอกาสไปลองเล่นหมวกมีแว่นของ Real ดูแต่จำรุ่นไม่ได้ กลไกหลวมกว่า เหมือนจะหลุดง่าย)
เวลาลงหลุมกระแทกไม่ตกลงมา
ตัวแว่นพอดีกับ shield หน้า มองไม่หลอกตา ขับกลางวันสบายมากๆ ครับ
ค่าเสียหายเจ้า Rider รุ่น Viper นี้อยู่ประมาณ 1500.- บวกลบแต่ละร้านครับ
2. HJC RPHA 10 plus model lorenzo replica MC2
มาพร้อมกับเอกสาร คู่มือ สติ๊กเกอร์ Shield smoke และกันฝ้าครับ
รูปลักษณ์ภายนอก: ให้ 2 คำพอครับ "หล่อมาก" หน้าตา สีสัน ดูเนียบครับ ใส่แล้วหัวไม่โต (อาจใหญ่กว่า Rider นิดๆ)
รุ่นนี้ไม่มีแว่นกันแดดข้างใน อาจลำบากเวลาไปไหนมาไหนต้องพก Shield สำรอง
แต่แลกมาด้วยน้ำหนักที่เบา (หลังหมวกติดไว้ 1300+- กรัม Size M) ความรู้สึกเบาคล้ายกับเจ้า Rider แต่จับดีดีจะพบว่าวัสดุแตกต่างชัดเจน
ทำที่ระบายอากาศดี และรูปทรงที่ลู่ลม กลไกลูกเล่นทำมาดี ติดใจอย่างเดียวตรงกลไกระบายลมบนหัว 2 ข้างด้านหน้า
จะเป็นลูกล้อ ดูไม่แข็งแรง เวลาเลื่อนเปิดปิด เหมือนจะหลุดได้ (เวลาซื้อให้ตรวจสอบกลไกตรงนี้ด้วย)
และรูระบายบนหัวด้านหลัง ที่ใครๆ บอกว่าอย่าให้น้ำเข้า ไม่งั้นหัวเปียกแน่ครับ
กลไกเปลี่ยน Shield ง่ายมาก แต่แน่นหนา ต้องวางสลักของ Shield ให้ตรงกับหมวกข้างละ 2 ที่
มีกลไกล๊อค Shield ด้านหน้าเวลาเกิดอุบัติเหตุ ทำออกมาดี ตอนปิดบางครั้งต้องอาศัยแรงมาก ตอนเปิดดันขึ้นสบายครับ
รูปลักษณ์ภายใน: แอบมีลวดลายนิดๆ และแผ่นกันลมใต้คาง งานเนียบ แน่นหนา นวมนุ่ม แต่กระชับ ผิวสัมผัสนุ่ม ไม่กดเหนียงมาก
ถอดประกอบชิ้นส่วนได้หมด กลไกการถอดแน่นหนามาก มีพลาสติกเสียบเพื่อ Fix นวมแต่ละชิ้นอีกชั้นตรงขอบยาง
ไม่กล้ารื้อมาก กลัวใส่ไม่เหมือนเดิม
เมื่อใส่นวมกลับดูแน่นหนาดี กระดุมแป๊กไม่หลวม (ในคู่มือให้เช็คจุดนี้ก่อนสวม เพื่อความปลอดภัยหากเกิดอุบัติเหตุ)
การใช้งานจริง: มุมมองในหมวกเคลียร์ โล่งสบาย การเคลื่อนไหวศีรษะดีมาก ไม่เมื่อยคอ
ลู่ลมดีมาก หัวไม่สั่น เก็บเสียงดี๊ดี
เริ่มได้ยินเสียงลมเอื่อยๆ ตอนขับ 100 กม. ไม่ถึงกับโกรก
ครั้งแรกที่ขับได้เกิน 1 ชม. อาการปวดหัวหน่วงๆ เท่านั้น น้อยกว่าเจ้า Rider มาก
นวมไม่กดมาก แต่กระชับ การหันศีรษะซ้ายขวาดี ต้านลมน้อยมาก Dynamic ดีมาก
ระบายอากาศดี หัวไม่ร้อน Flow มากครับ จอดตอนรถติดอาจร้อนนิดหน่อย ก็เปิด Shield ยกขึ้นหล่อๆ เลยครับ
ค่าเสียหายเจ้า HJC RPHA 10 plus model lorenzo replica MC2 นี้อยู่ประมาณ 15000.- บวกลบแต่ละร้านครับ
บทสรุปของทั้ง 2 ใบ:
สำหรับผมแล้วจะใช้ Rider เวลาไปไหนใกล้ๆ ระยะเวลาสั้นๆ หรือช่วงกลางวัน ส่วน HJC นั้นจะใช้เวลาขับทางไกลหรือระยะเวลานาน หรือช่วงที่ต้องอาศัยการมองเห็นมากๆ
ส่วนคุณภาพนั้น สมน้ำสมเนื้อกับราคาทั้งสองใบครับ ในมุมมองผมสำหรับหมวกราคา 10000+ นั้นถือว่าคุ้มมาก สำหรับผู้ที่ขับมอเตอร์ไซต์ประจำ ไม่เพียงแต่กลุ่มผู้ขับ Big bike หรือ Minibike เท่านั้น
สำหรับคนที่ใช้รถธรรมดาก็ยังควรเก็บไว้พิจารณา (ไปตลาดจ่ายกับข้าวอาจไม่เห็นผลมาก แต่ถ้าใครขับไกลๆ นานๆ แล้วจะรู้เลยครับ เพราะผมขับแบบนี้แต่ใช้หมวกธรรมดามาหลายปี เพิ่งจะรู้ก็ตอนเปลี่ยนนี่เอง)
นอกจากเรื่องรูปลักษณ์ที่หล่อ ที่สวยแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือ ซื้อความปลอดภัยในการใช้มอเตอร์ไซต์ครับ ทั้งนี้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์อย่างเดียว ผู้ขับก็ต้องมีน้ำใจในการขับ จึงลดความเสี่ยงลงไป และปลอดภัยขึ้นครับ
อาจพอเป็นแนวทางในการพิจารณาซื้อ สำหรับใครที่กำลังมองหาหมวกกันน็อคอยู่
คงต้องขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ หากใครมีข้อเสนอ จะเสริมเพิ่มเติม เชิญได้เต็มที่ครับ
ลุยกับฝูงแมลงมา ขอตัวไปทำความสะอาดก่อนนะคร๊าบบบบ เเว๊บๆๆๆ
[CR] [CR]รีวิวหมวกกันน็อคแพ็คคู่ Rider รุ่น Viper และ HJC RPHA 10 plus
สวัสดีครับ ผมเองเพิ่งเปลี่ยนจากการขับมอเตอร์ไซต์ธรรมดา มาเป็น Minibike
จึงเริ่มที่จะมองหา อุปกรณ์เพื่อป้องกันความเสียหาย และผมใช้เวลากับการเลือกหมวกกันน็อคนานมากกกกกกกกกก
เลยคิดว่าอาจมีเพื่อนๆ หลายคนเจอกับปัญหานี้อยู่
การรีวิวนี้ อยากให้เป็นแนวทางประกอบการพิจารณาในซื้อ และเลือกใช้
โดยไม่ได้มีเจตนาเพื่อผลประโยชน์ หรือสร้างความเสียหายกับสินค้า
เป็นความเห็นส่วนตัวจากการใช้ หากมีข้อผิดอย่างไรก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ
และเป็นรีวิวครั้งแรกด้วย
ตอนแรกหลังจากเปลี่ยนรถ ผมมองหาหมวกเต็มใบที่มีแว่นกันแดด
เพราะผมต้องใส่แว่นสายตา หากขับกลางแจ้งใส่แว่นกันแดดก็ยังไงอยู่
ผ่านหน้าร้านขายอุปกรณ์มอเตอร์ไซต์แถวสะพานควาย เดินดุ่มๆ เข้าไปหาซื้อหมวกมา
ได้เป็นเจ้า Rider รุ่น viper สีแดงสดใส (เลือกสีแดงเพราะรถผมดำแดง 555+)
ใช้ไปสักพัก เริ่มศึกษาเพิ่มเติมว่ามันแตกต่างจากหมวกใบเป็นหมื่นยังไง
เลยเริ่มเก็บข้อมูลจากรีวิวท่านอื่นๆ จนไปถอย HJC RPHA 10 plus model lorenzo replica MC2 มา
สรุปว่ามันแตกต่างกันอย่างมากมายเลย จะเป็นอย่างไรตามดูในรีวิวเลยครับ
1. Rider รุ่น Viper
รูปลักษณ์ภายนอก: สีสันสดใส ดูทันสมัยดี เมื่อสัมผัสรู้สึกว่าน้ำหนักเบาดี (จากที่ดูข้อมูลมา น้ำหนักอยู่ที่ 1500 กรัม แต่ผมใช้ size M น่าจะอยู่ที่ 1300-1400 ได้) กะทัดรัด ใส่แล้วหัวไม่โต ขาเลื่อนแว่นกันแดดทางซ้าย ระบายลมได้ 4 ช่อง
มี มอก. ระบุ ท้ายหมวก
รูระบายลม ปิดเปิดได้ 2 ข้าง
รูระบายลม ที่ปาก
รูปลักษณ์ภายใน: หงายหมวกปั๊บ ไม่มีแผ่นกันคาง เมื่อสวมดู ผิวสัมผัสนวมสากและแน่นมากกกกกกกก (ถึงแม้ลองใส่มา 2-3 อาทิตย์ก็ยังแน่น)
ถ้าใส่โม่งก็ช่วยลดผิวที่สากได้ แต่จะหัวจะแน่นขึ้น
นวมด้านในถอดซักได้ ลองถอดนวมชิ้นส่วนด้านในดู เมื่อใส่กลับเข้าไปกลับไม่แน่นเหมือนเดิม (กรรมแล้ว) รู้สึกกระดุมแป๊กยังไม่แน่นหนาพอ
การใช้งานจริง: มุมมองในการขับทำได้ดี เสียงลมเริ่มดังชัดเจนที่ 60 กม. การเคลื่อนไหวหันหน้าซ้ายขวาปานกลาง ยังไม่ลื่นเท่าไร หัวสั่น ยิ่งถ้าลงหลุมหรือทางขรุขระจะสั่นมากๆ
ครั้งแรกที่ขับประมาณ 40 นาที จะเริ่มปวดหัว ขมับ และเบ้าตามาก จากนวมที่แน่น +แว่นสายตาที่ใส่
ต้องจอดพัก ถึงขับต่อได้ ไม่งั้นตาพร่า อันตรายแน่นอน
รอยที่หน้าผาก
ขับที่ 100-110 รู้สึกกว่าหมวกต้านอากาศ Dynamic ให้คะแนนกลางๆ หันคอซ้ายขวาไม่ค่อยถนัด
แต่ที่ผมชอบมากๆ ของ Rider รุ่น Viper นี้ คือ แว่นกันแดดข้างในครับ
ก้านปิดเปิดแว่นกันแดดทำได้ดีมาก กลไกมีความหนึบๆ ไม่แข็ง แต่แข็งแรง (ผมมีโอกาสไปลองเล่นหมวกมีแว่นของ Real ดูแต่จำรุ่นไม่ได้ กลไกหลวมกว่า เหมือนจะหลุดง่าย)
เวลาลงหลุมกระแทกไม่ตกลงมา
ตัวแว่นพอดีกับ shield หน้า มองไม่หลอกตา ขับกลางวันสบายมากๆ ครับ
ค่าเสียหายเจ้า Rider รุ่น Viper นี้อยู่ประมาณ 1500.- บวกลบแต่ละร้านครับ
2. HJC RPHA 10 plus model lorenzo replica MC2
มาพร้อมกับเอกสาร คู่มือ สติ๊กเกอร์ Shield smoke และกันฝ้าครับ
รูปลักษณ์ภายนอก: ให้ 2 คำพอครับ "หล่อมาก" หน้าตา สีสัน ดูเนียบครับ ใส่แล้วหัวไม่โต (อาจใหญ่กว่า Rider นิดๆ)
รุ่นนี้ไม่มีแว่นกันแดดข้างใน อาจลำบากเวลาไปไหนมาไหนต้องพก Shield สำรอง
แต่แลกมาด้วยน้ำหนักที่เบา (หลังหมวกติดไว้ 1300+- กรัม Size M) ความรู้สึกเบาคล้ายกับเจ้า Rider แต่จับดีดีจะพบว่าวัสดุแตกต่างชัดเจน
ทำที่ระบายอากาศดี และรูปทรงที่ลู่ลม กลไกลูกเล่นทำมาดี ติดใจอย่างเดียวตรงกลไกระบายลมบนหัว 2 ข้างด้านหน้า
จะเป็นลูกล้อ ดูไม่แข็งแรง เวลาเลื่อนเปิดปิด เหมือนจะหลุดได้ (เวลาซื้อให้ตรวจสอบกลไกตรงนี้ด้วย)
และรูระบายบนหัวด้านหลัง ที่ใครๆ บอกว่าอย่าให้น้ำเข้า ไม่งั้นหัวเปียกแน่ครับ
กลไกเปลี่ยน Shield ง่ายมาก แต่แน่นหนา ต้องวางสลักของ Shield ให้ตรงกับหมวกข้างละ 2 ที่
มีกลไกล๊อค Shield ด้านหน้าเวลาเกิดอุบัติเหตุ ทำออกมาดี ตอนปิดบางครั้งต้องอาศัยแรงมาก ตอนเปิดดันขึ้นสบายครับ
รูปลักษณ์ภายใน: แอบมีลวดลายนิดๆ และแผ่นกันลมใต้คาง งานเนียบ แน่นหนา นวมนุ่ม แต่กระชับ ผิวสัมผัสนุ่ม ไม่กดเหนียงมาก
ถอดประกอบชิ้นส่วนได้หมด กลไกการถอดแน่นหนามาก มีพลาสติกเสียบเพื่อ Fix นวมแต่ละชิ้นอีกชั้นตรงขอบยาง
ไม่กล้ารื้อมาก กลัวใส่ไม่เหมือนเดิม
เมื่อใส่นวมกลับดูแน่นหนาดี กระดุมแป๊กไม่หลวม (ในคู่มือให้เช็คจุดนี้ก่อนสวม เพื่อความปลอดภัยหากเกิดอุบัติเหตุ)
การใช้งานจริง: มุมมองในหมวกเคลียร์ โล่งสบาย การเคลื่อนไหวศีรษะดีมาก ไม่เมื่อยคอ
ลู่ลมดีมาก หัวไม่สั่น เก็บเสียงดี๊ดี
เริ่มได้ยินเสียงลมเอื่อยๆ ตอนขับ 100 กม. ไม่ถึงกับโกรก
ครั้งแรกที่ขับได้เกิน 1 ชม. อาการปวดหัวหน่วงๆ เท่านั้น น้อยกว่าเจ้า Rider มาก
นวมไม่กดมาก แต่กระชับ การหันศีรษะซ้ายขวาดี ต้านลมน้อยมาก Dynamic ดีมาก
ระบายอากาศดี หัวไม่ร้อน Flow มากครับ จอดตอนรถติดอาจร้อนนิดหน่อย ก็เปิด Shield ยกขึ้นหล่อๆ เลยครับ
ค่าเสียหายเจ้า HJC RPHA 10 plus model lorenzo replica MC2 นี้อยู่ประมาณ 15000.- บวกลบแต่ละร้านครับ
บทสรุปของทั้ง 2 ใบ:
สำหรับผมแล้วจะใช้ Rider เวลาไปไหนใกล้ๆ ระยะเวลาสั้นๆ หรือช่วงกลางวัน ส่วน HJC นั้นจะใช้เวลาขับทางไกลหรือระยะเวลานาน หรือช่วงที่ต้องอาศัยการมองเห็นมากๆ
ส่วนคุณภาพนั้น สมน้ำสมเนื้อกับราคาทั้งสองใบครับ ในมุมมองผมสำหรับหมวกราคา 10000+ นั้นถือว่าคุ้มมาก สำหรับผู้ที่ขับมอเตอร์ไซต์ประจำ ไม่เพียงแต่กลุ่มผู้ขับ Big bike หรือ Minibike เท่านั้น
สำหรับคนที่ใช้รถธรรมดาก็ยังควรเก็บไว้พิจารณา (ไปตลาดจ่ายกับข้าวอาจไม่เห็นผลมาก แต่ถ้าใครขับไกลๆ นานๆ แล้วจะรู้เลยครับ เพราะผมขับแบบนี้แต่ใช้หมวกธรรมดามาหลายปี เพิ่งจะรู้ก็ตอนเปลี่ยนนี่เอง)
นอกจากเรื่องรูปลักษณ์ที่หล่อ ที่สวยแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือ ซื้อความปลอดภัยในการใช้มอเตอร์ไซต์ครับ ทั้งนี้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์อย่างเดียว ผู้ขับก็ต้องมีน้ำใจในการขับ จึงลดความเสี่ยงลงไป และปลอดภัยขึ้นครับ
อาจพอเป็นแนวทางในการพิจารณาซื้อ สำหรับใครที่กำลังมองหาหมวกกันน็อคอยู่
คงต้องขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ หากใครมีข้อเสนอ จะเสริมเพิ่มเติม เชิญได้เต็มที่ครับ
ลุยกับฝูงแมลงมา ขอตัวไปทำความสะอาดก่อนนะคร๊าบบบบ เเว๊บๆๆๆ